“ทมยันตี” เปิดตำนานหลอน “พิษสวาท” ได้กลิ่นดอกบัว - เห็นหญิงไทยห่มสไบ ทั้งที่ไม่มีตาหลัง ยัน “อุบล” ได้แรงบันดาลใจจากตำนานปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ไม่เชื่อก็อย่าไปล้อเล่นเดี๋ยวจะเจอดี ถูกใจนักวิชากรแฉยืมพล็อตเรื่องฝรั่ง เอ่ยปากชม “เอ็งเก่ง” ลั่นให้จับตารอดู “นุ่น วรนุช” จะมีโชค ชี้ใครเจอผี “อุบล” จะโชคดี
ถือเป็นละครที่ฮือฮาเป็นกระแสแห่งปีก็ว่าได้สำหรับละคร “พิษสวาท” ละครอาถรรพ์ของวงการบันเทิงไทย ที่เมื่อใดคิดจะสร้างก็มักจะพบอุปสรรค หรือต้องพบเจออุบัติเหตุทำให้ทีมงาน หรือนักแสดงเสียชีวิตแทบทุกครั้ง และสุดท้ายค่าย “เอ็กแซ็กท์” ก็ผ่านพ้นอุปสรรคจนสามารถสร้างละครเรื่องดังกล่าวได้ โดยเชื่อกันว่า นางเอกของเรื่อง “นุ่น วรนุช ภิรมย์ภักดี” ที่รับบทเป็น “อุบล” นั้น ได้ถูกเลือกมาแล้วอย่างดีจากบุคคลในนวนิยายที่ชื่อว่าอุบล และในบางครั้งระหว่างถ่ายทำ นางเอกสาวก็รู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้เป็นคนแสดงเอง จนเกิดความข้องใจกันมากมาย
เมื่อมีโอกาสได้เจอเจ้าของต้นเรื่องนวนิยายอย่าง “ทมยันตี” หรือ “คุณหญิง วิมล ศิริไพบูลย์” เจ้าตัวก็ได้บอกเล่าถึงที่มาของเรื่องพิษสวาท จุดกำเนิดของคุณอุบลว่าเป็นเพียงเรื่องที่ตนแต่งขึ้นจากตำนานปู่โสมเฝ้าทรัพย์
“พิษสวาทมันเป็นเรื่องที่คิดขึ้นมาเฉย ๆ เพราะบ้านของดิฉันมีความเชื่อเรื่องปู่โสมเฝ้าทรัพย์ ทรัพย์ของแผ่นดิน พอพูดถึงปู่โสมเฝ้าทรัพย์ เราจะคิดถึงผู้ชายแก่ ๆ แต่จริง ๆ ไม่ได้มีเฉพาะผู้ชายแก่ ๆ เท่านั้น นี่คือที่มาของเรื่องพิษสวาทที่ดิฉันอยากจะเขียนถึงบุคคลที่เฝ้าทรัพย์ทรัพย์แผ่นดิน”
“ตอนที่เขียนนั่งหันหน้าอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ ข้างหลังเป็นประตู เพื่อจะขึ้นไปชั้นบนที่บ้านของดิฉัน ดิฉันไม่มีตาหลังนะ แต่ดิฉันเห็นจริง ๆ เห็นผู้หญิงนุ่งผ้าสี เทา ฟ้า คาดสไบ เดินแวบหายขึ้นบันไดไป เราเห็นชายผ้าหายไป เราก็คิดแปลกใจว่าใครมาบ้าน แต่ดิฉันเป็นคนไม่กลัวผี ซึ่งพอเดินตามขึ้นบันไดไป เอ๊ะ! ไม่มีใครนี่ เลยลงมาข้างล่างมาทำงาน ก็นึกในใจว่ามามั้ง! แม่บัว เขามาตรวจมั้งว่าเราเขียนหนังสือไปถึงไหน ซึ่งเราก็เฉย ๆ แต่ได้กลิ่นดอกบัว ซึ่งดอกบัวสมัยนี้ มันไม่หอม แต่สมัยก่อนดิฉันปลูกบัวที่บ่อหน้าบ้าน เวลาไปดมจะหอมอ่อน ๆ ต้องเข้าไปใกล้ ๆ แต่เรานั่งที่โต๊ะเขียนหนังสือในบ้าน กลับได้กลิ่น”
