“ฟิล์ม น้องใหม่ฯ” ควงแม่แถลงโต้ซ้อมลูกวัย 3 เดือน แต่ยอมรับเคยตีลูกตอนอายุ 1 ขวบ ไม่รู้อีกฝ่ายเอารูปมาจากไหน รับผิดนอกใจ เชื่อถูกแฉเพราะตนอยากเลิกจริงจัง ยันให้เงินค่าเลี้ยงดูขั้นต่ำ 8 พัน บอกกลับไปเป็นครอบครัวไม่ได้ แต่ขอโอกาสเจอหน้าลูก พ้อเครียดอยากฆ่าตัวตาย อนาคตมืดมน ไม่รู้จะเอายังไงต่อ ด้านแม่โฮแตกกลางรายการ สภาพจิตใจแย่ ไม่เคยรู้ลูกชายมีลูกมีเมีย ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง ขอให้จบอย่าสาดโคลนใส่กัน
จากกรณีที่ “แพร์” อดีตภรรยานักแสดงวัยรุ่น “ฟิล์ม ณัฐกวี” หรือ “ฟิล์ม น้องใหม่ร้ายบริสุทธิ์” ได้ออกมาแฉข้อความพร้อมภาพ ระบุว่าหนุ่มฟิล์มซ้อมลูกวัย 3 เดือน และทิ้งเมียหลังเข้าวงการบันเทิง ด้านหนุ่มฟิล์มเก็บตัวเงียบไม่มีใครสามารถติดต่อได้ ล่าสุด เจ้าตัวควงคุณแม่มาเปิดใจในรายการปากโป้ง ณ สตูดิโอปากโป้ง ตึกช่อง 8 อาคารเชษฐโชติศักดิ์ ยอมรับไม่บอกใคร เพราะกลัวแม่เสียใจ งานนี้แม่ฟิล์มร่ำไห้ทั้งระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการและสัมภาษณ์สื่อ รวมไปถึงหนุ่มฟิล์มเองก็ร้องไห้ ทำสะเทือนอารมณ์ไปตาม ๆ กัน โดยระหว่างให้สัมภาษณ์หนุ่มฟิล์มมีสีหน้าเคร่งเครียดและตอบอึกอักอยู่ไม่น้อย
ฟิล์ม : “ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษคุณแม่นะครับ (ยกมือไหว้แม่) ขอโทษสังคมนะครับ ขอโทษเขาและครอบครัวของเขาที่ทำได้ไม่ดีพอ (นิ่งนาน) ขอโทษเพราะว่า...(นิ่ง) ผมรู้สึกผิดครับ ที่ทำได้ไม่ดีพอ และตอนนั้นผมก็ยังเด็กด้วยครับ ก็คิดว่าจะขอโอกาสจากสังคมครับ คือยังไงผมก็รักลูกของผมครับ ก็จะขอโอกาสในการทำงานครับ เพื่อจะส่งเงินไปให้ลูกครับ”
“เราเจอกันที่โรงเรียนครับ ตอนนั้นผมอยู่ม.6 ผมขาหัก และเพิ่งจะดีขึ้นแล้วก็เจอเขา ก็เหมือนคุยกันเรื่องเรียน ตอนนั้นมันเพิ่งจะขึ้นมหาวิทยาลัยด้วย ตอนนั้นเขาเป็นครูฝึกสอนครับ จากนั้นก็พูดคุยกันมาสักพักหนึ่ง สนิทกันมากขึ้นครับ และได้มีโอกาสไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย ก็พูดคุยกันเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยครับ คุยกันประมาณ 2 เดือนก็คบกันครับ หลังจากนั้นก็มาที่บ้านผมครับ มาติวหนังสือ ตอนนั้นแม่ก็เคยเห็นเขา”
แม่ : “แม่ไม่ทราบเลยค่ะ แม่มาทราบตอนที่เป็นข่าว ตกใจมากและสงสารลูกมากด้วย แต่ตอนที่ฟิล์มมาบ้านแม่คิดว่าเป็นครูฝึกสอน เพราะตอนนั้นเขาก็มีแฟน เป็นเหมือนปั๊บปี้เลิฟ ก็มีไปๆ มาๆ ที่บ้าน เพราะฟิล์มเขาขาหัก เขาก็เรียนไม่ทันเพื่อนในบางวิชา และฟิล์มก็แนะนำว่าน้องเขาเป็นครูฝึกสอนค่ะ บางทีตอนเย็นเราก็ออกไปขายของ ก็จะไม่ได้อยู่กับเขาได้ตลอด”
