“เก๋ ชลลดา” ปัดอมเงินบริจาคช่วยเหลือสุนัขตกท่อ ยันเงิน 2 หมื่นบริจาควัดที่ จ. ลำปาง ไปหมดแล้ว ยืนกรานทำมูลนิธิโปร่งใส ย้ำยังไม่ได้รับข้อกล่าวหาหลังถูกคู่กรณีฟ้องหมิ่นประมาท
จากกรณีที่เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. “เก๋ ชลลดา เมฆราตรี” นางแบบและประธานมูลนิธิเดอะวอยซ์เสียงจากเรา ได้เข้าแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) เพื่อดำเนินคดีในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณากับบุคคลที่เป็นสมาชิกเฟซบุ๊ก 2 ราย หลังจากที่บุคคลทั้งสองได้โพสต์และแชร์ข้อความว่าร้ายการช่วยเหลือสัตว์ของมูลนิธิดังกล่าวในทำนองว่า มีการใช้เงินที่ได้รับบริจาคกรณีช่วยสุนัขตกท่ออย่างไม่โปร่งใส ทำให้เกิดความเสียหาย ต่อมาวันที่ 29 มิ.ย. ที่ผ่านมา คู่กรณีเก๋ได้เข้าแจ้งความในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และแจ้งความเท็จ
ล่าสุด เก๋ได้เปิดใจถึงกรณีดังกล่าวระหว่างมาเป็นพิธีกรในงานประกวดสาวอ้วน Miss I’m Fat, So What ?Models & Brand Ambassadors Contest ณ เพลย์เฮ้าส์เธียเตอร์ สวนลุมไนท์บาซาร์ รัชดาภิเษก ยันตนยังไม่ได้รับข้อกล่าวหาใด ๆ ทั้งสิ้น
“จริง ๆ ต้องบอกว่า เก๋พูดไว้ชัดเจนแล้ว วันนั้นมีผู้สื่อข่าวบางท่านถ่ายวิดีโอไลฟ์ไว้ด้วย ก็จะทราบตั้งแต่แรกว่า เรื่องราวเป็นยังไง ซึ่งข้อความบางข้อความ ด้านที่เป็นสิ่งพิมพ์ไม่ได้เป็นส่วนที่เก๋สัมภาษณ์ เพราะบอกไว้ตั้งแต่สัมภาษณ์ทางทีวีแล้วว่าเราไม่สามารถเปิดเผยชื่อที่เป็นจำเลยได้ เพราะไม่มีการตัดสินทางศาลว่าเขาเป็นผู้กระทำผิดจริงหรือเปล่า เพราะฉะนั้นการลงชื่อต่าง ๆ ไม่ทราบว่าได้รับหมายแจ้งความจากที่ไหนมา”
“ไม่ได้เป็นหน้าที่ของเก๋และทนายเก๋เลย เพราะเราทำหน้าที่ในส่วนของเรา ซึ่งเก๋เองโดนลิดรอนสิทธิ และทำให้ชื่อเสียงมูลนิธิเสียหาย เพราะฉะนั้นเก๋จะไม่มีการทำพฤติกรรมแบบนี้กับคนอื่นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการเปิดเผยชื่อไม่ได้เป็นส่วนของเราตรงนี้ด้วยค่ะ”
ยันไม่โดนคู่กรณีแจ้งความกลับ และไม่มีข้อหา เพราะไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าตนเป็นผู้ต้องหา
“เราไม่ได้เป็นคนแจ้งความกลับ เพราะเราเป็นคนแจ้งความก่อนอยู่แล้ว วันนี้เก๋มีโอกาสได้พูดคุยกับทนายและทีมงาน จริง ๆ ต้องบอกว่า จริง ๆ แล้วเก๋ไม่ได้รับการแจ้งความนะคะ หลาย ๆ สื่อที่ลงพาดหัวข่าวไป อยากให้ทำความเข้าใจตรงนี้ด้วยว่า เก๋ไม่ได้รับหมายแจ้งความใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะเก๋ไม่ได้มีข้อหา ไม่มีหลักฐานที่พิสูจน์ได้ว่าเก๋เป็นผู้ต้องหาให้นำไปแจ้งความได้ เพราะฉะนั้นสื่อหลายสื่อที่ลงไปขอความกรุณาด้วยนะคะว่าช่วยลงข่าวให้ชัดเจนและเคลียร์ด้วย เพราะบางครั้งเรื่องมันไม่เป็นเรื่องค่ะ เรื่องนิดเดียวเลย บางทีมีเรื่องกันอยู่ก่อนแล้ว แต่มาเจอพาดหัวข่าว อยากให้เขียนอะไรไปบนพื้นฐานความเป็นจริงด้วย”