“ขณะที่เพื่อนดิฉันชื่อ ศรีเพ็ญ เขานั่งสมาธิที่อยุธยา เพราะอยากรู้ว่าที่อยุธยามีทรัพย์ของแผ่นดินจริงหรือไม่ เลยไปนั่งสมาธิที่บ้านเพื่อน จ.อยุธยา ซึ่งเพื่อนของดิฉันคนนี้เก่งเรื่องนี้มาก พอนั่งสมาธิแล้วเขาเห็นผู้หญิงสวยคนหนึ่ง แต่ไม่ได้ใส่ชฎามาเหมือนในละคร และในสมาธิศรีเพ็ญเห็นสมบัติแผ่นดิน แต่ไม่ได้เอา เขาถามผู้หญิงคนนั้นไปว่า เธอเป็นใคร ผู้หญิงคนนั้นตอบว่าเขาเฝ้าสมบัติแผ่นดิน และสมบัติแผ่นดินที่นี่ไม่ใช่ของใคร เป็นของพระมหากษัตริย์ ที่ดิฉันคิดว่าไม่ควรเอ่ยชื่อ”
“ศรีเพ็ญ ถามกลับไปว่า อยู่มานานหรือยัง เธอตอบว่านานแล้ว เพื่อนดิฉันถามกลับไปอีกว่า ตายยังไง เธอตอบว่าอย่ารู้เลยมันไม่ดี แต่ศรีเพ็ญอยากรู้มาก เขาเลยทำให้ดูว่าหัวหลุดจากบ่า ศรีเพ็ญผงะ หงายหลังเลย เขาเรียกกันว่า กายทิพย์บอบช้ำ เจ็บตัวอยู่ 1 เดือน เพราะช้ำใน พอรักษาตัวหายแล้ว เพื่อนกลับไปอยุธยาใหม่ นั่งเข้าสมาธิใหม่ แล้วเห็นอีก เธอคนนั้นบอกศรีเพ็ญ ว่า ให้ไปถามผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเขียนหนังสืออยู่ ให้ไปถามเขาเองว่า ทำไมเธอถึงคอขาด ศรีเพ็ญก็ไปถามเพื่อนคนอื่น ๆ ว่า ใครกำลังเขียนหนังสืออยู่ เพื่อนเลยตอบว่าอี๊ด (ชื่อเล่นคุณหญิง วิมล) ไง ศรีเพ็ญเลยโทร.มาหาดิฉัน บอกว่า จะเล่าเรื่องผู้หญิงคนหนึ่งคอขาด เพราะเฝ้าสมบัติ พี่กำลังเขียนเรื่องนี้อยู่หรือเปล่า ดิฉันก็บอกว่า ใช่ กำลังเขียนอยู่ว่า เป็นเรื่องว่าสามีของเขาฟันคอขาดสั่งให้เฝ้าสมบัติแผ่นดิน ตั้งแต่นั้นมาศรีเพ็ญไม่เคยไปอยากดูอะไรที่อยุธยาอีกเลย มันบอกว่า เข็ดแล้ว ไม่เอาแล้ว”
“ตั้งแต่นั้นมา เวลาที่ดิฉันจะเขียนหนังสือ ถ้ารู้สึกติดขัดตอนไหน จะซื้อดอกบัวมาแล้วอธิษฐาน ว่า พี่บัว ดิฉันเอาดอกบัวมาฝากแล้วนะ ขอให้เขียนหนังสือได้ ตั้งแต่นั้นมาพี่บัวไม่ได้มายุ่งกับดิฉันเลย แต่มีลูกของดิฉันซึ่งตอนนั้นกำลัง 10 กว่า ขวบ อยู่ดี ๆ ก็พูดขึ้นมาว่าวันนี้ป้าบัวมา ดิฉันถามว่ารู้ได้ไง ลูกตอบว่าได้กลิ่นหอม แต่พอดิฉันถามมาก ๆ ลูกไม่พูดเลย”
ยันโสมเฝ้าทรัพย์ชื่อ “อุบล” มีอยู่จริง เป็นวิญญาณดี ใครฝันถึงหรือได้กลิ่นมักจะโชคดี ส่วนอาถรรพ์ต่าง ๆ มักจะเกิดกับคนที่ไม่เชื่อในวิญญาณอุบล
