ตกเป็นข่าวทีไรก็มักจะมีแต่เรื่องหัวใจ หรือเรื่องงานในวงการบันเทิง กระทั่งหลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่าหนุ่ม "โตโน่ ภาคิน" ยังมีอีกบทบาทหนึ่งในฐานะทูตขององค์กรการกุศล WSPA แห่งประเทศไทย
วันนี้ทีม "นัดคุย" อาสาพาไปจับเข่าสนทนากับเจ้าตัวถึงบทบาทหน้าที่ดังกล่าวแบบทุกซอกทุกมุม เพื่อค้นหาคำตอบกันว่าการที่คนดังบางคนเข้ามารับตำแหน่งในลักษณะนี้ พวกเขาและเธอรู้สึกอย่างไร? ต้องทำอะไรกันบ้าง? ทำจริงมั้ยหรือว่าเพียงแค่ตั้งขึ้นมาโก้เก๋เท่านั้น?
ช่วยเล่าหน่อยว่าเข้ามาทำหน้าที่ตรงนี้ได้อย่างไร?
"ผมเข้ามาทำงานในการเป็นทูตขององกรณ์ World Animal Protection Thailand ตรงนี้มา 2 ปีแล้วครับ คือทูตคนแรกก็คือพี่ "ปอ ทฤษฎี สหวงษ์" แล้วผมก็มาเป็นต่อจากพี่ปอ อันนี้คือที่มาที่ไป เอาจริงๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าองค์กรนี้เป็นองค์กรเกี่ยวกับอะไร เขาส่งใบมาเพื่อให้ผมได้ศึกษาข้อมูล ก็มีการมาพูดคุยกันก่อนในเรื่องของการทำงานว่ามันตรงกันไหม ส่วนตัวเราเองก็อยากจะช่วยอยู่แล้ว เพราะเรารู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่เราทำได้ ผมเลยตอบตกลงไปเลยครับ"
"บทบาทของการทำงานในฐานะทูต เราต้องขอบอกก่อนเลยว่า เราลงมือทำทุกอย่างเองเลยนะ ถ้ามีโอกาสเราก็จะลงพื้นที่ประสบภัยพิบัติจริงๆ หรือถ้ายังไม่มีภัยพิบัติเราก็จะไปให้ความรู้เด็กตามโรงเรียนต่างๆ คืออยู่ที่ว่าเป้าหมายในแต่ละปีขององค์กรตั้งอะไรไว้บ้าง อย่างเราจะกำจัดโรคพิษสุนัขบ้าในช่วงที่เด็กใกล้จะปิดเทอมก็ต้องให้ความรู้เหมือนกับการดูแลสัตว์เลี้ยง เพราะว่ามันจะมีอัตราของเด็กที่โดนหมากัด โดนแมวกัดอย่างนี้บ่อย เราก็ต้องให้ความรู้เขาว่าเราต้องป้องกันอย่างไร และมีวิธีการดูแลพวกเขาอย่างไร"
"หรือแม้กระทั่งในเรื่องของช้างป่า การให้ความรู้ของช้างมันเป็นเรื่องของสัตว์ป่านะ ไม่ใช่เอามันมาเลี้ยง หรือเอาช้างมาเดินเล่นในเมือง มันดีไม่ดีอย่างไรก็ต้องให้ความรู้กับพวกเขา เหมือนเราเป็นกระบอกเสียง เหมือนเป็นปากเป็นเสียงทำให้คนได้ตระหนัก แล้วก็ให้ความสำคัญในเรื่องสวัสดิภาพของสัตว์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยง หรือว่าสัตว์ป่า คือองค์กรเราจะดูแลสัตว์ที่มีชีวิตไม่ว่าจะเป็นพวกไหนก็ตาม เพราะเราให้ความสำคัญกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมด"
จำได้มั้ยว่าครั้งแรกที่ลงภาคสนามคืองานอะไร แล้วความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง
