“น้ำเพชร” กลับลำ ไม่นำหลักฐานเด็ดมาแฉ “ม่านฟ้า” รับอยากจบ ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ชี้ต่อให้ชนะคดีตบก็น่าอับอายกันทั้งคู่ จ่ายค่าปรับ 500 ถอนแจ้งความ อโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวร ลั่นคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าทนาย ต้องทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว ไม่มีผู้ชายมาเลี้ยง เผยสุดงงแจ้งความม่านฟ้าแต่อีกคนต้องมาจ่ายค่าปรับ
เพิ่งออกมาเปิดใจเตรียมงัดหลักฐานเด็ดแฉ “ม่านฟ้า อรปภัตร จันทรสาขา” ชนิดม้วนเดียวจบ สำหรับ “น้ำเพชร สุณัณณิการ์ กฤษณสุวรรณ” แต่ล่าสุดเจ้าตัวกลับลำบอกว่าถึงแม้จะมีคลิปเสียงเจรจากับคู่กรณี แต่คงไม่ปล่อยคลิปดังกล่าว เพราะไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดอีก อีกทั้งยังยอมรับไม่มีปัญญาจ่ายค่าทนาย ยอมจ่าย 500 จบคดีตบ
“จุดประสงค์ที่มาให้สัมภาษณ์กับสื่อครั้งนี้ ไม่ได้ต้องการที่จะเอาหลักฐานมาแฉ หรือต่อความยาวสาวความยืดนะคะ เรารู้สึกอับอายเกี่ยวกับเรื่องที่ต้องมาทะเลาะกับผู้หญิงเรื่องการตบตีกัน แล้วก็ก่อนหน้านี้ที่ตัดสินใจไปถอนแจ้งความกับคู่กรณี เพราะหลังจากเหตุการณ์ที่เขามาทำร้ายร่างกายช่วงกันยายนปีที่แล้ว เวลาผ่านไป 5 เดือน ตำรวจก็เรียกมาสืบพยาน ไกล่เกลี่ยประมาณ 2 - 3 ครั้ง เรียกสืบ เรียกเราไป 4 - 5 รอบ ไม่รู้ว่าเรียกฝั่งเขาเท่าไหร่ ก็ได้ไปเจอกับเขาในห้องไกล่เกลี่ย 2 ครั้งในชั้น สน. เป็นเวลา 5 เดือน”
“ในตอนนั้นเรามีภารกิจที่ต้องเดินทางไปประกวดที่ประเทศศรีลังกา เราต้องทำตัวเองให้พร้อมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ แล้วก็เดือนมกราคมมันก็ผ่านเวลามา 5 เดือนแล้วก็มีความรู้สึกว่าคู่กรณีเขาก็ไม่ยอมรับ เถียงกันไปเถียงกันมา เราเองก็อยากจะไปบวชด้วย เพราะว่าปีใหม่ ปีวอกมันชง ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว เราก็เลยตัดสินใจไปบวชปฏิบัติธรรม ก็เลยก่อนไปบวชอะไรที่ผ่านมาก็อยากเคลียร์ ไม่ใช่แค่เรื่องเขานะคะ เราเคยทะเลาะกับเพื่อนคนไหนเราก็ขออโหสิกรรมนะ แล้วก็เป็นเรื่องที่เราคิดว่าอันนี้มันเป็นเรื่องของจิตใจคนแล้วแหละ”
ลั่นถอนแจ้งความเพราะไม่มีปัญญาจ่ายค่าทนายแพง บอกต้องทำงานเลี้ยงครอบครัว ไม่มีผู้ชายมาเลี้ยง!
