คลินิกความงามไปได้สวย “ฟลุค จิระ” มุ่งธุรกิจเต็มตัว ลุยขายผลิตภัณฑ์ความงาม และสินค้าอีกหลายอย่าง ฝันอยากจะเดินตามรอยซีพี
วงการบันเทิงอะไร ๆ ก็ไม่แน่นอน ดาราเมื่อก้าวเข้าสู่จุด ๆ หนึ่ง ก็มักจะผันตัวไปทำธุรกิจส่วนตัว “ฟลุค จิระ ด่านบวรเกียรติ” ก็เช่นกัน พอวางแพลนจะแต่งงานกับ “แอปเปิล สีสะเหงียน สีหาราช” ก็เลยลุยธุรกิจอย่างเต็มตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้เข้าไปช่วยกิจการครอบครัวจนประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยฟลุคเลือกที่จะจับธุรกิจความงามเปิดเซ็นโทรล คลินิก ที่เอสพลานาด รัชดา และใช้เวลาแค่ไม่นานก็ขยายไป สาขา 2 จังหวัดอุดรธานี ทำเอาสาวลาวแห่กันมาใช้บริการกันคึกคัก จนทำให้เตรียมเปิดสาขาที่ 3 ภายในปีนี้ แต่ความฝันของฟลุคยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะอยากจะประกอบธุรกิจอีกหลายอย่างให้ได้เหมือนที่ซีพีทำ อนาคตเจ้าสัวชัด ๆ
“หลัก ๆ ก็จะมีร้านแว่นตา ตอนนี้มี 15 - 16 สาขาที่ปิดไปด้วย และสาขาที่เปิดใหม่ มันยังไม่ค่อยนิ่ง ธุรกิจนี้ทำมามากกว่า 30 ปี เป็นธุรกิจครอบครัวครับ ฟลุคเข้ามาบริหารประมาณ 8 - 9 ปีแล้ว ช่วงจบใหม่ ๆ เข้ามาในฐานะคล้าย ๆ เป็นเซลล์ มาดูแลหน้าบูธ จัดการหน้าร้านแล้วก็ค่อย ๆ เปลี่ยน ไปเรื่อย ๆ งานก็เริ่มลงลึกมากขึ้น จนถึงขั้นไปดูผลิตภัณฑ์เอง ช่วงที่ทำมาประมาณ 3 - 4 ปี ก็ไปดูผลิตภัณฑ์เอง ไปกับพี่สาว ไปดูงานแฟร์ที่ฝรั่งเศส อิตาลี ฮ่องกง ญี่ปุ่น ก็เอาแว่นมาดิสซิบิวต์เอง เป็นช่วงขยายธุรกิจจากการขายปลีกมาเป็นขายส่ง ตอนนี้ก็ถอยหลังมานิดหนึ่ง คือ อยู่เป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัทแต่ไม่ได้ลงมือทำทุกอย่าง ก่อนหน้านี้แว่นทุกตัวต้องผ่านตาหมด ตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้นแล้ว เพียงแค่บอกว่าตัวไหนควรลงทุน ตัวไหนควรถอนออก มองภาพรวมมากขึ้น”
“ที่ต้องถอยออกมาเพราะธุรกิจที่บ้านก็กงสี ฟลุคอยากทำธุรกิจของตัวเองม อยากดูแลธุรกิจตัวเองจริง ๆ และก็อยากสร้างครอบครัวด้วยครับ ก็เลยคุยกับแอปเปิ้ลมาทำธุรกิจดีกว่า คบน้องมา 6 ปี น้องก็เห็นด้วยอยากทำธุรกิจด้วยกัน มันเป็นวัยอยากสร้างตัว ฟลุคอยากสร้างตัวดัวยธุรกิจของตัวเองครับ”
