ซุปตาร์ผู้น่าสงสาร ทำไมใครๆ ก็ไม่รัก “ใหม่-ดาวิกา”

ควันหลงจากงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ 2016 (Cannes Film Festival 2016) ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาของ “ชมพู่-อารยา เอ ฮาร์เก็ต” คือเสียงชื่นชมอย่างท่วมท้น ทั้งจากคนร่วมวงการ หรือบรรดาแฟนๆ ที่พร้อมใจกันแชร์ภาพจากพรมแดง และกระหน่ำพิมพ์ข้อความเยินยอ และติดแฮทแท็ก #แม่ก็คือแม่ เป็นการประกาศสถานะความเป็น #ทีมชมพู่

ตรงข้ามกับ “ใหม่-ดาวิกา โฮร์เน่” ที่ไปงานเดียวกัน แต่ผลตอบรับกลับมาต่างกันราวฟ้ากับเหว

ขณะที่ชมพู่ มีแต่คนพร้อมใจกันติดแฮทแท็ก #แม่ก็คือแม่ ทั่วบ้านทั่วเมือง ใหม่กลับได้แต่รูปสตอเบอร์รี่เป็นของกำนัล

เข้าใจว่าการที่ใหม่โดนจับมาเป็นคู่เปรียบของชมพู่ในเกือบจะทุกด้าน แต่ก็รู้ดีว่าในฐานะของความเป็นเจ้าแม่แฟชั่น อย่างไรเสีย เธอก็ไม่มีวันเทียบชั้นแฟชั่นนิสต้าอย่างชมพู่ได้ เมื่อรู้ว่าคนทั่วไปจับตามองเรื่องแฟชั่นพรมแดงของนางเอกรุ่นพี่ ที่จะต้องประโคมแบรนด์ระดับโลกมาสวมใส่เพื่อประกาศศักดา ใหม่จึงตั้งใจนำเสนอความต่างว่าเธอเลือกที่จะสวมใส่เสื้อผ้าจาก ดีไซเนอร์แบรนด์ไทย เสมือนอยากพรีเซ้นต์ว่าตัวเองสนับสนุนสินค้าไทย ในขณะเดียวกัน ก็แฝงการแอบเหน็บชมพู่อยู่ในที ว่าไม่จำเป็นต้องเห่อแบรนด์นอก
แต่แทนที่จะเป็นผลจะออกมาเป็นเชิงบวก กลับกลายเป็นตรงกันข้าม เมื่อจู่ๆ "หมู-พลพัฒน์ อัศวะประภา” เจ้าของแบรนด์ ASAVA มีการโพสต์ข้อความว่าเป็นเชิงเหน็บแนม ว่า “ชุดเราเหรอ เพิ่งรู้วันนี้เอง
โดยมูลเหตุที่เจ้าของแบรนด์ ASAVA ออกมาโพสต์ข้อความดังกล่าว สืบเนื่องมาจากการที่ใหม่สวมใส่ชุดเกาะอกสีขาว กางเกงขาวและมีผ้าคลุมไหล่สีขาวยาว จากแบรนด์ของ ASAVA ร่วมในงานโกลบอล อีเว้นต์ แต่กลับไม่ยอมให้เครดิต ทั้งยังไม่ยอมโพสต์รูปในไอจีตัวเอง กลับให้ทางผู้จัดการส่วนตัวเป็นคนขึ้น แต่ครั้นสวมใส่ชุดจากอีกแบรนด์หนึ่ง กลับให้เครดิตแบรนด์นั้น ซึ่งทางหมู ASAVA ซึ่งมีตำแหน่งเป็นประธานสมาคมแฟชั่นดีไซเนอร์ กรุงเทพ (Bangkok Fashion Society) ถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติอย่างรุนแรง เพราะตั้งใจทำชุดนี้อย่างสุดฝีมือเพื่อให้ใส่ไปอวดสายตาคนทั่วโลกโดยเฉพาะ

