“แตงโม พงษ์พิสุทธิ์” เล่าวินาทีขอแต่ง “ใบเฟิร์น” บนยอดเขาทิตลิส สวิตเซอร์แลนด์ อากาศติดลบ 3 องศา เชื่อคู่แท้ถูกกำหนด ห่างไป 15 ปี ยังได้กลับมารักกันอีก เผยยิ่งทะเลาะยิ่งรักกันมากขึ้น ฟุ้งถอย BMW 1 คัน แหวนเพชร 1 กะรัต เซฟงบแหวนไปเที่ยว เล็งฮันนีมูนยุโรป เจ้าบ่าวลั่นเจ้าสาวไม่ได้ท้องแค่ยังไม่ได้ขรี้!
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 59 “แตงโม พงษ์พิสุทธิ์ ผิวอ่อน” ลูกชายอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย “ปิยะพงษ์ ผิวอ่อน” ได้ควงแฟนสาว “เฟิร์น เกวรินทร์ จิตตั้งตรง” เข้าพิธีสมรสแบบเรียบง่าย Crystal Design Center (CDC) ท่ามกลางเพื่อนพ้องคนสนิท ญาติมิตร ผู้หลักผู้ใหญ่ ที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน และแสดงความยินดีกับคู่บ่าวสาว โดยทั้งคู่ควงแขนมาเล่านาทีประทับใจขอแต่งงานบนยอดเขาทิตลิส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ก่อนฝ่ายชายเผยถอยรถ BMW 1 คัน ให้แหวนเพชร 1 กะรัตเป็นสินสอด
เฟิร์น : “ก็เป็นบรรยากาศครอบครัวจริง ๆ นะคะ มีทั้งสองครอบครัวและญาติสนิทมาร่วมอวยพรกัน ก็รู้สึกว่าอบอุ่น เพราะสองครอบครัวได้กลายเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เรื่องจดทะเบียนสมรสยังค่ะ เพราะว่าวันนี้ค่อนข้างเวลาน้อยค่ะ”
แตงโม : “วันนี้มีแห่ขันหมากด้วย ก็สนุกสนานดีครับ มีกั้นประตูเงินประตูทอง เราก็สนุกสนานเพราะเวลาไปงานแต่งเพื่อนก็ไปแต่งานเย็น พอได้มาเจอพิธีตอนเช้ากับตัวเองจริง ๆ รู้สึกว่าบรรยากาศค่อนข้างที่จะดีมาก แล้วเพื่อนเจ้าสาว ญาติเจ้าสาวก็มีมุกที่กว่าจะผ่านประตูไปได้ก็โดนแกล้งเยอะ มีกระโดดตบ มีวิดพื้นต่าง ๆ นานาก็สนุกดีครับ”
บอกสินสอดมีรถ BMW 1 คัน แหวนเพชร 1 กะรัต ไม่ให้ความสำคัญกับแหวนเพราะอยากเซฟงบไว้เที่ยว
แตงโม : “จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้มากมายอะไรนะครับ เอาพอสมควรก็มีทอง มีเงิน มีแหวน ซึ่งแหวนอาจจะแค่กะรัตเดียว แต่ก็คุยกันว่าเราไม่ได้เน้นที่แหวนมาก แต่ว่าอยากที่จะไปท่องเที่ยวมากกว่า เพราะชอบเที่ยวมากกว่า ก็เลยอยากจะเซฟงบตรงนี้ไว้นิดหนึ่ง แต่ว่าส่วนตัวแล้วก็มีของขวัญให้เจ้าสาวอยู่แล้วในวันแต่งงาน”
เฟิร์น : “ให้มาก่อนหน้านี้แล้วค่ะ เป็นรถ BMW ค่ะ”
เล่าวินาทีเซอร์ไพรส์คุกเข่าขอแต่งบนยอดเขาทิตลิส อากาศติดลบ 3 องศา
แตงโม : “ตอนนี้คือวางแผนว่าจะไปเที่ยว แต่ยังไม่คิดว่าจะไปไหน สุดท้ายแล้วพอนึกบรรยากาศว่าจะไปอิตาลี ไปสวิตเซอร์แลนด์ ไปฝรั่งเศส พอลองคิดไปคิดมาผมพร้อมกับคนนี้ รู้สึกดีกับคนนี้ ก็เลยวางแผนมาประมาณสักเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ก็เดินทางไปเที่ยวช่วง ต.ค.- พ.ย. แล้วก็เหมือนกับว่าเวลามันใช่ทุกอย่างวางแผนนานมากเลย ต้องจองตั๋ว”
“คือ ไม่ให้เขารู้เลย ทำหลาย ๆ อย่าง ๆ ที่ไม่ให้เขารู้ ตอนไปซื้อแหวนลำบากมาก คือผมไปซื้อแหละเขาก็จะถามว่าวันนี้ทำไมไม่ว่าง วันนี้ไปไหน มีอยู่ครั้งหนึ่งในมือถือตอนที่จะไปขอเขา ต้องมีคลิปวิดีโอให้เขายืนดูจะได้ไม่หันกลับมามองตอนเราเปลี่ยนชุด ผมก็ไปทำคลิปก็ไม่กล้าให้เขาดูมือถือ เปลี่ยนพาสเวิร์ดเปลี่ยนทุกอย่าง เขาก็มาถามทำไมเปลี่ยนพาสเวิร์ดละ ทำไมไม่ให้ดู วางมือถือคว่ำหน้าตลอด ก็เกือบความแตกไปเหมือนกัน”
“สุดท้ายก็ได้ไปเที่ยวและฉากที่ต้องขอเขาแต่งงาน ตอนนั้นอากาศหนาวมาก ลบ 3 องศา ผมใส่แค่สูทตัวเดียว ตอนคุกเข่าขอก็คิดไว้ในใจว่าจะต้องพูดที่รักผมจะขอคุณใช้ชีวิตร่วมกับคุณตลอดไป ผมรักคุณมาก เขาหันมาร้องไห้ แข็งไปหมดเลยครับเฟิร์นคิดนานมาก เราก็เลยบอกขอแต่งได้ไหม คือ พูดไม่ได้ครับ ใครไม่อยู่โมเมนต์นั้นไม่รู้หรอกเวลาพูดไม่ออกมันเป็นยังไง ก็ประมาณนี้ครับ เหมือนว่าสิ่งที่เราคิดไว้มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราตั้งใจไว้ แต่สุดท้ายมันก็ออกมาดี”
เจ้าสาวรับคาดไม่ถึงจะทำให้ตนได้ถึงขนาดนี้
เฟิร์น : “วินาทีนั้นคือในคลิปจะเป็นคลิปที่แตงโมทำตั้งแต่เริ่มแรก ตั้งแต่เตรียมอะไรยังไง ไปแอบซื้อแหวน เซลฟี่ถ่ายตัวเองไว้ แล้วก็เอามาตัดต่อ เฟิร์นก็รู้สึกว่าไม่เคยคิดว่าผู้ชายที่มีบุคลิกแบบนี้จะทำเพื่อเราได้ขนาดนี้ ไปเอารูปเก่า ๆ มาร้อยเรียงเป็นเรื่อง ๆ แล้วก็บอกความรู้สึกตั้งแต่รู้จักกันมา เฟิร์นก็ไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนทำให้ขนาดนี้”
แตงโม : “ผมคิดตีลังกาแปดตลบเลยครับไม่รู้จะขอที่ไหน ขอที่หอไอเฟลก็รู้สึกว่าคนเยอะมาก ที่สำคัญ ตั้งกล้องที่ฝรั่งเศสรับรองหายแน่นอน (หัวเราะ) เลยไม่เอาดีกว่า จะไปโคลีเซียมก็คิดว่ามันจะทิ่มแทงกันมั้ย คือคิดเยอะ หรือว่าจะไปล่องเรือกอนโดล่าที่อิตาลีก็กลัวตกเรือ ก็เลยคิดว่าถ้าเป็นยอดเขามันจะดีมีความหนักแน่น ภูเขาน้ำแข็งใจจะได้เย็น ๆ เวลามีทะเลาะกัน ความหมายดีครับ ก็เลยเลือกที่นั่น ตอนแรกจะไปขอที่ยอดเขาจุงฟราว แต่วันนั้นหิมะตกมันหนาวเกิน ก็เลยขอที่ยอดเขาทิตลิส”
ขอบคุณเฟซบุ๊กทำให้กลับมาเจอกัน เผยเคยจีบตอนฝ่ายหญิงอายุ 15 ปี แต่แห้ว