“เราจบการตลาดทั้งคู่ฟลุคจบเอ็มบีเอ แอปเปิลเองก็จบบีบีเอ เลยคิดถึงคลินิกเสริมความงามขึ้นมา เพราะว่าแอปเปิลจะมีคนมาถามตลอดว่าพี่แอปเปิลใช้ครีมอะไร เขียนตาด้วยอะไร เราคิดว่าเราต้องมาลงทางนี้อยู่แล้ว ไลน์บิวตี้คอสเมติก จึงคิดว่าเปิดคลินิกแล้วกัน เริ่มจากซื้อแฟรนไชส์ก่อนเปิดได้เพียง 3 - 4 เดือน ก็ปิดตัวลง ด้วยปัจจัยหลาย ๆ อย่าง ทั้งการบริหารที่ไม่ไปในทิศทางเดียวกัน สินค้าบริการไม่เหมือนที่เราคิด แต่คิดเสมอว่าเราลงทุนไปแล้ว ยอมลงทุนใหม่อีกรอบ เลยตัดสินใจแยกตัวออกมาทำของตัวเอง ปรับเปลี่ยนหน้าร้าน และเพิ่มระบบในการดูแล รวมถึงเครื่องเลเซอร์ที่เราคิดว่าต้องลงทุนเพิ่มก็เลยมาเป็นเซ็นโทรล คลินิก”
“เมื่อก่อนเราไม่มีออฟฟิศ เซ็นเช็คก็ออกไปเซ็นข้างนอก ที่ทำงานเราคือ ร้านกาแฟ (หัวเราะ) ซื้อกาแฟแก้วหนึ่งและแอปเปิลก็นั่งทำบัญชีอยู่ข้าง ๆ เรารู้ความลำบากของพ่อแม่เราตอนทำธุรกิจใหม่ ๆ มันเป็นแบบนี้เลย ผมไม่มีเวลาพักไปถ่ายละครแฟนก็ทำงาน ทุกคนก็เหนื่อยกันมาก ก็ถือว่าโชคดีที่ธุรกิจมันไปได้ดี มีผลตอบรับที่ดี มีลูกค้าวอร์คอินติดตามมาเยอะ จนเราก็เริ่มมีแคชโฟร์ในบริษัทมากขึ้น เลยลงทุนทำออฟฟิศขึ้นมา อยู่ทาวน์อินทาวน์ เป็นตึก 5 ชั้น”
“ก็เรียกว่า รีเทิร์นเร็วมากเปิดมาประมาณ 5 - 6 เดือน ก็เริ่มทำออฟฟิศเลย เราต้องประหยัดพวกนาฬิกา กระเป๋า แอร์เมส เราไม่ซื้อของดีกว่าเก็บเงินไว้ลงทุนทำตึกทำออฟฟิศใหม่ทุกชั้น พอทำออฟฟิศงานก็เริ่มเป็นระบบมากขึ้น เริ่มขยายสาขา เริ่มมองหาสาขาที่ 2 ว่าเป็นที่ไหนดี ตอนแรกก็เล็งไว้ที่ลาวจะไปเปิดสาขาที่เวียงจันทน์ แต่ติดปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องใบอนุญาต อย. บางคลินิกที่ไปก็เหมือนประสบความสำเร็จ แต่เราไม่รู้เบื้องลึก ลูกค้าของเรามาจากฝั่งลาวเยอะมากครับ ตอนแรกตัดสินใจดันทุรังยังไงก็จะไปเปิดสาขาที่ลาว จนตอนหลังก็คิดว่าทำไมเราไม่เอากลุ่มคนอีสานบ้าง ทางฝั่งลาวก็มาทำได้สะดวก เราเลยเปลี่ยนไปเปิดสาขาที่อุดรครับ เพราะถ้าเราไปเปิดสาขาที่ฝั่งลาว คนไทยไม่ข้ามไปทำ แต่ถ้าเราเปิดสาขาที่ อุดรฯ คนลาวข้ามมาทำ แล้วเราได้ในส่วนของจังหวัดใกล้ ๆ ด้วยครับ ได้ทั้งหนองคาย ขอนแก่น จังหวัดใกล้เคียง จึงตัดสินใจเปิดสาขาที่เซ็นทรัล พลาซา อุดรธานี”