“พิษสวาท ตั้งแต่ได้ทำเป็นละครก็มีเรื่องต่าง ๆ นานา ที่เขาเป็นกัน อย่างเช่น นางเอกคนแรก (เสาวนีย์ สกุลทอง) ที่เล่นแล้วเธอก็เสียชีวิต อาจเป็นเพราะเธอไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้ ตัวดิฉันเองนั้นก็เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง เป็นคนหัวดื้อ ตัวเองนั้นเห็นของแปลก ๆ มาตั้งแต่เด็ก ยายบอกก็ไม่ค่อยเชื่อ เถียงอยู่นั่นว่าที่เห็นเป็นคน มันไม่ใช่ผี เพียงแต่คนกลุ่มนั้นที่ดิฉันเห็น ทำไมมันหายไปเร็วนัก ดิฉันบอกใคร ๆ เสมอว่าดิฉันเป็นคนเพี้ยน ปรากฏว่า เจอคนเพี้ยนหลาย ๆ คนที่เวลาละครเรื่องนี้เข้าฉาย หรือแม้แต่ก่อนที่จะฉาย คนที่เข้าไปสัมภาษณ์ดิฉันไม่ได้ไปแค่นางเอกกับพระเอกนะ ขนกันไปแทบจะทั้งกองถ่ายเลย บ้านดิฉันแน่นไปหมด (หัวเราะ) ทุกคนตัวสั่น งันงก”
“ดิฉันก็บอกว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย ไม่ต้องกลัวหรอก นุ่นก็บอกว่าเจอเหมือนกัน เขาฝัน แต่ดิฉันบอกว่า ไม่เห็นมีอะไรเลย เวลาถ่ายทำก็ยกมือไหว้เขาหน่อย ตอนเขียนดิฉันก็เคยได้กลิ่นดอกบัว ดิฉันไม่ได้พูดปด ถ้าพูดปด คนทั้งโขยงที่เจอเรื่องราว มา คงยกโขยงพูดปดกันมาตั้งแต่ 25 ปี ที่แล้ว”
“ดิฉันว่าดีนะที่คนเชื่ออย่างนั้นว่าคุณอุบลมีจริง เพราะคนเชื่อว่าอุบลมีจริง คุณจะต้องเชื่อว่าดวงวิญญาณที่รักษาแผ่นดินที่อยุธยาทั้งหมดมีอยู่จริง และเขาก็มีจริง คุณจะไปเชื่อว่าคุณอุบลมีจริงคนเดียวทำไม เดี๋ยวคนอื่นเสียใจ ถามว่า อุบลมีจริงมั้ยก็ไม่รู้สิ ดิฉันเขียนถึงเขาเท่าที่ดิฉันรู้ รู้แต่ว่าเธอเฝ้าสมบัติของแผ่นดิน วิญญาณมีจริงหรือไม่ เราก็ไม่รู้จริงๆ อย่างที่เคยบอก ดิฉันคิดว่าคนกับผีเหมือนกัน แค่เดิน ๆ แล้วหายไป ซึ่งเราไม่รู้ว่าเป็นใคร หรือหายไปไหน อย่างพี่บัว เป็นใครก็ไม่รู้ เรารู้แค่ว่าเขาต้องเคยเฝ้าสมบัติแผ่นดินอย่างนี้ เพราะคุณศรีเพ็ญ (เพื่อนคุณหญิง วิมล) เล่าให้ฟัง เรารู้แค่ไหนเขียนแค่นั้น รู้แค่ความรู้สึกเท่าตอนที่เขียน มันอยู่ในใจ ถ่ายทอดความในใจหมดแล้วก็จะลืม แล้วเริ่มเรื่องใหม่ อย่างตอนนี้ดิฉันไม่รู้สึกถึงพี่บัวอีกแล้ว ไม่รู้สึกมานานแล้ว มีแต่ นุ่น วรนุช ที่เคยได้กลิ่นหอม”