"งานแรกของผมหรอ น่าจะเป็นการเข้าไปช่วยผู้ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมครั้งใหญ่ คือเหมือนว่าระหว่างที่คนได้รับความช่วยเหลือ แต่สุนัขและแมวกลับไม่มีอาหารกิน ตรงนี้แหละที่ทำให้ผมลงไปช่วยทำหน้าที่แพคอาหารให้กับน้องหมาน้องแมวที่ติดน้ำออกมาหาอาหารไม่ได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งแรกที่ผมได้มาทำงานในฐานะทูตครั้งแรกครับ"
"ถามว่ามีทักษะเกี่ยวกับการดูแลสัตว์มาบ้างมั้ย คือจริงๆ แล้ว ด้านความรู้เชิงลึกผมไม่ค่อยทราบเท่าไหร่หรอกครับ แต่ตอนที่ผมอยู่บ้านนอก ผมเลี้ยงสัตว์มา ผมมีความผูกพันกับสัตว์ ที่บ้านผมโตมากับหมา แมว ไก่ หมู ปลา อะไรพวกนี้อยู่แล้ว เรารู้สึกว่า พอเราโตขึ้นมาเราก็อยากจะทำอะไรเพื่อตอบแทนบ้านเกิดเรา ตอบแทนสังคม ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี ถึงแม้ว่ามันจะไม่มีค่าตอบแทนอะไรก็ตาม เพราะผมรู้สึกมีความสุข มันไม่ได้มีการมาแบ่งประเภทว่าอันนี้คือมนุษย์ อันนี้คือสัตว์ แต่ผมมองว่ามันคือสิ่งมีชีวิตที่มาอยู่ที่เดียวกัน คือถ้าชีวิตของสัตว์ดี ความเป็นอยู่ของสัตว์ดี ชีวิตเราก็ดีไปด้วย"
"อย่างล่าสุดผมเพิ่งไปและเพิ่งกลับมา คือผมได้ไปพม่า เพราะเมื่อปีที่แล้วพม่าเขาเจอภัยพิบัติครั้งใหญ่ น้ำท่วมหนักซึ่งเราก็ส่งพวกอุปกรณ์เข้าไปช่วยเหลือพวกเขา และเราก็มีทีมงานของเราเข้าไปช่วยในตอนที่น้ำท่วมมาก่อนแล้ว โดยหลังจากนั้นประมาณ 5-6 เดือน เราก็กลับไปอีกครั้งเพื่อประเมินผลว่า จากที่เราเข้าไปให้ความช่วยเหลือเขาในครั้งนั้น มีความเป็นอยู่อย่างไร แล้วสัตว์เลี้ยงพวกวัว ควาย หรือสัตว์เลี้ยงต่างๆ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นไหม แล้วเราก็เอาพวกแร่ธาตุ เอาพวกอาหารเข้าไปให้เขาด้วย"
ลั่นขอสานต่อพระเอกรุ่นพี่อย่าง "ปอ ทฤษฎี" และจะทำให้ดีที่สุด
"ผมไม่หนักใจเลยนะครับที่มาทำงานสานต่อจากพี่ปอ และไม่รู้สึกเหนื่อยด้วยครับ มันเหมือนเป็นแรงที่กระตุ้นอันนึงด้วยซ้ำ คือผมได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่ปอในระยะ 2 ปีที่ผ่านมานี้ ซึ่งผมเป็นทูตต่อจากพี่ปอ และพี่ปอก็ขึ้นเป็นทูตกิตติมศักดิ์ เราได้มีโอกาสร่วมงานกัน 3-4 ครั้ง ได้มีโอกาสพูดคุยกัน แล้วก็มาเกิดเรื่องขึ้นซะก่อน ตรงนี้แหละครับที่มันยิ่งทำให้เป็นตัวกระตุ้น ที่ทำให้ผมยิ่งอยากทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป และพอผมมาทำหน้าที่ตรงนี้ ก็ทำให้ผมยิ่งคิดถึงพี่ปอ มันก็ทำให้เราตระหนักถึงเขามากๆ"