เฟิร์น : “คือ จริง ๆ ต้องย้อนไป 15 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเฟิร์นอายุ 15 แล้วน้องชายเตะฟุตบอลซ้อมอยู่กับแตงโม เฟิร์นก็ไปส่งน้อง แตงโมก็มาเจอก็เลยเข้าทางน้อง ว่าขอเบอร์ได้มั้ย ตอนนั้นเฟิร์นก็แบบเห็นหน้าแล้วไม่ค่อยชอบ ก็คุยได้นะ แต่เรามีแฟนแล้ว ก็คุยกันเป็นเพื่อนมาตลอด ต่างคนต่างไปมีชีวิตของตัวเอง เขาก็ไปมีแฟน เฟิร์นก็ไปมีชีวิตของเฟิร์น”
แตงโม : “คือ ตอนเด็กผมไปจีบเขา แล้วเขามีแฟนอยู่แล้ว ผมก็ให้เกียรติไม่อยากไปตื้อเขา พอ 15 ปีผ่านมามันบังเอิญเล่นเฟซบุ๊กเจอกัน เลยนัดมาว่าสบายดีมั้ย ตอนนั้นก็เป็นช่วงโสดพร้อมกันพอดี เขาก็มาชวนเราไปดูหนัง กินข้าว ผมอกหัก เขาก็อกหัก ผมก็เลยรู้สึกว่าโลกนี้เราคงเข้ากับใครไม่ได้ แล้วผมก็ไม่เคยเปิดใจคุยกับใครเลย จนเขาเข้ามา คือผมก็คิดว่าเขามาชวนเรา แอบคิดอะไรหรือเปล่า ก็เลยตั้งกำแพงคิดไปเองว่าเขาเข้ามาจีบแล้วสุดท้ายก็ให้ไม่ได้รู้สึกดีกับเรา ก็เลยลองให้โอกาสตัวเองเผื่อคนนี้จะหวังดีจริง ๆ เขาก็พาไปดูหนังสไปเดอร์แมน พอดูเสร็จก็รู้สึกแปลกๆ รู้สึกดีก็เลยบอกว่าไปทานข้าวกันมั้ย เลยทำให้ได้คุยกันมากขึ้นได้โทร.กันมากขึ้น”
ประทับใจเป็นเวิร์กกิ้งวูเมน
แตงโม : “สบายใจครับ เฟิร์นเป็นคนพูดแล้วเข้าใจง่าย ไม่คิดมาก ส่วนมากผู้ชายจะมีการหึงหวง บางคนอาจจะชอบลั้นลาไปเที่ยว ผมก็รู้สึกว่าเป็นห่วงไม่สบายใจ แต่เฟิร์นไม่เคยทำให้รู้สึกแบบนั้นเลย แม้ว่าเขาจะไปเที่ยว แต่ก็โทร.หาเรากลางคืนบอกถึงบ้านแล้วนะ เราไม่ค่อยเป็นห่วงเพราะเขาดูแลตัวเองได้ เฟิร์นเป็นเวิร์กกิ้งวูเมน เป็นแอร์โฮสเตส บริการคนอื่นแต่ลืมบริการแฟนตัวเอง เราก็เรียกร้องบ้าง ว่าอยากให้ทำโน่นทำนี่บ้าง ซึ่งทุกวันนี้ไม่ต้องเรียกร้องแล้วนะครับ เป็นข้อดีของเขา”
เล็งฮันนีมูนยุโรป เจ้าบ่าวลั่นเจ้าสาวยังไม่ท้องแค่ยังไม่ได้ขรี้!
แตงโม : “เราสองคนชอบเดินทางท่องเที่ยวอยู่แล้ว ก็อยากจะไปที่มีบรรยากาศสบาย ๆ เย็น ๆ ก็อยากไปยุโรปอีกครั้งหนึ่ง แต่ว่ายังไม่ทราบว่าเมื่อไหร่ เพราะหลังงานแต่งวันจันทร์จะเดินทางไปถ่ายทอดสดวอลเลย์บอลที่ญี่ปุ่นต่อ เรื่องจดทะเบียนมีแน่นอนครับ แต่ต้องหาเวลาที่สะดวกทั้งคู่”
“หลาย ๆ คนทักแฟนผมว่าท้องหรือเปล่า ไม่นะครับ (หัวเราะ) แฟนผมไม่ได้ขรี้เฉย ๆ ไม่มีนะฮะท้องอะไร เรื่องลูกแพลนไว้ว่าอีก 1 - 2 ปีครึ่ง”
เฟิร์น : “ก็อยากมีแฝดนะคะเพราะมีเชื้อทั้งสองบ้านเลย”
เดินหน้าทำงานแอร์โฮสเตสต่อ
เฟิร์น : “เป็นต่อค่ะ ไม่เป็นอุปสรรคเลยค่ะ เพราะสายการบินที่เฟิร์นทำอยู่ ไม่ได้บินไกลมาก แล้วก็ไม่ได้ไปหลายวัน บางทีไปเช้าบ่าย ๆ ก็กลับแล้ว ไปเต็มที่นานสุดก็แค่ 2 คืนค่ะ”