เบื้องต้นแหล่งข่าวบอกว่าอาจจะใหม่อาจจะไม่พอใจที่ ASAVA ไม่ยอมทำชุดกระโปรงยาวบานๆ แบบที่ขมพู่สวมใส่ให้ โดยให้เหตุผลว่าไม่ใช่สไตล์ของทางร้าน
หลังเหตุการณ์นี้ ก็กลายเป็นมหากาพย์ดรามาสตอเบอร์รี่ภาค 2 เพราะมีการโพสต์รูปสตอเบอร์รี่กันรัวๆ จากผู้คนในแวดวงดีไซเนอร์ ซึ่งบางคนถึงขนาดบอกใบ้เป็นนัยๆ ว่าตั้งใจสื่อถึงนางเอก M และนางเอก ด. จากหนังเรื่องพี่ไม่น้อย
ฟากความเคลื่อนไหวล่าสุดจากฝั่งของใหม่มีเพียงการโพสต์แสดงความขอบคุณบรรดาดีไซเนอร์ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษหากกระทำการสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง และถูกใจ
มาถึงตรงนี้ก็อดจะฉุกคิดขึ้นมาไมได้ว่า ทำไมใหม่-ดาวิกา ถึงมีแต่คนรุมแอนตี้ รุมด่า ไม่ว่าขยับตัวทำอะไร ก็มักจะมีคนจับเรื่องนั้นเรื่องนี้มาโจมตีได้ตลอด...ตลอด
ไม่ต้องย้อนไปดูอื่นไกล เอาเฉพาะประเด็นเมืองคานส์นี่ก็พอจะดูออก เพราะมีแต่คนลงมาผสมโรงโพสต์รูปสตอร์เบอร์รี่ แล้วก็ประโยคคอมเม้นต์เชิงเหน็บแนมต่อกันมาเพียบ ทั้งในแวดวงดีไซเนอร์ หรือกระทั่งในวงการดาราด้วยกันเอง กลายเป็นเหมือนสังคมกำลังรุมถล่มใหม่

แม้แต่แฟนหนัง แฟนละคร คนทั่วไป ถามว่าดูหนังที่ใหม่แสดงมั้ย? ....ดู
ดูละครที่ใหม่เล่นมั้ย ? ....ดู
ยอมรับว่าใหม่สวยมั้ย?..... สวยมาก ดูทุกองศา ดูมีคลาส ดูแพง
ฝีมือมีมั้ย ? ..... ก็มีนะ เล่นหนังเรื่องแรกก็ฟันรายได้ไปกว่าพันล้าน เล่นหนังเรื่องที่สอง ก็คว้ารางวัลมานับไม่ถ้วน
แต่ถามต่อว่ารักใหม่มั้ย ? .....ไม่รัก
ทำไม ทำไม และทำไม !!???
เพราะถ้านับจากรูปสมบัติ คุณสมบัติ ใหม่ก็มีไม่ได้น้อยไปกว่าชมพู่ , อั้ม-พัชราภา ,พลอย-เฌอมาลย์
แต่ทำไมชมพู่มีแต่คนชื่นชม อั้มก็มีแต่คนรักทั้งบ้านทั้งเมือง กระทั่งพลอย แม้จะดูเหวี่ยงวีน แต่ก็ไม่เคยมีคนมาถล่มด่ากันมากมายเท่าใหม่
จะว่าด่าเพราะอิจฉา ก็ไม่น่าใช่ เพราะไม่งั้นบรรดานางเอกที่สวยเท่าๆ กัน หรือสวยกว่าใหม่ก็ต้องโดนอิจฉา และโดนเขียนด่าเหมือนกัน
หรือที่แท้ เป็นเรื่องของนิสัย และการวางตัว ที่ทำให้ใหม่ไม่เป็นที่รักของคนทั่วไป
เพราะเท่าที่ลำดับจากเรื่องราวที่ใหม่โดนกระแสโจมตี ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นเรื่องความเชิด เย่อหยิ่ง เรื่องเยอะ ดูเหมือนเป็นนางเอกที่คนจับต้องไม่ได้ หรือถ้าเลือกได้ ก็ไม่อยากร่วมงานด้วย (แต่บังเอิญมีชื่อเสียง มีกระแส ที่ขายได้ ก็เลยยังมีงานอย่างต่อเนื่อง)
และที่ร้ายแรงที่สุด ก็ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเนรคุณ !!
ถ้าแค่มีคนออกมาพูดคนเดียว ก็อาจมองได้ว่าเสียผลประโยชน์ก็เลยหาเรื่องด่า แต่หลายเสียงก็พูดถึงใหม่ในแง่เดียวกัน ซึ่งบางคนก็ไม่มีผลประโยชน์อันใดเกี่ยวข้องกันด้วยซ้ำ คนที่ถูกสังคมองค์รวมลงความเห็นในเรื่องเดียวกัน ย่อมต้องไม่ใช่เรื่องที่กุขึ้นมา แต่น่าจะมาจากมูลเหตุที่เชื่อถือได้