“เรื่องของพี่ม่านเขามาทำร้ายร่างกายเรา เราก็คิดว่าเรื่องไม่จบสักที อาจจะเป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรเก่ากันมา ที่รบกันไปรบกันมาไม่จบซะทีก็เลยอยากให้อภัยเขา เราก็เลยบอกตำรวจว่า เรื่องมันผ่านมานานแล้ว แล้วมันก็หาข้อสรุปไม่ได้ ตัวเราเองก็ไม่อยากขึ้นโรงขึ้นศาล”
“คือในชั้นคดีตำรวจบอกว่าจะต้องขึ้นศาลสืบพยานกันหลายครั้ง ถ้าเกิดคู่กรณียังไม่ยอมรับก็ต้องขึ้นอีกเรื่อย ๆ ซึ่งตัวเราเองต้องทำงานเลี้ยงที่บ้าน เลี้ยงตัวเอง เราไม่ได้มีคนมานั่งซัปพอร์ต ไม่ได้มีผู้ชายมานั่งเลี้ยง เราต้องทำงานขายของ ไปเรียน ก็เลยต้องตัดสินใจว่าถ้าเกิดเราจบกันได้ในชั้น สน.มันจะดีกว่า ไม่ต้องเสียค่าทนายแพง ๆ ไม่ต้องเสียค่าสืบพยาน เพราะตัวเราเองต้องจ่ายค่าทนายแพง ๆ ก็ไม่มีปัญญาจ่ายหรอกค่ะ ก็เลยบอกว่าจะถอนแจ้งความให้คู่กรณี อโหสิกรรมให้”
“ก็คิดดูว่าเรื่องต่าง ๆ ยังผ่านมาได้ แค่การให้อภัยคนแค่นี้ทำไมเราจะผ่านไปไม่ได้ วันนี้มีคลิปเสียงในการเจรจานะคะ แต่ขออนุญาตไม่เผยแพร่ เพราะอยากจบจริงๆ ไม่ได้ต้องการเอาคลิปเสียงนี้ไปเผยแพร่ให้เราดูดีขึ้น หรือชนะขึ้น การชนะเรื่องตบกันมันไม่ได้มีประโยชน์กับฝ่ายใดเลย มันเป็นเรื่องที่น่าอับอายกันทั้งคู่”
“แล้วเราก็รู้สึกว่าคนที่ติดตามข่าวนี้ก็คงเบื่อหน่าย เราก็ตั้งใจให้อภัยเขา เขาก็ไม่ได้ทำร้ายเราจนเสียโฉมทำงานไม่ได้ ก็แค่ตบไม่กี่ที เราก็ทำให้คดีเป็นการทะเลาะวิวาท แล้วก็ปรับคนละ 500 ตามที่ใบเสร็จออกมา เราให้อภัยเขาถอนแจ้งความให้เขา เราไม่ได้ยอมความนะคะ เราถอนแจ้งความให้ คือ จุดประสงค์ของเราชัดเจน คือ อโหสิกรรม เราจะไปบวช ก็ให้อภัยไปตั้งแต่มกราคม แต่ว่ามีนาเพิ่งจะมาแถลงข่าว เราก็ไม่รู้เหมือนกันทุกคนก็รู้อยู่แล้วนะคะว่าคู่กรณีต้องการอะไร”
มองไร้สาระคู่กรณีบอกตนหน้าบวมเพราะฉีดโบท็อกซ์ ลั่นอยากจบแล้วไม่อยากต่อความยาวสาวความยืดใดๆ อีก ทั้ง ๆ ที่ก็ยังงงว่าตนมีเรื่องกับ “ม่านฟ้า” แต่ในสำนวนแจ้งความกลับเป็นอีกคนหนึ่ง
“เราก็มีความรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระ คงไม่มีทางออกอะไรแล้วมั้ง ถ้าสมมติว่าคุณหาทางออกในการแก้ตัวเรื่องทำร้ายร่างกายเราไม่ได้คุณนิ่ง ๆ เฉย ๆ ไปก็ได้หรือว่าคุณสามารถพูดทางอื่นที่ดีกว่านี้ได้ ที่ไม่ได้เป็นการใส่ร้ายเรา แต่ว่า ณ ตรงนี้เราขอไม่ออกความเห็นอะไร”
