“พ่อสงวน - แม่พิศมัย” รับรางวัล “แม่ดีเด่น” แทน “โบว์” เอ่ยปากชมภูมิใจกับลูกสะใภ้คนนี้ 70 วันที่ “ปอ ทฤษฎี” ป่วย คอยอยู่เคียงข้างให้กำลังใจ เปิดใจตื่นเต้น “มะลิ” เข้าโรงเรียน ชี้ เข้าสังคมได้ดี วอนโรงเรียนช่วยเซฟ อย่านำภาพไปเผยแพร่ ไม่กระทบรับอีเวนต์ เพราะยังไม่เน้นเรื่องวิชาการ
ถือเป็นอีกหนึ่งรางวัลที่เป็นความภาคภูมิใจของคนเป็นแม่จริง ๆ สำหรับโครงการเฉลิมพระเกียรติองค์ราชันเทิดทูนเกียรติ “แม่ของแผ่นดิน” ได้จัดงานประกาศรางวัลเชิดชูเกียรติคุณคนของแผ่นดิน ครั้งที่ 4 ซึ่ง “โบว์ แวนดา สหวงษ์” ได้รับรางวัล “แม่ดีเด่น” ในปีนี้ แต่เจ้าตัวติดงานอีกงาน จึงฝากให้ “คุณแม่พิศมัย” และ “คุณพ่อสงวน สหวงษ์”คุณพ่อคุณแม่ของ “ปอ ทฤษฎี สหวงษ์” มารับรางวัลแทน ณ ศูนย์ประชุมสถาบันวิจัยจุฬาภรณ์ ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ โดยคุณแม่พิศมัย เผยว่า โบว์อยากมารับรางวัลนี้ด้วยตัวเอง แต่ติดงานที่รับไว้ก่อน ซึ่งตนและครอบครัวภูมิใจกับโบว์มาก เพราะอยู่ดูแลและให้กำลังใจกันมาตลอด
“วันนี้มารับรางวัลแทนแม่โบว์ค่ะ เพราะแม่โบว์เขาติดงานที่รับมานานแล้วด้วย รับมาหลายวันแล้ว ทีนี้งานนี้มาทีหลังมันไปซ้อนกันก็เลยให้คุณแม่มาเป็นตัวแทนรับรางวัลแทนคุณโบว์ แวนดา สหวงษ์ ค่ะ (ยิ้ม) เขาดีใจ ภูมิใจมาก จริง ๆ โบว์ตั้งใจจะมานะคะ ตอนแรกจะให้มารับช่วงเช้า ก็ไม่ติดกับงานที่เขารับไว้อยู่ก่อนแล้ว แต่พอดีเขาเลื่อนให้มารับบ่าย ก็เลยมาไม่ได้ เพราะตรงโน้นเรารับไว้ก่อน เขาเสียดายมาก เลยบอกให้แม่มารับแทน คุณโบว์เสียดายจริง ๆ ค่ะ อยากมาจริง ๆ ค่ะ (ยิ้ม)”
“แม่ก็พาพ่อมาเป็นเพื่อน เพราะแม่มาไม่ถูก (หัวเราะ) แม่ภูมิใจกับโบว์มากนะคะ คือ เราอยู่ด้วยกัน 70 วันตอนที่ปอป่วย อยู่โรงพยาบาล ความผูกพันเราจะมีเยอะมาก แล้วโบว์เขาก็รักปอมากค่ะ เขาบอกว่าสิ่งไหนที่ปอรักเขาจะรักด้วย ทีนี้ปอเขาจะรักครอบครัว รักพ่อ รักแม่ รักคนรอบข้างของเขา โบว์เขาเลยสานฝันดูแลพ่อแม่ ดูแลคุณปู่คุณย่า ดูแลน้อง ดูแลให้เรามีความสบายใจค่ะ เราต่างคนต่างก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกันค่ะ เพราะว่าเราได้กอดคอกันร้องไห้ วันนี้เราก็จะกอดคอกันดีใจมีความสุข (ยิ้ม)”
เผยตื่นเต้นกันทั้งบ้านที่ “มะลิ พาขวัญ สหวงษ์” หลานสาวสุดที่รักจะเข้าโรงเรียนวันแรก
“ไปส่งมะลิไปโรงเรียนตอนเช้าค่ะ ทุกคนตื่นเต้นกันใหญ่ มะลิเขาก็ตื่นเต้น เขาก็ตื่นเช้าและแต่งตัวไปโรงเรียน พอไปถึงโรงเรียนเปิดประตูเขาก็ดึงพี่เลี้ยงจะลงไปเลย เดินนำเลย พวกแม่ยังไม่ได้เอารถไปจอดในโรงรถเลย เขาเข้าไปเลย ไม่ร้องไห้เลย ทำกิจกรรมตามที่โรงเรียนบอกทุกอย่าง (หัวเราะ) รู้สึกว่าจะล้ำหน้าเพื่อน ๆ (หัวเราะ)”
“เขาไม่ร้องไห้เลย อาจจะเป็นเพราะเขาเคยอยู่กับพี่จ๋ามานาน เขาก็เลยไม่มีความวิตกกังวล ไม่ร้องไห้ เราก็อยู่ดูเขาจน 9 โมงเช้า แอบดูเขาทำกิจกรรม ส่วนเรื่องถ้าจะมีคนมาขอถ่ายรูปที่โรงเรียน ก็คุยกับทางโรงเรียนแล้วค่ะ ทางโรงเรียนก็ยอมว่าไม่ให้ถ่าย แต่ถ้าเป็นผู้ปกครองที่เขามาถ่ายก็ไม่ว่าเขา แต่ขอทางโรงเรียนว่าไม่ให้โรงเรียนถ่ายไปออกค่ะ (ยิ้ม)”
ด้าน “คุณพ่อสงวน” เผยว่าคุยกับทางโรงเรียนเรื่องรับงานของ “มะลิ” แล้ว ไม่มีปัญหา
“ก็ไปด้วยกันครับ เช้ามาก็ตื่นเต้น แล้วก็ดูเขาปรับตัวได้เร็วกับสภาพแวดล้อม กับครู กับเพื่อน ไปถึงปุ๊บเขาก็ไปเลือกคนหนึ่งเป็นเพื่อนเลยครับ จูงแขนเขาไปทั่ว (หัวเราะ) ถามว่า ต้องลดงานอีเวนต์มั้ยก็คงต้องดูเวลาครับ เพราะเราก็ให้ความสำคัญกับการเรียนพอสมควร อันไหนที่มันพอจะไปกันได้ก็ไป แต่อย่างไรก็ตามก็คุยกันเรื่องนี้กับทางโรงเรียนอยู่ว่าถ้ามะลิจะต้องไปรับงานอย่างนี้ ทางโรงเรียนว่าจะยังไง เขาบอกว่าได้ครับ เพราะว่าเขาอยู่ในชั้นอนุบาล ก็ไม่ซีเรียสในเรื่องเวลาเรียน ในเรื่องความเข้มงวดในเชิงวิชาการมันก็ยังไม่มี”
“ผมว่ามะลิเขาได้ประสบการณ์ เขาได้เรียนรู้ประสบการณ์ทางสังคมอยู่แล้ว พอไปเขาก็ได้เรียน ได้พบผู้คน พูดจาโต้ตอบกับประชาชนทั่วไป กับพี่จ๋า เพราะฉะนั้นพัฒนาการทางสังคม ผมว่าเขาไปอย่างนั้นก็ไปเรียนเพิ่มเติมจากโรงเรียน”