“เคล็ดลับที่ทำให้ประสบความสำเร็จ คือ เราวางบริการให้สูง แต่ราคาจับต้องได้ครับ ราคาไม่ต้องแพงมาก แต่เน้นบริการที่ดี พนักงานทุกคนเน้นให้ดีที่สุด เหมือนอยู่คลินิก 5 ดาว แต่เราไม่ใช่คลินิก 5 ดาวครับ เราอยากดูแลและบริการให้รู้สึกถึงขั้นนั้น ให้ลูกค้ารู้สึกว่าจ่ายเงินน้อยแต่มาแล้วคุ้ม จนในที่สุดเราทำได้ เปิดสาขา 2 ที่เซ็นทรัล อุดรธานี และมีแพลนเปิดสาขา 3 สิ้นปีนี้ จุดเด่นของเราอีกอย่างคือ การปรับรูปหน้า เรื่องผิวขาวใส วันหนึ่งสมมติว่ามีลูกค้ามาใช้บริการ 30 คน จะมี คนมาทำกลุ่มไวท์เทนนิงประมาณ 25 คน เยอะมากครับ ส่วนอีกกลุ่มที่เหลือก็จะปรับรูปหน้า โบท็อกซ์ ร้อยไหม เลเซอร์ครับ”
“นอกจากบริการที่มีในคลินิกแล้ว เรายังได้มองไปถึงผลิตภัณฑ์ที่เราจะจัดทำ เราจึงมองผลิตภัณฑ์เป็นโฮมยูส ขายได้ทั่วประเทศ ผลิตภัณฑ์อันแรกเลยเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ครับ นอกจากกลูต้าออร่าไวท์ ก็คือ เรามีคอร์สออร่าไวท์อยู่แล้ว ซึ่งเป็นคอร์สที่ขายดีที่สุด เราเลยเอาคอร์สนี้ใส่ไปในชื่อผลิตภัณฑ์ของเรา แล้วขายทั่วประเทศ ตัวนี้ผลิตมาเดือนที่แล้วและเริ่มจำหน่ายไปแล้วครับ ตอนนี้กำลังจะวางจำหน่ายทั่วประเทศ เป็นอาหารเสริมแบบเม็ด ให้ลูกค้ากลุ่มคลินิกของเราซื้อกลับบ้านได้ กลุ่มที่สองคือ ลูกค้าที่เป็นแฟนคลับคลินิกเราอยากมาทำแต่อยู่ต่างจังหวัด อย่างเช่น ต้องบินมาจากเชียงใหม่ ภูเก็ต ถ้าเราเปิดสาขารองรับไม่ทัน ก็ให้ลูกค้าซื้อไปทานก่อนได้ครับ แล้วเราจะกระจายไปทั่วประเทศ ก็มองว่า น่าจะประมาณต้นเดือนกรกฎาคม จะเห็นวางจำหน่ายแล้ว เพราะตอนนี้คุยกับดิสบิวเตอร์เรียบร้อยครับ”
“พอร์ตการขายของเขาก็ทั่วประเทศ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากธุรกิจหลักของเรา ซึ่งธุรกิจหลัก ก็คือ คลินิก และต่อยอดออกมาเป็น อาหารเสริม ครีมบำรุง โปรดักซ์ อนาคตเราอาจจะมีเวย์โปรตีนของผู้ชายด้วยนะครับ แต่ตอนนี้ขอให้แบรนด์เราแข็งแรงก่อน เหมือนซีพี อะไรก็เป็นซีพีได้หมด เราก็เป็นเซ็นโทรลคลินิกได้หมด แต่ขอเริ่มจากความแข็งแรงของแบรนด์ก่อนนะครับ”
“นอกจากธุรกิจหลักเรา ผมหุ้นกับเพื่อน ๆ ทำฟิตเนสค่ายมวย เฮลธ์มี แอคทีฟ ตอนนี้เปิดบริการอยู่ 2 สาขาครับ มีที่วิภาวดี 64 หน้าปากซอยเลย อีกหนึ่งที่ คือ เบส มินตัน ศรีนครินทร์ อยู่ในซอยตรงข้ามพาราไดร์พาร์ค ศรีนครินทร์ เป็นธุรกิจที่เราจับพลัดจับผลูมาทำ บอกตรง ๆ ว่า เราไปฟิตเนสที่เฮ้วส์มีฟิตเนส ตอนนั้นมีเวียร์ พี่บ๊วย พี่ซี หุ้นกันในนั้น เราเป็นคนชอบออกกำลังกายก็ไปเล่นฟิสเนตเป็นประจำ ก็เกิดแนวคิดขึ้นมาว่าอยากทำค่ายมวย ก็ต้องหาคนทำ หาอะไร เพื่อน ๆ เลยชักชวนมาทำ ก็มีกรุ๊ปนี้แหละครับ เวียร์ พี่บ๊วย พี่ซี กับผม เป็น 4 คน เป็น 4 หุ้น เป็นหุ้นดาราครับ”