“ก็ไม่ได้รับการแจ้งความใด ๆ เพราะเขาไม่มีหลักฐานใด ๆ แจ้งความได้ เพราะหลักฐานหมิ่นประมาท คือ การพูดจาให้ร้ายหยาบคาย ใส่ร้ายป้ายสีหรืออะไรก็ตามทุกอย่างตามโซเชียลเน็ตเวิร์ก แล้วข้อหาหมิ่นประมาทเนี่ย เกิดจากเราต้องเป็นคนไปว่าเขา หรือแชร์เขา หรือใช้ข้อความบนเฟซบุ๊กของเราไปว่าฝั่งตรงข้าม ซึ่งเก๋ไม่ได้กระทำ ข้อหาทุกอย่างที่เห็นในข่าวเขียนกลับกัน เพราะเป็นข้อหาที่ทางเรามูลนิธิเดอะวอยซ์ ได้แจ้งข้อหากับทั้ง 24 คน ไม่ใช่ข้อหาที่เก๋ได้รับ”
ปล่อยทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย
“ตอนนี้เป็นขั้นตอนของกฎหมาย เป็นเรื่องราวทนายความ ซึ่งแน่นอนเก๋ก็ได้แต่รอคำสั่งจากศาล และหมายเรียกตัวผู้ต้องหาว่าเขาจะมีการสอบปากคำยังไง ส่วนหน้าที่เก๋และมูลนิธิหมดหน้าที่แค่เพียงเท่านี้แล้ว หลังจากนี้ เป็นหน้าที่ของตุลาการและศาลที่ต้องเรียกผู้ต้องหาทั้ง 24 ท่าน มาแสดงตัว ตามที่เราได้มีการส่งรายชื่อไป คือ ผู้ใดก็ตามที่ได้กระทำบนโลกโซเชียลออนไลน์ หรือแม้กระทั่งเฟซบุ๊กที่มีผลกระทบที่ไม่ดีให้กับมูลนิธิเดอะวอยซ์ของเรา”
“คือ เก๋ก็ไม่ทราบว่าข่าวนี้มันหลุดมาได้ยังไง เพราะเก๋ได้รับการติดต่อจากทีม ป.อ.ท. นะคะว่าเขาเรียกผู้ต้องหา เหมือนเราแจ้งหมายใคร เขาเรียกผู้ต้องหามาให้การเฉย ๆ หรือเรียกว่า ผู้ต้องสงสัยมาให้ปากคำเฉย ๆ แล้วเก๋ก็รับทราบว่ามีหมายเชิญสื่อมวลชน ไปบอกทุก ๆ คน ว่า มีการแจ้งความกลับ เพราะฉะนั้นเข้าใจตรงกันนะคะว่าไม่มีการแจ้งความกลับ เพราะเก๋ไม่ได้ทำผิดใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นทางอาญา หรือแพ่ง เพราะฉะนั้นเก๋ไม่ได้มีข้อหาอะไร”
ยันมูลนิธิเดอะวอยซ์ จัดการเรื่องเงินบริจาคโปร่งใส ส่วนยอด 2 หมื่น นำไปบริจาคช่วยเหลือสุนัขที่ จ.ลำปาง
“เดิมทีเคสนี้เราระดมทุนตามปกติ ถ้าเจาะถนนราคา 2 หมื่นบาท แต่เวลาชำระเงินเราติดต่อไปที่ผู้ที่เขาให้เราระดมทุนให้ คือ มูลนิธิพิทักษ์สัตว์ไทย เขาบอกว่ามีผู้ปรารถนาดีได้จัดการไปแล้ว เก๋เลยมาจัดการกับยอดเงิน ซึ่งแน่นอนเราเป็นมูลนิธิ เราต้องโปร่งใสอยู่แล้ว เรื่องรายรับรายจ่ายในแต่ละเดือน เราก็แจงว่า รายจ่าย 2 หมื่นบาทเนี่ย วันที่เราระดมทุนวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ใครที่ไม่ประสงค์อยากมอบให้การกุศล สามารถติดต่อขอกลับคืนได้”
“จริง ๆ เก๋ เชื่อว่า เงินก้อนนี้เขาก็ทำมาเพื่อใช้กับกรณีหรือสัตว์ในเหตุการณ์ครั้งนี้ ก็ประกาศว่า ใครบริจาคเงินให้มูลนิธิเดอะวอยซ์ ลงท้ายด้วยเลข 6 เช่น 6 บาท 16 บาท 1,116 บาท สามารถเอาสลิปติดต่อมาขอคืนได้กับทางบัญชีของมูลนิธิเดอะวอยซ์เลย เราให้เวลาทั้งหมด 3 วัน แต่ปรากฏว่า ไม่มีท่านใดติดต่อขอเงินคืนเลย มีแต่บอกว่าให้นำเงินก้อนนี้ไปใช้ในเคสอื่น ๆ ของมูลนิธิเดอะวอยซ์ แต่เพื่อความโปร่งใสจากเดิมทีได้รับการติดต่อจากหนึ่งในผู้ต้องหาอยู่แล้ว พี่เขาบอกว่าไม่รู้จักเก๋ เก๋เลยนำเงินก้อนนี้ไปมอบให้ท่านเจ้าอาวาส วัดเวฬุวนาราม จ.ลำปาง เพราะท่านได้อนุเคราะห์ และขอบิณฑบาตชีวิต สุนัขจรจัดแถวการท่าเรือไปพอสมควร”
“เงิน 2 หมื่นบาท ทุกบาททุกสตางค์ก็นำไปช่วยสุนัขจรจัดที่กำลังจะถูกกำจัด แต่ว่าได้รับการขอชีวิตไว้และมีชีวิตใหม่ที่วัดเวฬุวนาราม จ.ลำปาง ไม่มียอดตกค้างใด ๆ ที่มูลนิธิเดอะวอยซ์ ที่สำคัญ ยังยืนยันคำเดิมว่าเราไม่ได้เป็นคนระดมทุน และลงมือทำงาน เราระดมทุนเพื่อเป็นทางผ่านให้กับผู้ปฏิบัติงาน หน่วยจิตอาสากู้ภัย และสมาคมพิทักษ์สัตว์ไทย ไทยเอทีเอ เราเป็นแค่ผู้ไหว้วานให้เป็นสื่อกลางในการระดมทุนเพราะเคสนี้เดอะวอยซ์ไม่ได้เป็นผู้รับผิดชอบตั้งแต่ต้นค่ะ”
ยกความดีให้ “โย ยศวดี - บุ๋ม ปนัดดา” ช่วยประสานงานให้
“ก็ต้องรอดูว่ามีหมายใด ๆ มาเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ตอนนี้ให้เป็นส่วนทนายความของเก๋ดีกว่า ถามว่า ได้ติดต่อกับทางฝ่ายโน้นมั้ย จริง ๆ ไม่ได้คุยโดยตรง ยกความดีให้ คุณโย ยศวดี และ คุณบุ๋ม ปนัดดา คือ เก๋ไม่รู้จักใครเลยในบุคคลดังกล่าว แต่บังเอิญ 2 ท่านนี้รู้จักกัน ก็มีการพูดคุยประสานงาน”
“ซึ่งเก๋ก็ยังพูดประโยคเดิมที่เก๋ให้สัมภาษณ์ ว่า เก๋เคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าการแจ้งความใด ๆ ก็ตาม ต้องเริ่มจากต้นเหตุ เพราะฉะนั้นใครเป็นต้นกำเนิด ใครเป็นคนแชร์โพสต์แรก หนึ่งในนั้นต้องเป็นชื่อในใบแจ้งความด้วย ซึ่งต้องบอกว่าพี่หนึ่งในสองคนนั้นได้มีโอกาสพูดคุยกับทางพี่บุ๋ม และ พี่โย แล้วเรียบร้อย เก๋ก็บอกเขาแล้วว่าไม่ได้ติดใจเอาความเลย แต่เนื่องจากเขาเป็นหนึ่งในโพสต์ที่มีการแชร์มากที่สุด มีคนมาคอมเมนต์หน้าโพสต์บ้านพี่ พี่ต้องมีส่วนรับผิดชอบบอกเพื่อน ๆ พี่ แล้วก็บอกคนที่พี่รู้จักมาเขียนคอมเมนต์ว่าให้หยุดการแชร์และการวิพากษ์วิจารณ์ที่ไม่จริง”
“เก๋คิดว่าคงไม่มีใครอยากให้เกิดกรณีขึ้นโรงขึ้นศาล ถ้าเป็นคำด่าหยาบคายไม่ได้เกิดความเสียหาย ทำให้แค่อารมณ์เสีย เก๋คงไม่มาแจ้งความอยู่แล้ว แต่อันนี้อย่างที่บอก มันทำให้เกิดความเสียหาย และเสียชื่อเสียงมูลนิธิเดอะวอยซ์และจิตอาสาคนอื่นด้วย ส่วนตัวเราไม่มีแจ้งความใด ๆ ทั้งสิ้นนะคะ คนที่แจ้งความ หรือผู้ที่ถือหมาย คือ มูลนิธิเดอะวอยซ์เสียงจากเราเป็นคนแจ้งความที่บุคคลเหล่านี้ ทำลายชื่อเสียงขององค์กรค่ะ”