"จริงๆ ผมได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่ปอก็คือ "6 ขาหมาสนุก 6 ขาหมาเดินเล่น" เหมือนเป็นการให้ความรู้ของคนเลี้ยงสัตว์ถึงการดูแลสัตว์เลี้ยง การอยู่กับสัตว์เลี้ยงต้องทำอย่างไร เป็นการระดมทุนช่วยเหลือสัตว์เลี้ยงที่กำลังลำบาก แล้วก็ให้ความรู้กับเจ้าของด้วย ทั้งเรื่องของการเลี้ยงดู การทำอาหาร ฉีดวัคซีน การควบคุ้มน้ำหนัก คือทุกอย่างที่ให้ความรู้ ซึ่งตรงนี้ทำให้ผมได้มีโอกาสเจอกับพี่ปอตามงานแบบนี้แหละครับ"
เผย รัก และ คิดถึง พี่ชายที่ชื่อ "ปอ ทฤษฎี สหวงษ์"
"ผมรู้สึกผูกพันกับพี่ปอมากนะครับ เพราะหนึ่งเราก็เป็นคนอีสานเหมือนกัน ซึ่งเราก็รู้สึกได้เลยว่าพี่ปอเขาเป็นคนที่ดีมาก และสิ่งที่เขาทำอยู่เป็นเรื่องที่ดี โดยที่เราไม่ได้คิดเอาไว้ เพราะตอนนั้นเราก็อยู่กันคนละช่อง พี่ปอเขาอยู่ช่อง 3 ผมอยู่ช่อง ONE ได้มาเจอกันก็จากงานทูตอย่างเดียวเลย ซึ่งมันก็มีใจที่ตรงกันอยู่แล้วเรื่องของการช่วยเหลือ มันก็ทำให้เข้าใจกันได้ง่าย แต่ตอนนั้นพี่ปอเขาก็ทำหน้าที่ของเขา ส่วนตัวผมเองก็ทำหน้าที่ของผม แต่พอวันที่ไม่มีเขาแล้ว เราก็ต้องทำหน้าที่ต่อไปเพราะเขาอยู่ในใจเราเสมอ เวลาที่ผมต้องทำงาน ผมก็ยังรู้สึกว่าพี่ปอเขาอยู่กับผมด้วยนะ คือเรามาในฐานะเป็นตัวแทนของพี่ปอด้วย มันก็ยิ่งทำให้ผมรักพี่ปอยิ่งกว่าเดิมด้วยครับ (เสียงนิ่งไปสักพัก)"
ทำด้วยใจ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง
"ตอนแรกองค์กรนี้ก็มีบางคนยังไม่รู้จัก ทำนองว่าองค์กรนี้ทำอะไร สร้างขึ้นมาเพื่ออะไร ซึ่งตั้งแต่พี่ปอเข้ามาทำงาน ผมเข้ามาทำงาน มันก็ทำให้แฟนคลับได้รู้จักมากขึ้น แล้วก็ได้รู้ว่าองค์กรของเราทำงานกันอย่างจริงจังและช่วยเหลือผู้คนจริงๆ ให้ความรู้จริงๆ ไม่มีการเลียไล่เงิน ไม่มีอะไรแอบแฝงทั้งนั้น เราทำด้วยใจกันจริงๆ ยิ่งผมได้ร่วมงานกับทีมงานทุกคน ได้ไปพม่า ได้ไปในที่ที่เขาเจอกับภัยพิบัติขึ้นมาจริงๆได้เห็นชาวบ้าน ได้เห็นผู้คน มันทำให้ผมรู้สึกว่า ผมโชคดีมากที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่ง"