“ครั้งสุดท้ายก่อนที่เรื่องนี้จะออกอากาศ มีเพียงครั้งเดียวที่ได้กลิ่นอีก เมื่อไหร่ก็ตามที่เราได้กลิ่นแปลก เหมือนกลิ่นน้ำผึ้งใหม่ ปนกลิ่นดอกไม้หลาย ๆ กลิ่น เช่น กลิ่นมะลิ กลิ่นการเวก กลิ่นกุหลาบ 4 กลิ่นนี้ เป็นตัวหลัก รู้ไว้เถอะว่าไม่ใช่กลิ่นธรรมดาบนโลกนี้ ถ้าได้กลิ่นดอกไม้ ผสมกลิ่นน้ำผึ้งใหม่ ใช่เลย”
“ไม่ต้องเรื่องพิษสวาทหรอก เรื่องคู่กรรมโกโบริ คนก็เชื่อว่า โกโบริมีอยู่จริง อย่าไปยุ่งกับเขานะ พ่อโก แฟนคลับเขาเยอะมาก (หัวเราะ) อาถรรพ์พิษสวาทเรื่องนี้ เคยมีนางเอกเคยตาย เพราะเขาไม่เชื่อ อยากจะบอกว่าอย่าไปเล่นกับเขานะ ดิฉันเคยอธิษฐานบอกพี่บัว ว่า วิมลขายเรื่องนี้ไป 25 ปีแล้ว ได้เงินแล้ว กินหมดแล้ว และทำบุญไปให้พี่บัวแล้ว เพราะฉะนั้น พี่บัว อย่ามายุ่งกับเรานะ พี่บัวไปหาคนอื่นเถอะ (หัวเราะ)”
“แต่จะบอกว่าถ้าใครเจอก็ตัวใครตัวมัน แต่ถ้าใครฝันเห็นพี่บัว โดยมากจะโชคดีนะ บอกเลย ใครฝันหรือได้กลิ่นโชคดีทุกคน ไม่ใช่วิญญาณที่ไม่ดี คนฝันโดยมากถึงจะได้ทรัพย์สินอะไรสักอย่าง เพราะพี่บัวเป็นเจ้าของทรัพย์สินเยอะ บางคนอาจได้ของเก่ามาโดยบังเอิญ ดิฉันก็ได้ของประดับเก่า ๆ หลายชิ้นเหมือนกัน ถามว่า อาถรรพ์เกิดกับคนที่ไม่เชื่อหรือเปล่า เราไม่รู้ แต่ถ้าคนไม่เชื่อ แล้วไม่ได้ไปหมิ่นประมาทท่าน คงไม่เป็นไรมั้ง เพราะไม่เชื่อท่านก็คงคิดว่า ช่างประไร ไม่เห็นแปลก แต่ดิฉันเชื่อ”
กับกรณีถูกจับผิดนวนิยาย “พิษสวาท” ยืมพล็อตเรื่องนวนิยายอังกฤษ “ซิสก้า” ของ “แมรี่ คลอเรลรี่” ที่เดินเรื่องเหมือนกันว่านางเอกเป็นนางรำถูกสามีฆ่าให้เฝ้าสมบัติ และมาตีไข่ใส่เรื่องยำแบบไทย ๆ กลายเป็นนวนิยายเรื่องใหม่ “พิษสวาท”
“ดิฉันเขียนเรื่องนี้มาจากการคิดเท่านี้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฝรั่งเขียนอะไร เพราะอ่านภาษาอังกฤษออก แต่แปลไม่ได้ เมื่อ 30 - 40 ปีที่แล้ว เด็กสมัยนั้นไม่ได้เก่งนี่ ส่วนที่คนบอกว่าเรื่องซิสก้ามีการแปลเป็นภาษาไทย มันคงมาแปลรุ่นหลังมั้ง ดิฉันตั้งใจว่าจะไปหาอ่านเหมือนกันนะ เพราะของแมรี่ คลอเรลรี่ ถือว่าเป็นมือครูของฝรั่งนะ”
“ดิฉันนับถือครูทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นครูที่สอนเราเขียน ก ข ค ไม่อย่างนั้น เราเขียนไม่ได้ ไม่อย่างนั้น เขาจะมีคำว่าครูพักลักจำ ใครจะว่าดิฉันจำมาจากแมรี่ คลอเรลรี่ ก็ดีเนอะ มือชั้นหนึ่งของโลกเลย ก็ดี ดิฉันไหว้ท่านอยู่แล้ว เพราะดิฉันดูรูปของท่านใส่กระโปรงยาวๆ สวยดี พี่เริ่ม หรือ ร.จันทพิมพะ เป็นนักเขียนรุ่นเก่า ท่านหญิง วิภาวดี ดิฉันมีรายชื่อครูบาอาจารย์เยอะแยะ รวมถึง บิดา มารดา ปู่ ย่า ตา ยาย เพราะฉะนั้นก่อนจะนอนคนที่ดิฉันไหว้รายชื่อยาวเหยียด ดิฉันระลึกถึงบุญคุณคน แม้กระทั่งคนที่ซื้อหนังสือของดิฉัน ขอบคุณเพราะดิฉันหาเลี้ยงชีวิตด้วยหนังสือ ดิฉันต้องทำบุญแล้วแบ่งให้พวกคุณบ้าง ใครอ่านหนังสือข้าพเจ้า แม้แต่ตัวเดียวขอให้ได้รับส่วนบุญ ส่วนกุศลไปด้วย”
บอกหมด! เวลาเขียนนวนิยายนั้นเรียกว่าตนแทบลอกประวัติศาสตร์จริงทุกเรื่อง แต่คนไม่อ่านก็จะไม่ทราบ
“อย่างเรื่องทวิภพ นี่คุณไปดูเถอะ สนธิสัญญาทุกฉบับเหมือนของจริงเป๊ะ แต่เขาคงไม่ได้อ่านกัน เลยบอกว่าดิฉัน ไม่ได้ลอกสนธิสัญญา ถ้าเขาบอกว่าลอกสนธิสัญญามา ดิฉันจะหัวเราะว่าเก่งมาก ดิฉันเขียนอธิราชา ก็ลอกพิชัยสงครามมาทั้งนั้นเลย ทหารรู้เพราะเขาอ่านพิชัยสงคราม แต่คนวิจารณ์ไม่รู้ เพราะไม่ได้อ่านพิชัยสงคราม อย่างเวลาที่ดิฉันเขียนเรื่องกฎหมาย แต่เป็นกฎหมายตรา 3 ดวง ถ้าคนได้อ่านคงบอกว่าดิฉันลอกกฎหมายตรา 3 ดวงมา ก็ใช่ เพราะเราเอาข้อมูลของจริงมาใส่ เพราะเราต้องเอาเรื่องจริงมาใส่ด้วย ถ้าเป็นเรื่องไม่จริงคนอ่านจะไขว้เขว สงสัยคุณแม่รี่ คลอเรลรี่ แกจะเชื่อเรื่องกรรม และเชื่อคล้าย ๆ พุทธศาสนา
ไม่โกรธคนวิจารณ์ไปลอกพล็อตเรื่องต่างชาติมาก เอ่ยปากชม “เอ็งเก่ง”
“สมัยก่อนคนวิจารณ์มันไม่ค่อยมี สมัยนี้มีอาชีพนักวิจารณ์ ก็ให้เขาวิจารณ์กันไปสิ อะไรที่เขาวิจารณ์แล้วดี เท่ากับเขามาบอกเรา ว่าเราบกพร่องตรงนั้นเราจะได้จำเอาไว้ คราวหน้าเราจะไม่ทำอีก ส่วนที่วิจารณ์ไม่ถูก เราก็จะรู้สึกว่ามันผิด ถ้าเขามาถาม เราจะได้บอกว่าไม่ถูกตรงไหน”
“ถามว่าโกรธมั้ยที่เขาหาว่าไปยืมพล็อตเรื่องมา ดิฉันบอกแล้วว่า ดิฉันถือศีล เราละโทสะ โมหะ สนิมในใจคน คือ 1. โทสะ 2. ริษยา 3. มิจฉา ทิฏฐิ 4. พูดเท็จ 5. ลบหลู่บุญคุณท่าน 6. ตระหนี่ 7. หลอกลวง 8. โอ้อวด 9. คิดในทางสกปรก นี่คือสนิมในใจคน ถ้าใครมาวิจารณ์ก็แค่คิดว่า เออ เอ็งเก่ง ๆ หรือ คิดว่า ไอ้นี่เก่งแฮะ จับได้ หรืออันไหนที่พูดผิด ถ้าเจอหน้าแค่จะบอกว่า ไม่ใช่นะ เมื่อก่อนเคยมีคนมาลอกนิยายเรา