แมนกว่าชายแท้! “ป้าแจ๋ว ยุทธนา” โพสต์เล่าเรื่องราวจับใบดำ - แดง บอกอดีตเคยทำหน้าที่ลูกผู้ชายมาแล้ว ด้วยการเป็นทหารเกณฑ์ผลัด 2
เป็นกระแสได้เกือบทุกปี เมื่อถึงเวลาตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ มาถึงปีนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อเมื่อผู้จัดละครชื่อดัง “ป้าแจ๋ว ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์” ขอมีส่วนร่วมด้วยการประกาศให้ทราบผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัว @paajaew ว่า เห็นป้าเป็นแบบนี้ แต่ครั้งหนึ่งในชีวิตก็เคยเป็นทหารเกณฑ์นะจ๊ะ
โดยป้าแจ๋วก็โพสต์ข้อความบอกเล่าเรื่องราวในสมัยอดีตที่เคยทำหน้าที่ลูกผู้ชาย ด้วยการจับได้ใบแดง และเป็นทหารเกณฑ์ผลัด 2 ซึ่งตอนนั้นก็ได้ยื่นวุฒิการศึกษา จากที่ต้องเป็น 2 ปี ก็เหลือเป็นเพียง 1 ปี
“#ทำหน้าที่ #ลูกผู้ชาย #เกณฑ์ทหาร เคยเป็นทหารกับเขาเหมือนกัน เมื่อถึงวันเกณฑ์ เดินไปคนเดียวไปจับใบดำใบแดง เพราะผ่อนผันจนเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้ว จับเป็นคนสุดท้าย ฉลากใบสุดท้าย เป็น #ใบแดง #ทร.2 555 ได้เป็นทหารเกณฑ์ผลัดสอง ยื่นวุฒิการศึกษาปริญญาตรี จาก 2 ปี เหลือ เป็นทหารแค่ 1 ปี ชีวิตแจ๋วแหววเปลี่ยนไปในทันที #มีต่อ..ตอน2.. to be continued"
นอกจากนี้ ป้าแจ๋วยังโพสต์ข้อความต่อว่า......“#ลูกผู้ชาย #เกณฑ์ทหาร #ใบแดง #ทร หลายคนคิดว่าเป็นทหารคงจะลำบาก จากประสบการณ์ที่ได้เป็นทหารมาหนึ่งปี ขอบอกว่าไม่ลำบากอย่างที่คิด จากวันแรกที่นั่งรถบัสทหารเรือไปยังโรงเรียนพลทหารที่ เกร็ดแก้ว สัตหีบ เมื่อถึงที่อย่างแรกก็คือตัดผมอย่างทรงที่เห็นในรูป คือ ไถเตียนหมดหัว แล้วเหลือข้างบนไว้นิดเดียว ไปถ่ายรูปติดบัตร จากนั้นก็ไปรับชุดกะลาสีสีกากี กับเสื้อขาวคอกลมสองชุด และชุดกีฬาอีกสองชุด และรองเท้าไอ้โอ๊บหนึ่งคู่ แล้วไปแบ่งแยกคัดเลือกให้ไปอยู่ตามกองร้อยต่าง ๆ ฉันได้ไปอยู่กองร้อยที่เก้า ความที่เรียนจบปริญญาตรีมาก็เลยถูกเลือกให้เป็นหัวหน้าหมวด มีลูกน้องในหมวด 40 คน พลทหารใหม่นั้นมาจากจังหวัดต่าง ๆ ทั้งภาคกลาง ภาคใต้ และภาคอิสาน นิดหน่อย ทั้งหมดจะถูกฝึกร่วมกันเป็นเวลาสองเดือนที่โรงเรียนพลทหาร แต่จะได้พักกลับบ้านเจ็ดวันหลังจากฝึกได้หนึ่งเดือนแรก”
“การฝึกนั้นในเดือนแรกครึ่งวันเช้าถึงเที่ยงก็จะฝึกเดินให้พร้อมเพรียงกันวิ่งให้พร้อมเพรียงกันหันซ้ายขวาให้พร้อมเพรียงกัน ง่ายง่ายแค่นี้แหละ แต่ยากสำหรับบางคนเพราะการเดินให้พร้อมเพรียงกันหันทางซ้ายหันทางขวาให้พร้อมเพรียงกันนั้นมันยากสำหรับเขา ผู้ไม่เคยมีระเบียบวินัยมาก่อน ส่วนตอนบ่ายก็ไปเรียนหนังสือวิชาทหารเบื้องต้นในอาคารเรียน สิ่งที่ฉันคิดได้ในขณะที่ฝึกอยู่นั้นว่าความลำบากสำหรับทหารใหม่ส่วนมากก็คือความมีวินัยและความพร้อมเพรียงกันแบบทหาร การกินอยู่ที่มีระเบียบและตรงเวลา ตั้งแต่ตื่นจนถึงตอนนอน ซึ่งไม่ยากเย็นอะไรเลยถ้าตั้งใจทำ แต่คนมาจากต่างถิ่นต่างทิศ ต่างความคิดกัน ระดับการศึกษาไม่เท่ากัน ร้อยพ่อพันแม่ เลยทำให้เรื่องเดินแถวง่าย ๆ กลายเป็นเรื่องยากขึ้นมาทันที”
“ใครจะคิดว่าแม้การพูดจาสื่อสารกันก็ลำบาก เพราะทหารใหม่จากภาคใต้บางคนพูดได้แต่ภาษายาวี พูดกลางไม่ได้ หัวหน้าหมวดมือใหม่อย่างฉันก็เริ่มจะท้อแท้บ้างละ เพราะการที่จะให้ลูกน้องที่มาจากที่ต่างกันอยู่รวมกันอย่างมีระเบียบนั้น มันติดขัดตรงการสื่อสารให้เข้าใจกันนี่เอง รวมทั้งการแบ่งพรรคแบ่งพวกตามถิ่นที่อยู่ ไม่ยอมปรองดองกัน ก็มีส่วนทำให้การอยู่รวมกันเป็นหมวดหมู่นั้นยากยิ่งขึ้น... #มีต่อ ..to be continued...”