แสดงว่าดารามีอิทธิในการสื่อสาร และถือว่าเป็นกระบอกเสียงที่สำคัญ...."ใช่ครับ ผมว่ามันกลายเป็นแรงบวกนะ ทำให้แฟนๆทุกคน รวมถึงวัยรุ่นได้ตระหนักได้เห็นถึงความสำคัญ ความรับผิดชอบของคนในสังคมไม่ใช่เฉพาะดารา ผมไม่ได้เข้ามาทำในหน้าที่นี้ ในฐานะของดารา ผมเข้ามาทำงานในฐานะของทูต ซึ่งทูตก็ไม่ใช่ทูตที่สุขสบาย เราไม่ได้ใส่สูตทำงานแล้วหาคำพูดเพราะๆพูดกัน เราลงพื้นที่จริง เราทำงานจริง เพื่อที่จะได้เห็นรอยยิ้ม หรือเป็นกำลังใจให้พวกเขาที่กำลังเจอกับปัญหาอยู่ เพราะว่าสวัสดิภาพของสัตว์ หรือสวัสดิภาพของคน มันเกี่ยวพันธ์กันไปหมด เพราะเราอยู่ในโลกเดียวกัน อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้ที่เราอยู่ในบ้านแบบสุขสบาย แต่ความเป็นอยู่ของพวกสัตว์แย่ ซึ่งตรงนี้มันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะเราใช้อาหารเหมือนกัน อากาศเดียวกัน ดังนั้นมันมีความสำคัญที่เราได้ทำงานในจุดๆนี้ มันเป็นหน้าที่ของผม นอกจากผมจะร้องเพลง นอกจากผมจะแสดงหนัง แสดงละครแล้ว นี่ก็เป็นอีกหนึ่งหน้าที่ที่สำคัญไม่แพ้กันครับ"
"ถามว่ามันมีผลกระทบกับงานไหม มันมีแน่นอนครับ แต่มันไม่ทำไม่ได้ครับมันจำเป็น ถ้าเรามัวนึกถึงแต่เรื่องของเงิน นึกถึงแต่เรื่องของผลประโยชน์ แล้วสังคมของเราจะอยู่อย่างไร คือคนเราเกิดมาเพื่ออะไร เกิดมาให้ตัวเองได้อยู่สูงกว่าคนอื่น ถ้าสูงไปแล้วและคนรอบข้างไม่มีใครให้มอง มันก็คงไม่มีความสุขอะไรครับ แต่ถ้าเรามีความสุขไปด้วยกัน วันนี้เราอาจจะล้ม แต่เวลาที่เราล้มเราก็ยังมีคนที่คอยดึงเราขึ้นมา ซึ่งผมมองว่ามันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดี ผมคิดว่าวันหนึ่งผมจะได้อยู่ในสังคมแบบนั้น สังคมที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน"
ถ้าไม่ก้าวเดิน "ออกไป" ก็ไม่มีทางรู้ว่าอะไร "รอ" เราอยู่
"ทุกวันนี้ที่ผมทำงานในองค์กร ผมมีความสุขมากนะครับ เพราะผมได้เห็นรอยยิ้มของพ่อแม่พี่น้องที่เข้าไปช่วยเหลือ ล่าสุดที่ไปมอนเทอเรย์ รัชเวียงจันทร์อะไรสักอย่าง เราได้เห็นความสุขของชาวบ้าน เขาได้มาเห็นว่าทูตคนไทยหน้าตาเป็นแบบนี้หรอ ซึ่งวันนั้นเขาแห่กันมาดูทั้งหมู่บ้านเขามาขอถ่ายรูปยิ้มแย้ม ผู้ใหญ่บ้านเขาก็มีความสุข และการที่เราไปนั้น เราก็ได้ไปให้ความรู้ ชาวบ้านเขาก็มีความรู้มากขึ้น ลองคิดดูนะครับว่าถ้าวันหนึ่งบ้านเราดันเกิดเหตุภัยพิบัติเกิดขึ้น การที่เราลงไปช่วยเขาในวันนั้น วันที่เราเกิดเรื่องชาวบ้านพวกนั้นเขาก็จะได้เข้ามาช่วยเหลือเรา คือเหมือนเป็นการสานสัมพันธ์ และอีกอย่างมันก็เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจเนอะที่ทีมงานของเราเป็นคนไทยทั้งหมด แล้วได้เข้าไปช่วยเหลือประเทศเพื่อนบ้านเรา มันน่าภูมิใจจริงๆนะครับ"