“ก็มีสังเกตพฤติกรรมบ้างค่ะ แต่ว่าตอนนั้นมันนานมาก จากวันนั้นมาถึงวันนี้ เหตุการณ์วันนั้นรู้สึกว่ามันนานมาก และรู้ว่าฟิล์มเขาก็มีพฤติกรรมแปลกๆ”
เครียดบอกใครไม่ได้ เรียนยังไม่จบอีกฝ่ายก็ป่อง แม่ยันไม่ทราบเรื่องฝ่ายหญิงมีลูก
ฟิล์ม : “ตอนนั้นยังไม่จบม.6 ครับ ยังคบกันไปเรื่อยๆ ผมก็ยังไม่จบด้วยซ้ำก็ทราบว่าเขามีน้อง ก่อนจะจบถึงจะทราบ ตอนนั้นเครียดมาก บอกใครไม่ได้ ก็เลยตัดสินใจมาอยู่ข้างนอกด้วยกัน จนอยู่ไปเรื่อยๆ ทำงาน แล้วก็ไม่ได้บอกใครครับ กับแม่ก็ไม่ได้บอกครับ แม่ไม่ทราบเลย”
แม่ : “(แพร์บอกว่าแม่รู้ตอนเขาท้อง 6 เดือน?) ไม่ใช่ค่ะ ตอนแรกเข้าใจว่าเป็นหลานของเขาค่ะ ไม่รู้เลยว่าเขาตั้งท้อง หรือฟิล์มอาจจะไปหลอกเขาหรือเปล่าว่าแม่รู้เพื่อจะไม่ให้เขามาที่บ้านหรือเปล่าไม่ทราบ เพราะไม่พบเขาเลยตั้งแต่ตอน ม.6 พอจบก็ไม่พบเขาเลยค่ะ ส่วนที่ว่าตอนขวบกว่าได้พบ ไม่ได้พบนะคะ มาเห็นภาพจากในเฟซบุ๊กของเขา ก็จะเข้าใจว่าเป็นหลาน ที่บ้านก็จะเข้าใจว่าเป็นหลานของน้องเขา”
“ถ้าเป็นน้องสาวอาจจะทราบก่อนหน้านี้ แต่แม่อาจจะไม่ทราบ เพราะเขาจะไม่เล่าให้ฟังเลย เพราะเขาจะรู้ว่าจะเล่าให้คุณยายทราบไม่ได้ แม่จะทราบไม่ได้ คือในความคิดของเขาเองนะคะ”
ไม่เคยสงสัย ไม่เคยระแวง เพราะลูกชายอยู่หอ
แม่ : “เนื่องจากฟิล์มเขาก็จะมีเรื่องของแฟน มีปั๊บปี้เลิฟอะไรแบบนี้ค่ะ ก็คือไม่ค่อยมาที่บ้าน ก็เลยไม่ระแวง เพราะว่าเขาไปอยู่หอ เราไม่รู้ว่าเขาไปเกิดอะไรขึ้น เราตามไปที่หอบ้าง ที่เอกมัย 30 ก็จะเช่าไว้ให้เขาใกล้ๆ โรงเรียนบ้างค่ะ ไปก็ไม่เจอแพร์ ยอมรับว่าไม่ค่อยไปดู”
ปกปิดลูกเมียเพราะไม่อยากให้แม่เสียใจ
ฟิล์ม : “ตอนนั้นคือเราคิดถึงความรู้สึกแม่ครับ เขาตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูง ไม่อยากให้เขาเสียใจ อยู่ด้วยกันมาทั้งหมด 3 ปีครับ แต่ที่มีปัญหาหนักจริงๆ ก็ช่วงหลังนี่ครับ ที่ผมตัดสินใจเดินออกมา คือมันหลายอย่าง มันก็หึงกันด้วยครับ เป็นเรื่องวัยรุ่นทะเลาะกัน ก็มีการหึง ถามว่าเป็นเพราะเราเข้าวงการหรือเปล่า ผมขอบอกไว้ตรงนี้ว่าผมทำงานตั้งใจที่จะเอาเงินส่งเสียเขา คิดว่าเอางานก่อนครับ ยังไม่ได้ตัดสินใจจะบอก”
ครอบครัวฝ่ายหญิงจัดงานแต่งเองทั้งหมด ส่วนตนไม่พร้อมบอกครอบครัวตัวเอง