“คือความจริงก็มีแต่เรากับเขาที่รู้โชว์หลักฐานคลิปที่คุยในห้องไกล่เกลี่ย แต่ไม่ได้เปิดเสียงในคลิป เราขอให้เป็นเรื่องของคุณตำรวจ แล้วก็พี่เขาที่รู้แล้วกัน ถ้าสมมติเราปล่อยคลิปออกไปก็จะไม่จบอีก มีการแถลงข่าวกลับมาว่ากันอีก ความตั้งใจแรกที่จะให้อภัยเขาวันนี้ก็ยังให้อภัยอยู่ค่ะ”
“คิดว่าเรื่องจบแล้วตั้งแต่วันที่ไปถอนแจ้งความให้ หลังจากเซ็นเอกสารกันเสร็จ ตำรวจก็ทำสำนวนโชว์สำนวน คือเขาถามว่าเราโอเคกับเรื่องนี้ไหม ในใจเราก็ไม่ค่อยโอเคหรอก เราโดนกระทำ แล้วเรายังต้องมาแบบ เงินเราสู้เขาไม่ได้ เราไม่พร้อมขึ้นศาล แล้วเราก็ต้องไปประกวด (นางงาม) ต่างประเทศก็ต้องมีเรื่องค่าใช้จ่าย ก็หลักแสน ให้เลือกเงินหลักแสนไปทำเพื่อชาติ เพื่อบ้านเมือง ทำเพื่อตัวเอง ทำเพื่อผลงานตัวเองดีกว่า”
“ตำรวจก็สรุปสำนวนมา คือ เขาไม่ยอมรับ คือ ไม่อยากจะพูดว่าเขาก็ปัดไปให้คุณแบต (เลขาของม่านฟ้า) แต่ว่าคู่กรณีเราแจ้งความคุณอรปภัตร สรุปคดี ณ วันนั้น เราก็อยากให้ทุกคนเข้าใจความรู้สึก คือ ทำอะไรก็ได้แล้วแต่เลย คู่กรณีเป็นคุณแบต ปรับคุณแบตคนละ 500 โอเค แล้วเราก็ขอโทษกัน ในวันนั้นเราไม่ได้กราบขอขมา ไม่ได้กราบเท้าเขาเหมือนที่เขาพูดมานะ ก็ยกมือไหว้แล้วก็ขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรปกติค่ะ เราก็จบกันโดยดีน่ารัก โดยที่เราก็ไม่คิดว่าจะโดนแจ้งกลับแบบนี้ เห็นแล้วก็ช็อกอยู่เหมือนกันนะคะ แต่ก็ไม่เป็นไร เราก็ยังไงก็ได้ แจ้งความเราแจ้งเป็นคุณม่านฟ้า แต่ว่าปรับคู่กรณีของเราคนที่มาปรับกับเราก็เป็นนางสาวจันทกาญจน์ ก็ขอความเห็นใจจากสังคมแล้วกันนะคะว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไร”
ลั่นจ่าย 500 บาททุกอย่างจบ
“จ่าย 500 ทุกอย่างคือจบ ณ ตรงนั้น แล้วเราก็บอกแล้วว่าทางฝั่งของเราจะไม่มีการแถลงข่าว ไม่มีการพูดอะไรถึงเขาอีก จบกันตรงนี้นะพี่ หนูไม่พูดอะไรถึงพี่ พี่ก็ไม่ต้องพูดอะไรถึงหนูอีกแล้วกันก็จบกันแล้วก็แยกย้ายกันกลับบ้าน (ยังสงสัยแจ้งความม่านฟ้า แต่คู่กรณีคืออีกคน ?) ก็ถ้าพูดไปก็ไม่จบ ถ้าพูด เขาก็ต้องมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวว่าโน่นนี่นั่น คือตอนนี้เราก็ยังยืนยันนะคะว่าเราเป็นคนโดนกระทำ แต่ตอนนี้เราไม่ต้องการที่จะอะไรแล้ว เราถือว่าเราให้อภัยเขาแล้ว ไปบวชแล้ว ทำสิ่งดี ๆ แล้ว มันห่างกันเยอะแล้ว ถ้าเป็นเรานะยอมความตั้งแต่มกราคม มีนาคมแล้วเราก็ไม่มาแถลงข่าวสร้างกระแสให้ตัวเองหรอก”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม