“หมอโอ๊ค” ส่ง “น้องอลิน” ทำบอลลูนรักษาลิ้นหัวใจรั่ว ส.ค. นี้ โชคดีไม่ต้องผ่าตัด เผยกังวลแต่เชื่อมั่นแพทย์รักษา ชี้ แผลเล็กเท่ารูเข็ม โวเลี้ยงลูกแฝดง่าย กินนอนเป็นเวลา เปิดใจปฏิเสธงานไปเยอะ อยากเลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดครอบครัวมากที่สุด
ทำเอาหลายคนเป็นห่วงเมื่อทราบข่าวว่า “น้องอลิน” ลูกสาวของคุณแม่ “โอปอล์ ปาณิสรา อารยะสกุล” และ “หมอโอ๊ค สมิทธิ์ อารยะสกุล” กำลังเตรียมตัวเข้ารับการรักษาลิ้นหัวใจรั่ว ล่าสุดหมอโอ๊คเผยว่าน้องอลินจะเข้ารักษาด้วยการทำบอลลูนในเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้
“เดี๋ยวมีนัดอีกประมาณสิงหาคม จะมีการวางแผนกันก่อนว่าจะทำบอลลูนกันอย่างไร จริง ๆ ทุกคนก็ตกใจเนอะ เพราะมันเป็นเรื่องเกี่ยวกับโรคหัวใจ ดูแบบน่ากลัวนิดหนึ่ง ก็ปรึกษากับอาจารย์หลาย ๆ ท่านแล้ว ก็โชคดีที่น้องอลินเป็นลิ้นเดียว แล้วก็เป็นลิ้นที่รักษาโดยไม่ต้องใช้การผ่าตัด ใช้เพียงแค่การใส่บอลลูนเข้าไปช่วยจะเหมือนลูกโป่งเล็ก ๆ ใส่ไปในเส้นเลือดของเรา ฉะนั้นแผลจะมีแค่รูเข็ม ใส่เข้าไปแล้วก็จะเป่าลูกโป่งให้ลิ้นมันขยายออก”
“เราเป็นพ่อเนอะ แค่เป็นหวัดเราก็เครียดแล้ว ก็มีบ้าง แต่ก็คิดว่าเราก็เลือกทุกอย่างที่ดีที่สุดให้กับลูกแล้ว ทำดีที่สุดแล้ว แล้วก็ถ้าหากเราไม่ทำก็จะมีผลต่อชีวิตของเขา”
หลังจากนี้แค่มาตรวจตามหมอนัด บอกโชคดีลูกสาว “อลิน” ได้เข้ารักษากับอาจารย์หมอที่เก่ง
“หลังจากทำก็แค่มาตรวจติดตาม เขาก็ปกติทุกอย่าง ไม่มีอะไร อาจจะโชคดีที่เราอยู่ในวงการแพทย์อยู่แล้ว อาจจะรู้จักท่านอาจารย์ที่เก่ง ๆ และก็โอกาสจังหวะเหมาะจริง ๆ ที่น้องอลินได้รักษาอาจารย์ที่เก่งมาก ๆ มีเพื่อนฝูงที่เชี่ยวชาญเรื่องโรคหัวใจเด็กโดยตรง ความเห็นตรงกันหมด เราจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราทำได้ครับ ทั้งวิทยาศาสตร์และทุกอย่างที่เป็นไปได้ในโลกนี้”
โวลูกแฝดเลี้ยงง่ายขึ้น กินนอนเป็นเวลา
“เลี้ยงง่ายเยอะขึ้นเลย นี่เพิ่งครบรอบ 9 เดือนไปเมื่อวันก่อน เริ่มนอนเป็นเวลาขึ้น เก่งขึ้น เริ่มจำพ่อแม่ได้ อันนี้มีความลำบากใจอย่างหนึ่ง พอออกมาทำงานก็เริ่มร้องหา ดีใจที่เขาโตนะ แต่ก็เสียใจที่ไม่ได้อยู่กับเขาในบางวันวันที่เราออกมาทำงาน”
ลั่นพยายามเลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดครอบครัวมากที่สุดโดยสลับช่วงเวลากันทำงานเพื่อให้ลูกได้อยู่กับพ่อแม่ตลอด
“จริง ๆ เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับครอบครัวเราเลยนะครับ เราก็มีงานประจำของเรา มีบริษัทของเรา พวกเราทั้งสองคนไม่ใช่คนที่มุ่งหวังจะกอบโกยอะไรมากมายอยู่แล้ว แค่พอมีพอกินไปเรื่อย ๆ ตามสมควรจะทำมากกว่า คุณโอปอล์เองอาจจะดูงานเยอะ แต่มันตามความรับผิดชอบมากกว่า มีงานที่จำเป็นต้องทำ บางงานอีเวนต์ที่มันดึกมากๆ ก็บอกเลิกไปเยอะเหมือนกัน ก็พยายามจัดสรรเวลาให้มากที่สุด เรียกว่าถ้าพ้นจากเวลางานไปคือทุ่มให้เขาหมดจริง ๆ ย้ายทุกอย่างเข้าไปอยู่ใกล้ลูก เลี้ยงไปด้วย ออกกำลังกายไปด้วย”
“ถ้าเริ่มโตกว่านี้ก็อยากให้เขาไปด้วยกันกับเราก่อน อยากให้เขาเห็นว่าเราทำงานอะไรยังไง อยากให้เขาเห็นว่าพ่อแม่ทำงานยังไง มีชีวิตยังไง การดูแลลูกเราจะดูสลับกัน ในช่วงเช้าคุณโอปอล์ไปทำงาน ผมอยู่บ้าน พอออกมาตรวจ ช่วงบ่ายคุณโอปอล์กลับ อย่างน้อยต้องมีคุณปู่คุณย่าคุณตาคุณยายต้องอยู่แน่นอน ดังนั้น เราพยายามจะเลี้ยงให้เด็ก ๆ ได้ใกล้ชิดกับครอบครัวมากที่สุดครับ ถามว่าจะมีโอกาสได้เห็นน้องออกงานบ้างมั้ยอันนี้ยังไม่ได้คิดเลยครับ เพราะเขายังเล็กมาก ค่อนข้างเป็นห่วงเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ เพราะช่วงนี้ก็มีโรคหลาย ๆ โรคระบาดในเด็ก พยายามหลีกเลี่ยงในที่ชุมชนก่อน รอให้เขาแข็งแรงกว่านี้ครับ”