ฟิล์ม : “ตอนนั้นอายุ 19 ครับ หลังจากที่มีลูกแล้ว ไม่ได้แจ้งครอบครัวเลยครับ (แสดงว่าครอบครัวฝ่ายหญิงเป็นคนจัดการเรื่องงานแต่งทั้งหมด?) ใช่ครับ คือเขาเป็นห่วงความรู้สึกของลูกผม ถ้าเกิดวันหนึ่งโตขึ้นมา เกิดอะไรขึ้นมาจะได้มีเรื่องราวว่าแต่งงานกันแล้ว ผมแต่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบน่ะครับ แต่ก็ยังไม่พร้อมจะบอกทางครอบครัวเรา (ผู้ใหญ่ฝ่ายหญิงไม่เรียกร้องอะไรเลยเหรอ) เขาก็อยากให้มาครับ แต่ผมบอกว่าไม่ว่าง ไม่สะดวก (ผู้ใหญ่ทางเรามีใครไปร่วมงานบ้าง) ไม่มีเลยครับ"
ยันเสียงแข็งไม่เคยทำร้ายร่างกายลูกตอนอายุ 3 เดือน แต่คบตีสั่งสอนตอนอายุ 1 ขวบ แม่ยันลูกไม่ติดยา ถ้าติดยาจะบริจาคเลือดได้ยังไง
ฟิล์ม : “ไม่ได้ทำครับ แน่นอน ถ้าขนาดนี้ไม่เคยเห็นเลยครับ (เราก้มกราบเท้าเพราะฝ่ายนั้นจะไปแจ้งความ?) อันนั้นไม่ครับ คือเขาฝากลูกไว้กับผมและเขาลงไปเซเว่นหลายครั้ง แต่ครั้งนี้ผมไม่รู้จริงๆ อันนี้ผมไม่เคยเห็นเลยครับ (เคยมีการทำร้ายร่างกายลูกจนตัวช้ำแบบนั้นมั้ย?) ที่เคยเลี้ยงมาจะเคยมีตีตอนขวบต้นๆ แล้วครับ เหมือนเขาซนแล้ว หยิบโน่นเล่นนี่ คือจะฝึกเขาด้วยมากกว่า ภาพที่เห็นเป็นลูกของเรา ผมไม่ทราบเลยทำไมลูกตัวช้ำ ไม่เคยเห็นรูปนี้เลย”
“ถามว่าแพร์โกหกมั้ย อันนี้ขออนุญาตไม่พูดถึงแล้วกันครับ คือผมไม่ทราบจริงๆ คือมันไม่ใช่แน่นอน ผมก็ไม่ทราบจริงๆ เพราะว่าผมไม่อยู่ ผมทะเลาะกับเขามีการหึงกัน เป็นเรื่องปกติ คือด้วยตอนนั้นเป็นเด็กครับ มันก็ผิดพลาดในเรื่องของการใช้ชีวิตคู่ ก็อยากจะบอกว่าผมก็เสียใจครับ แต่ผมไม่เคยเห็นเลยเรื่องนี้”
“ผมใจร้อนครับ แต่ว่าผมไม่ทำร้ายถึงขั้นนี้ คือมันก็มีผลักอะไรกันครับ ถ้าผมโมโหผมก็จะรู้ตัวและเดินออกนอกห้องไป ที่บอกว่าเมายาก็ไม่มีครับ แน่นอนครับ ส่วนเขาจะสร้างเรื่องทำไม โดยส่วนตัวผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าเขาคิดอะไรครับ”
แม่ : “(โชว์ผลตรวจร่างกาย) นี่คือผลตรวจหาสารเสพติดในตัวฟิล์มนะคะ ผลตรวจแล้วไม่มี เพราะตอนที่เขาอยู่มัธยมเขาก็จะเคยบริจาคเลือดที่โรงเรียน ถ้าหากว่ามีสารเสพติดจะบริจาคเลือดได้ยังไงใช่มั้ยคะ”
ฟิล์ม : “เรื่องทำร้ายร่างกายเขา ส่วนใหญ่เป็นการทะเลาะกันมากกว่า เป็นการด่ากันครับ ใช้เสียงและทำลายข้าวของมากกว่า ไม่มีถึงขั้นเลือดตกยางออกครับ มันยังวัยรุ่นอยู่ มีความผิดพลาดเรื่องการอยู่ด้วยกันมันก็เข้ากันไม่ได้บ้าง แต่ผมก็ยังรักลูก คือเขาก็น่ารัก ยังรักลูกอยู่”
