“มะหมี่ นภคปภา” หันหลังให้วงการ พบรักฝรั่งชาวบุลแกเรีย อายุห่าง 5 ปี โต้รวยระดับเศรษฐี บอกแค่พอมีกินมีใช้ ฟุ้งแฟนใจดีให้บัตรเครดิตรูดปรื้ด ไม่สนถูกเมาท์เกาะผู้ชายกิน
หันหลังให้วงการบันเทิงไปนาน สำหรับสาวเซ็กซี่ “มะหมี่ นภคปภา นาคประสิทธิ์” ล่าสุด มีกระแสลือว่าเจ้าตัวกำลังจะแต่งงานกับมหาเศรษฐี ชาวบุลแกเรีย (ประเทศบัลแกเรีย) ซึ่งมะหมี่ได้เปิดใจผ่านรายการจุดเดือด ทางช่อง 2 ย้ำ อีกฝ่ายไม่ใช่เศรษฐีแค่พอมีกินมีใช้
“หันหลังให้วงการเพราะเรื่องนี้ก็ส่วนหนึ่งด้วย ตอนเราคบกันใหม่ ๆ ผู้ชายเขาก็บอกเราว่าความสัมพันธ์ของเราเนี่ย ถ้าเราอยู่กันคนละที่มันก็คงไม่ต่อเนื่องแน่เลย ถ้าเราคิดว่าเราเป็นแฟนกันแล้วลองมาอยู่ด้วยกันไหม มาใช้ชีวิตร่วมกันดู เราก็เลยใช้เวลาอยู่กับเขา ก็คือ คบกันเป็นแฟนกันมันก็เลยทำให้เราเริ่มห่างจากวงการบันเทิงไประยะหนึ่ง รวม ๆ แล้วก็จะเข้าปีที่ 4 แล้วค่ะ อายุห่างกัน 5 ปีค่ะ ผู้ชายอายุ 40”
“คือถ้าเขาทำงานในโซนยุโรป มันก็ค่อนข้างที่จะต้องเดินทางตลอด เพราะมันไกลจากบ้านเรา แต่ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่สิงคโปร์มันก็ค่อนข้างที่จะเดินทางสะดวก เราก็สามารถอยู่เมืองไทยได้มากขึ้น การเดินทางมันใกล้กว่า”
ปัดเป็นมหาเศรษฐี แค่มีบัตรเครดิตให้รูดปรื้ด
“โอ้ย ไม่จริงเลยค่ะ ไม่ได้รวยระดับเศรษฐี ก็รวยในระดับพอกินพอใช้ ไม่ได้รวยมากอะไรขนาดนั้นค่ะ เขาเป็นไดเร็กเตอร์ เซาท์ อีส เอเชีย ก็ดูแลเป็นภูมิภาคค่ะ รายได้ต่อเดือนเรายังไม่รู้เลยค่ะ (หัวเราะ) ผู้ชายยังไม่อยากจะบอกเลย (หัวเราะ) ถามว่าเขาให้เงินเราบ้างไหม ก็ใช้บ้าง เขาก็ต้องดูแล ขาดเหลืออะไรเขาก็ให้ เราไม่จำเป็นต้องขอ เขาอยากโอนก็โอน คือบัตรเครดิตเนี่ยเขาก็ให้เป็นชื่อเราเลย ยอดในบัตรเงินก็ไม่เคยถามนะคะ เราไม่ถามอยู่แล้ว”
“แต่อย่าให้ฉันโมโหนะ ฉันรูดอย่างเดียวเลย (หัวเราะ) จริง ๆ ไม่อยากจะพูดตัวเงินตรงนี้เลย ถ้าเป็นเวลาโกรธกันนะ (หัวเราระ) ใช้เงินเวลาโกรธ (หัวเราะ) มันดูไม่ดีเลย ไม่อยากพูด ไม่ถึงล้าน”
ลั่นไม่เกาะผู้ชายกิน บอกยังมีธุรกิจ เล่นหุ้น ใช้เงินต่อเงินไม่ลำบาก
“ไม่กลัวค่ะ เพราะว่าพื้นฐานเราเป็นคนขยันอยู่แล้ว เราเองก็เป็นคนทำมาหากินอยู่แล้ว มันไม่ใช่ว่าเรามีแค่งานในวงการบันเทิง เรายังมีธุรกิจอื่นที่เราทำอยู่ซึ่งหลายท่านอาจจะยังไม่รู้ เพราะฉะนั้นตัดประเด็นนี้ไปเลย เรื่องเกาะผู้ชายกินเนี่ยตัดไปได้เลย ไม่ใช่เราแน่นอน แต่คนมันก็อดคิดไม่ได้เนาะ เพราะเราทิ้งวงการไป คนก็จะมองว่าเงินเก็บก็ต้องใช้หมด แต่คือเราก็ยังมีอย่างอื่นทำ ฉันก็เล่นหุ้น ฉันก็ทำโน้นทำนี่ ทำที่มันเป็นเงินต่อเงินได้ เราไม่ได้เป็นคนที่แบบว่ามีเงินแล้วใช้เงินจนหมด เราวางแผนว่าเงินควรทำอะไรได้บ้าง”