ก็โทรศัพท์ไปว่ามันว่า แกลอกนิยายเรา แถมลอกผิดอีก เพราะไปดูต้นฉบับที่มันพิมพ์ผิด (หัวเราะ) ให้ไปดูต้นฉบับของตัวเองใหม่ ซึ่งหลังจากนั้นมา กลายเป็นเพื่อนกัน จนบัดนี้ที่เพื่อนตายไปแล้ว มีหลายเรื่องที่ดิฉันเขียน แต่เขียนไปเขียนมา คนกลับคิดว่าตัวละครเหล่านั้นมีชีวิต เหมือนที่คนชอบพูดว่า เอก มโน โท จินตนาการ”
“ขอบคุณคนที่มาบอกข้อผิดพลาด ดิฉันหัวเราะเลย ลูกชายยังบอกว่าทำไมแม่อารมณ์ดีจัง ดิฉันคิดแค่ว่า ต่อไปดิฉันจะเขียนไม่ให้ผิดเลย เขาต้องเชื่อมากกว่าคนเขียนอีกนะ มันเป็นนวนิยาย นวนิยายแปลว่านิยายสมัยใหม่ ไม่ใช่กลอนแปด นวนิยาย คือเรื่องที่ผสมเป็น 9 อย่าง เอาของ 9 อย่าง มาผสมกันใหม่ แล้วคุณก็ได้เรื่องแปลก ๆ ออกมาใหม่”
“แล้วคุณก็มานั่ง เอก มโน โท จินตนาการ ซึ่งต้องขอบคุณคนที่บอกข้อผิดพลาดของเรา จะเอาไปแก้ไข ดิฉันมีความสุขนะ ที่มีนักวิชาการมาอ่านเรื่องของเราด้วย เราเก่งขนาดที่นักวิชาการมาอ่านเรื่องเรา พูดไปต่าง ๆ นานา ไม่ต้องมาวิจัยเรื่องของเราเลย รอให้เขามาชำแหละเรื่องของเราเอง แล้วเราจะเก็บข้อมูลอย่างเดียว”
เชื่องานเหมือนกันเพราะมีพลังงานคลื่นสมองจากคนอาชีพเดียวกัน หรือคนที่มีลักษณะคล้ายกันมักจะจูนกันติด
“ดิฉันจะเล่าเรื่องแปลกให้ฟัง ตอนที่ดิฉันเขียนเรื่องล่า อยู่ที่ประเทศไทย แต่ เชิด ทรงศรี ไปที่อังกฤษ บอกว่า เฮ้ย ไอ้อี๊ด มีหนังที่กำลังฉายเรื่อง I Spit on Your Grave เหมือนเรื่องล่าของแกเลย คล้าย ๆ กัน ดิฉันก็ถามว่าเรื่องนี้ได้เขียนนวนิยายหรือยัง เชิด บอกว่า ยัง ทำเป็นหนังเลย เราก็ถามว่า หนังไม่ได้เอามาฉายในประเทศไทยใช่มั้ย เพื่อนก็บอกว่าฉายที่อังกฤษ เราก็โล่งใจ เพราะดิฉันไม่เคยดูหนังเรื่องนี้ก็ไม่รู้ว่ามันคล้ายกันได้ยังไง แต่คุณเชื่อเรื่องคลื่นสมองมั้ย ดิฉันว่านักเขียนและนักทำงานทางความคิด คลื่นสมองของคนที่คิดอะไรอย่างเข้มข้นมันส่งถึงกันได้”
“คุณรู้จักจิตวิญญาณจักรวาลมั้ย มนุษย์ที่ตาย จิตวิญญาณมันเป็นคลื่น คลื่นบางอย่างไปรวมกัน เวลาจะไปเกิด ดิฉันอาจจะยืมคลื่นของนักเขียนโบราณมา เอาคลื่นนี้ มาผสมกับคลื่นนี้ ไม่ใช่ดิฉันจะไปเกิดนะ แต่คุณอาจจะมีคลื่นบางอย่างที่คล้ายกับดิฉัน มันถึงจูนกันได้ แต่บางคลื่นของเรา กลายเป็นไปอยู่กับโจรห้าร้อยก็มี นั่นแหละคือความเป็นมนุษย์”