รู้ดีวันหนึ่งต้องเปิดเผยให้สังคมได้รู้ ลั่นอยากให้ลูกมาอยู่กับตน
ฟิล์ม : “คือผมยังไปหาอยู่ครับ แต่ไปหาลูกครับ เพราะผมก็คิดถึงลูกครับคือถามว่าหยอดมั้ย ผมไม่ได้หยอด แต่เป็นห่วงลูก ว่าเขาจะทำอะไร เพราะลูกอยู่ที่เขา คือผมก็อยากให้ลูกมาอยู่กับผม แต่เขาจะทำอะไรปุ๊บผมก็เป็นห่วงว่าจะมีผลกระทบต่อลูก ก็ไม่ถึงขนาดห่วงว่าเขาจะมีคนใหม่ แล้วพ่อเลี้ยงจะตีลูก คือเป็นห่วงเรื่องไม่มีเวลาเลี้ยง หรือถ้ามีคนใหม่ก็อยากให้เป็นคนดี ถ้าลูกมาอยู่กับเราก็ยังพอไหวอยู่ สามารถที่จะดูแลได้”
“เราเดินออกมาเพราะเราทะเลาะกันบ่อยมากครับ ที่บอกว่าเรามีคนอื่นแล้วเข้าวงการก็ไม่เกี่ยวกันครับ แต่ที่ปกปิดในตอนแรกปกปิดแค่เฉพาะครอบครัวครับ คิดว่ากลัวท่านจะเสียใจ พอเข้าวงการผมคิดว่าผมทำเพื่อพวกเขามากกว่า คือไม่คิดว่าสังคมจะไม่รับรู้ เพราะวันหนึ่งก็คงต้องเปิดอยู่ดีครับ วันนี้ผมพูดความจริง 100% ครับ พูดความจริงครับ”
ส่งค่าเลี้ยงดูขั้นต่ำ 8 พัน ลั่นแพร์ไม่ได้เรียกร้อง ส่วนตนพร้อมรับผิดชอบ
ฟิล์ม : “เหมือนเดิมครับ หลังจากนี้ก็จะส่งเหมือนเดิม ต่ำสุดคือ 8,000 ครับ มากสุดคือ 12,000 ครับ ส่ง 12,000 ให้ 2 เดือนแล้วครับ มีหลักฐานการโอนครับ เขาก็พอใจครับ เป็นข้อตกลงหลังเลิกครับ เขาก็ไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่เขาก็พยายามที่จะดึงให้ผมกลับไปเหมือนกัน แต่ว่าหลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นก็ไม่มีแล้วครับ”
“ตอนนี้ไม่เจอลูกเลยครับ เจอครั้งสุดท้ายอยู่ในช่วงที่เลิกกันนี่แหละครับ ที่บอกว่าติดต่อผมไม่ได้ก็ติดต่อได้ครับ แต่ว่าผมก็จะปิด คือพอเลิกกันแล้วผมก็พยายามตัด พยายามปิดครับ เราก็ไม่ได้เคลียร์กันเพราะเขาบล็อกเบอร์ ก็อยากจะขอโทษที่ผมทำไม่ดีไปครับ ที่ทำอะไรไปต่างๆ ที่ทำผิดทุกอย่างเลย ผมพร้อมยอมรับทุกอย่างที่เป็นความผิด”
ไม่ทราบถูกต้นสังกัดเบรกงาน รับส่งไลน์ขอโทษ “หน่อง อรุโณชา ภาณุพันธ์” ยังไม่มีฟีดแบ็กกลับมา
ฟิล์ม : “ยังไม่ทราบเลยครับ ไม่ทราบว่าจะยังไงต่อไป ตอนนี้ก็อยู่บรอดคาซท์ ไทยฯ ครับ ก็ได้ส่งไลน์ไปขอโทษพี่หน่อง แต่ว่ายังไม่ได้คุยกัน เรื่องเขาเบรกงานยังไม่ทราบเลยครับ ตั้งแต่เกิดเรื่องผมก็ปิดทุกอย่างเลย คงต้องขอโอกาสจากทุกคนครับ หลังจากนี้ก็น่าจะเข้าไปคุยกับพี่หน่องครับ ส่วนไลน์ที่ส่งไปเขาก็ยังเงียบๆ อยู่ครับ ยังไม่ทราบเหมือนกัน พี่หน่องไม่ได้ตอบอะไร สัญญาเหลืออีกประมาณ 2 ปีครับ”
ยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง บอก “แพร์” ลูกน่ารักให้พามาหาแม่บ้าง