ธีมงานเน้นสโนว์เอาใจเจ้าสาว
แตงโม : “ใช่ครับ ก็พยายามให้ขาวๆ สโนว์ๆ อาจจะมีบรรยากาศคล้ายๆ หิมะ เจ้าสาวชอบ แล้วก็มีบรรยากาศของเพื่อนๆด้วย เพราะส่วนใหญ่งานแต่งจะมีแต่รูปบ่าวสาว แต่เราอยากให้เน้นมีรูปทุกคนเลยทุกเคยทำงานร่วมกัน พี่มดดำ พี่ฉอด บุ๊คโกะ นุ้ย ก็จะมีรูปของทุกคน เพราะว่าอยากจะให้เขามีส่วนร่วมในงานด้วย”
แตงโม : “เรื่องตัดเค้กก็อยากจะมีหลายแบบครับ อยากจะเต้นจะร้องเพลง แต่ดูแล้วที่เหมาะที่สุดคือให้คนอื่นเขาทำไป เรายืนดีๆ เฉย ๆ ดีกว่า ร้องเพลงก็กลัวจำเนื้อไม่ได้ เต้นก็คร่อมจังหวะ ก็เลยเอาเป็นว่าเป็นสตาร์วอร์แล้วกัน ช่วงนี้กำลังมา แล้วก็ให้ทุกคนได้ถ่ายรูปด้วยที่สำคัญ มีนักแสดงฝรั่งมาด้วย”
เชื่อคู่แท้ถูกกำหนดมาแล้ว ไม่ใช่แค่รักแต่ต้องสบายใจ เผยยิ่งทะเลาะยิ่งรักกันมากขึ้น
แตงโม : “บี๋มีอะไรจะบอกเขามั้ย”
เฟิร์น : “พูดก่อนดิ”
แตงโม : “ผมก็ไม่รู้ว่าจะบอกเขาหมดหรือเปล่าแต่ว่าอยากจะบอกว่าจริง ๆ แล้วมันไม่มีความบังเอิญ ไม่มีสิ่งที่เราไม่คาดฝันเกิดขึ้นว่าเราจะเจอกัน ผมว่าคู่แท้มันถูกกำหนดมาอยู่แล้ว ว่าเราจะต้องมาเจอกันอีกครั้งหนึ่ง ผมก็ไม่คิดว่า 15 ปีที่แล้วที่ผมเจอเขา กลับมาวันนี้จะทำให้เราได้กลับมาเจอกัน คุยกันถูกคอ อยู่ด้วยกันได้ เข้าใจกันทุกเรื่อง มันเป็นสิ่งที่มหัศจรรย์ บางครั้งอาจจะมีทะเลาะกันบ้าง ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะกันหลังจากดีกันมันทำให้เรารักเขามากขึ้น เข้าใจเขามากขึ้น และอยากที่จะทำวันข้างหน้าให้กับเขาไม่ว่าอะไรก็ตามที่เขาต้องการ”
เฟิร์น : “ก็ได้เห็นและรู้สึกว่าเขารักเราจริง ๆ และทุกวันนี้เขาเหนื่อยมากเพื่ออนาคต เฟิร์นก็สัญญาว่าจะอยู่ตรงนี้ เป็นกำลังใจให้และจะทำหน้าที่ภรรยาที่ดี งานบ้านก็จะพัฒนาให้ดีขึ้น และจะไม่ทำให้ผิดหวัง”
แตงโม : “ผมชอบคำพูดเขาอย่าง ที่เฟิร์นบอก ผมรู้สึกว่าคำนี้มันน่าจะเป็นคำบอกความรู้สึกของผมได้เลยว่าทำไมผมถึงรักเขามาก ในวีทีอาร์ก็มี”
เฟิร์น : “คือคำว่าคนเราจะอยู่ด้วยกันมันไม่ใช่แค่ความรัก แต่มันต้องมีความสบายใจด้วย ซึ่งเราสองคนอยู่ด้วยกันแล้วสบายใจทั้งคู่ แตงโมเคยพูดว่าอยู่กับเฟิร์นแล้วรู้สึกเหมือนอยู่กับคนที่บ้าน เฟิร์นก็รู้สึกว่าเหมือนเขาเห็นเราเป็นคนในครอบครัวจริง ๆ เฟิร์นอยู่กับแตงโมก็รู้สึกสบายใจเหมือนกัน และรู้สึกว่าตรงนี้มันทำให้เราอยู่กันได้ยาว โดยที่ไม่ต้องฝืนหรือพยายามให้เหนื่อยค่ะ”