MGR Online - รรท.ผบช.น. แถลงจับกุมผู้ต้องหาบุกเดี่ยวใช้อาวุธปืนบีบีกัน จี้ชิงทรัพย์ธนาคารธนชาต ห้างซีดีซี ได้เงินสดไปจำนวนกว่า 4 แสนบาท สารภาพอ้างทำธุรกิจไม่สำเร็จประสบปัญหาการเงิน ต้องการเอาไปใช้หนี้ที่กู้ยืมมา ก่อนก่อเหตุใช้เวลาวางแผน 1 เดือน
จากกรณีที่คนร้ายเพศชายอายุประมาณ 25 - 30 ปี สูงประมาณ 170 ซม. ใส่แว่นตาดำ สวมหมวกกันน็อกครึ่งใบ แต่งกายชุดสีกรมท่า บุกเดี่ยวเข้าชิงทรัพย์ธนาคารธนชาต สาขาคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (Crystal Design Center หรือ CDC) ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. โดยใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดจี้พนักงานที่นั่งทำงานอยู่ตรงเคาน์เตอร์ ก่อนกระโดดข้ามเคาน์เตอร์มากวาดธนบัตรชนิด 1 พันบาท จำนวน 4 มัด ซึ่งอยู่ในลิ้นชัก ก่อนนำใส่ถุงรวมเงินสดทั้งสิ้น จำนวน 439,000 บาท โดยใช้เวลาก่อเหตุเพียงแค่ 1 นาที จากนั้นได้วิ่งไปขึ้นคร่อมรถจักรยานยนต์ขี่หลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว เหตุเกิดเมื่อเวลา 18.15 น. ของวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (20 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ สน.โชคชัย พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ พ.ต.อ.ชัยรพ จุณณวัตต์ รอง ผบก.น.4 พ.ต.อ.สุพล ค้ำชู ผกก.สน.โชคชัย พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ รอง ผกก.สส.สน.โชคชัย พ.ต.ท.กิตติคม วิริยะกิจ สวป.สน.โชคชัย และตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุม นายกำพล รุจิวิภูษณะ อายุ 36 ปี อยู่บ้านเลขที่ 24/5 ตรอกวิสูตร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กทม. ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา ที่ 1600/59 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 59 ในข้อหา “ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยทำด้วยประการใด เพื่อไม่ให้เห็นหน้าหรือจำหน้าได้ โดยมีอาวุธหรือใช้อาวุธ และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร”
พร้อมของกลางสิ่งเทียมอาวุธปืน (บีบีกัน) แบบออโตเมติก สีดำ 1 กระบอก พร้อมแม็กกาซีน หมวกกันน็อกแบบเต็มใบ สีเทา 1 ใบ ผ้าปิดปากสีขาว 1 ผืน เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีขาว 1 ตัว กางเกงขายาว สีกากี 1 ตัว เสื้อแจ๊กเก็ต สีน้ำเงิน 1 ตัว เสื้อแจ๊กเก็ต สีน้ำเงินแถบดำ 1 ตัว รองเท้าผ้าใบกีฬา สีขาว - แดง 1 คู่ ถุงหิ้วพลาสติก สีขาว 1 ใบ รถยนต์ ยี่ห้อฟอร์ด รุ่นเฟียสต้า สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กร 5048 กรุงเทพมหานคร รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ - แดง ทะเบียน ฬฉล 385 กรุงเทพมหานคร และเงินสด 17,000 บาท โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่ห้องพักเลขที่ 904/81 บ้านนวธาราคอนโด ถนนเกษตร - นวมินทร์ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. เหตุเกิดเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อเวลา 18.15 น. ของวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา คนร้ายได้บุกเดี่ยวแต่งกายอำพรางใบหน้า ใช้อาวุธเข้าไปปล้นทรัพย์ภายในธนาคารธนชาต สาขาคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (Crystal Design Center หรือ CDC) ถนนประดิษฐ์มนูธรรม แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. ก่อนใช้มือโกยทรัพย์สินเป็นเงินสดทั้งหมด จำนวน 439,000 บาท ใส่ถุงพลาสติก พร้อมด้วยอาวุธปืนที่เตรียมมา จากนั้นได้รีบขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิก สีดำ - แดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ต่อมาเมื่อเวลาประมาณ 11.30 น. วันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่กก.สส.บช.น. กก.สส.บกน.4 และฝ่ายสืบสวน สน.โชคชัย ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด กระทั่งพบคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์คันดังกล่าว เข้ามาจอดทิ้งไว้ที่ชั้นใต้ถุนอาคารเอ ดุลิยาอพาร์ตเมนท์ ตั้งอยู่ในซอยนาคนิวาส 37 แขวงและเขตลาดพร้าว กทม. ก่อนสับเปลี่ยนใช้รถยนต์คันดังกล่าว พร้อมทั้งนำของกลางทั้งหมดขับมุ่งหน้าหลบหนีไปที่อาคาร อี นวธาราคอนโดมิเนียม ซอยประเสริฐมนูกิจ 33 ถนนประเสริฐมนูกิจ แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กทม. จึงรุดเดินทางไปตรวจสอบกระทั่งพบชายซึ่งมีรูปพรรณสัณฐานคล้ายบุคคลที่ปรากฏภายในภาพจากกล้องวงจรปิด กำลังเดินมาที่รถจักรยานยนต์ของกลาง จึงแสดงตัวพร้อมทั้งนำหมายศาลขอเข้าตรวจค้น ก่อนผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า เป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง ก่อนพาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในห้องพักของคอนโดดังกล่าวกระทั่งพบของกลางทั้งหมด จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งควบคุมตัวมาสอบสวนเพิ่มเติม
พล.ต.ท.ศานิตย์ กล่าวต่อว่า จากการสอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 54 ที่ผ่านมา ได้เปิดบริษัท อารามใจ โปรดั๊กส์ชั่น จำกัด ซึ่งรับทำผลิตรายการทางโทรทัศน์ จนกระทั่งเมื่อปี 58 เกิดภาวะไม่มีผู้ว่าจ้างผลิตรายการ จนประสบปัญหาทางด้านการเงิน จากนั้นจึงตัดสินใจยืมเงินจากทางญาติ และเพื่อนสนิท เพื่อนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน รวมทั้งใช้หนี้สินที่ติดค้างอยู่จำนวนหลายแสนบาท เมื่อถูกทวงถามจากผู้ให้ยืมเงิน กลับหามาคืนให้ไม่ได้ จึงคิดวางแผนประมาณ 1 เดือน เพื่อชิงทรัพย์ธนาคารดังกล่าว เพื่อนำเงินมาชำระหนี้สินให้ผู้กู้ยืมรวมทั้งสิ้น จำนวน 18 ราย ซึ่งหลังก่อเหตุได้นำเงินที่ชิงทรัพย์มาไปชำระหนี้ประมาณ 369,000 บาท จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่เข้าจับกุมได้ดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหามาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนนั้น ทางผู้ต้องหาไม่ให้ความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูลแม้แต่อย่างใด นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจะเชิญตัวบุคคลที่ผู้ต้องหากล่าวอ้างว่าโอนเงินไปใช้หนี้นั้นมาทำการสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากเงินทั้งหมดเป็นการกระทำความผิด พร้อมทั้งให้นำเงินที่ทางผู้ต้องหาโอนไปมาแสดงต่อทางเจ้าหน้าที่เพื่อหาแนวทางการสืบสวนสอบสวนว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายเรื่องรับของโจร รวมทั้งรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ นอกจากนี้ ผู้ต้องหารับว่าเงินทั้งหมดที่ชิงทรัพย์มานั้น มีเพียงแค่ จำนวน 369,000 บาท และได้นำไปใช้หนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางธนาคารได้แจ้งหายไว้ใน จำนวน 439,000 บาท ส่วนเงินที่หายไป จำนวน 7 หมื่นบาท ทางเจ้าหน้าที่ต้องทำการสอบสวนเพิ่มเติมอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อสรุปข้อเท็จจริงต่อไป