แม่ : “ก็อยากให้จบเรื่องค่ะ เพราะว่าที่ผ่านมาลองคิดดูนะคะ คุณ 18 น่ะ คุณคิดอะไรกันอยู่ คุณมีความรู้สึกนึกคิดยังไงกับภาวะที่กดดันตอนนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเรียน ต้องเรียนให้จบ และเขาต้องมารับผิดชอบเรื่องครอบครัวลองไปสืบดูได้อยู่แถวห้วยขวาง พอคุณแม่รู้ข่าวแม่ก็อยากจะรู้เรื่องราวของลูกว่าที่ผ่านมามันเป็นยังไงบ้าง (ร้องไห้) ถ้าเป็นตอนนี้แม่พร้อมเป็นคนไกล่เกลี่ยแน่นอนค่ะ แม่ยินดีรับผิดชอบและบอกน้องแพร์ด้วยว่ายังไงน้องพอร์ชเขาก็น่ารัก ก็พามาหาแม่บ้าง และแม่ยินดีรับผิดชอบ ตอนนี้ที่บ้านรับรู้หมดแล้ว ไม่โกรธฟิล์มที่ผ่านมาที่ปกปิดเพื่อความรู้สึกของครอบครัว ก็ยินดีในส่วนของหลาน ยินดีรับผิดชอบ และยินดีพบเจอ ก็อยากจะกอดเขาด้วย เห็นหลานแล้วเราก็รักค่ะ”
รับเครียดจัดถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย
ฟิล์ม : “ใช่ครับ ตอนที่เป็นข่าวใหม่ๆ ตอนนี้ก็ได้กำลังใจจากครอบครัว ก็คงสู้ต่อไปครับ ตอนที่เขาโพสต์เราโทร.หา ก็แค่อยากจะคุยกันมากกว่า อยากให้เขาคุยกับเรามากกว่าครับ”
แม่ : “(ร้องไห้หนัก) สะเทือนใจที่สุดค่ะ เพราะเขามีค่ามากสำหรับชีวิตของเราค่ะ”
สะอื้นไห้ขอโทษแม่ ขอโทษแพร์ และทุกคนที่ตนได้ทำผิดพลาดไป แม่ขอให้จบ! ย้ำไม่มีประโยชน์ต้องมานั่งสาดโคลนใส่กัน
ฟิล์ม : “(ถอนหายใจ) สุดท้ายก็...(นิ่ง) อยากจะขอโทษแม่ครับ (สะอื้น) ขอโทษทุกคนครับ ขอโทษทุกคนที่อยู่ในสังคมนี้ครับ ขอโทษแพร์ ขอโทษครอบครัวของแพร์ที่ผมได้ทำผิดไป พร้อมยอมรับทุกอย่าง อยากจะฝากไว้เป็นอุทาหรณ์ถึงทุกๆ ครอบครัวว่าให้สอนลูกเรื่องรักในวัยเรียน มันก็ยังไม่พร้อมน่ะครับ ควรจะเรียนจบก่อนดีกว่า ควรจะทำงานก่อนดีกว่า ให้ชีวิตพร้อมก่อนดีกว่า ผมก็คงต้องขออนุญาตขอโอกาส”
แม่ : “สำหรับแม่ก็ขอขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้น้องฟิล์มยังคงอยู่ต่อได้ เพราะว่าชีวิตเขามีค่าจริงๆ และอยากจะขอจบเรื่องทุกอย่าง ขอให้จบเถอะค่ะ เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมา เพราะต่างคนต่างก็เจ็บปวดเพราะเรื่องนี้มากถึงขั้นชีวิต ถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่ รวมทั้งครอบครัวของแม่ ครอบครัวของน้องแพร์ คือไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่จะมาสาดโคลนใส่กัน คุณแม่ก็จะไม่เอาผิดเอาความใดๆ ทั้งเรื่องของหลานก็ดีใจและยินดีที่จะยอมรับค่ะ”