ใหม่กับ “แพนเค้ก-เขมนิจ” ย้ายช่องมาพร้อมๆ กันแท้ๆ แต่กลับไม่มีใครโจมตีแพนเค้ก นั่นเพราะไม่มีแบ็คกราวนด์เป็นชนักติดหลังในเรื่องนี้มาก่อน หรือแม้แต่ตอนที่ชมพู่ พยายามอัปเกรดตัวเองขยับชั้นมาเทียบอั้ม ก็ไม่ถูกสังคมแอนตี้ ตรงกันข้ามกลับมีแต่คนเห็นชอบ และเขียนชมในความพยายามของเธอด้วยซ้ำ
การจะเจริญก้าวหน้าในวงการบันเทิงมากที่สุด ไม่ได้อยู่ที่ความสามารถอย่างเดียว เล่นบ่อยๆ ฝึกบ่อยๆ เดี๋ยวก็เก่งขึ้นมาได้ ส่วนเรื่องความสวย ยังไงศัลยกรรมก็ช่วยได้อยู่แล้ว แต่เรื่องนิสัย และการวางตัวต่างหากที่สำคัญที่สุด
ไม่รู้ว่าใหม่เป็นอย่างนี้มาเองอยู่แล้ว หรือถูกจับให้เปลี่ยนโดยผู้จัดการส่วนตัว ที่วางหมากให้ ซึ่งถ้าเป็นอย่างหลัง ต้องบอกเลยว่าเป็นการวางหมากที่ผิดมหันต์ จริงอยู่ที่อาจจะทำให้ใหม่มีกระแส มีงานต่อเนื่อง มีผลประโยชน์ให้เก็บกินในช่วงแรก แต่ในระยะยาว บอกเลยว่าใหม่จะอยู่ในวงการนี้ยาก
หรือบางทีทั้งใหม่ และผู้จัดการส่วนตัว สมควรจะต้องไปเข้าคอร์สอบรมการเป็นซุปตาร์อย่างไรให้คนรัก และการเป็นผู้บริหารจัดการศิลปินนักแสดง เพื่อให้เป็นซุปตาร์ที่คนนิยมชมชอบ

ถ้ายังอยากให้ใหม่เป็นนักแสดงที่ดี ไม่ใช่อยู่แบบโดดเดี่ยวเดียวดาย ไม่มีที่ยืนในสังคม ทั้งคู่ต้องจับเข่าคุยกัน เพื่อหารือ ร่วมมือกัน เกี่ยวกับการบริหารจัดการ และวางเส้นทางการทำงาน การวางตัวใหม่ทั้งหมด
ถ้ายังอยากจะวัดรอยเท้าชมพู่ อย่าเพียงแต่มองว่าชมพู่ได้งานอะไร ไปงานไหน แล้วฉันต้องได้งานนั้น ไปงานด้วย แต่จงมองและศึกษาวิธีการทำงาน และการใช้ชีวิตในวงการของชมพู่เป็นแบบอย่าง
เป็นดารามีงานเยอะ แต่ไม่มีคนรัก จะมีประโยชน์อะไร !!??
ตอนนี้ยังพอขยับปรับตัวทัน อย่ารอให้ถึงวันที่ไม่มีทั้งคนรัก และไม่มีทั้งงาน เพราะถ้าวันนั้นมาถึง ทุกอย่างก็สายเกินไป
ที่มานิตยสาร ผู้จัดการ 360 องศา สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 340 21-27 พฤษภาคม 2559