"ถ้าถามว่าอายุการเป็นทูตมีวาระมั้ย ตอนแรกทางองค์กรเขาก็บอกกับผมนะว่าอายุการทำงานจะเป็นได้ประมาณ 2 ปี แต่ตอนนี้ก็เกินไป 2 ปีแล้วนะครับ ซึ่งจริงๆ ผมไม่ได้สนใจในเรื่องของระยะเวลาว่ากี่ปี อย่าง 2 ปีที่ผ่านมา ถ้าทำเพื่อหวังได้เงินก็ไม่ใช่ ผมว่าทุกวันนี้ที่ผมทำผมมีความสุขมากนะ ผมไม่ได้สนใจเรื่องของเงินทองเลย แล้วผมก็ไม่ได้สนด้วยว่าจะต้องเป็นกี่ปี คือผมคิดว่าผมอยากจะทำจนกว่าผมจะไม่มีแรง"
คนเก่งที่เห็นแก่ตัว คือคนที่พร้อม "ทำลายสังคม"
"ผมคิดว่าในระหว่างที่เทคโนโลยีมันก้าวหน้าขึ้น สังคมเจริญขึ้น คนยึดติดกับสิ่งของ ผมว่ามันเป็นสิ่งสำคัญมาก ที่เราควรให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ สัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า พวกเขาเหล่านี้ไม่เคยร้องขอเลยว่าอยากจะมีรถสปอร์ต หรืออยากมีคอนโดหรูๆ อยากมีกระเป๋าแบรนด์เนม ผมว่าเขาก็ไม่ได้สร้างปัญหาด้วย คือตอนนี้คนจะนึกถึงแค่ตัวเองว่ามีอยู่มีกินไหม รวยไหม ใส่เสื้อยี่ห้ออะไร แต่กลับกันสิ่งมีชีวิตที่เขาพูดไม่ได้ เขาฉลาดไม่เท่าเรา ซึ่งเราเชื่อว่าเราเป็นสิ่งที่มีชีวิตที่ฉลาดที่สุดในโลก แต่เราก็ไม่ควรที่ทำลายโลกนี้ เพราะส่วนใหญ่ปัญหาทุกอย่างมาจากคนที่มาบอกว่าเป็นเจ้าของโลก แล้วการที่เรามีสทมอง เรามีทุกอย่างที่เราบอกว่าเราเหนือกว่าพวกเขา ดังนั้นหน้าที่ที่เราเกิดมา เราควรทำเพื่อพวกเขา ไม่ใช่เอาความผิดจากพวกเขา คือพวกเขาแค่พูดภาษาเราไม่ได้ เราอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ยิ่งถ้าเรามีพลัง ยิ่งถ้าเราเก่ง ยิ่งถ้าเราฉลาด เราต้องเอาสิ่งพวกนี้ทำให้มันเกิดประโยชน์เพื่อส่วนร่วม เพื่อโลกที่เราอยู่ด้วยกันไม่ใช่เพื่อตัวเราเองอย่างเดียว"
"เราได้เกิดมาบนแผ่นนี้ ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากๆเลย เพราะประเทศเรามีทุกอย่างเลย ประเทศเราไม่ได้แพ้ชาติใดในโลกเลย แต่สิ่งที่เราขาดคือ จิตสำนึก ผมว่าทุกสิ่งที่ทำมันยังไม่สายเกินไป เรามีตัวอย่างที่ดี แล้วเราก็มีกำลังใจในการทำดีด้วย ทุกวันนี้มันยากในการทำความดี คนอาจจะมองไม่เห็นหรือคิดว่าเราทำเพื่อสร้างภาพ ผมว่าอย่างไปมองว่าคนจะคิดยังไงเลย มันสำคัญตรงที่เราทำหรือยัง"
"ซึ่งสิ่งที่ผมทำ ผมก็ยึดตามแนวทางของพ่อหลวง เวลาผมไปลงพื้นที่ ผมไม่ได้ไปในฐานะของคนที่ชื่อ โตโน่ ภาคิน แต่เราไปในฐานะตัวแทนของคนไทยที่เข้าไปช่วยเหลือในพื้นที่ๆเขาเจอปัญหา มันน่าภูมิใจมากนะครับ และยิ่งเราได้เห็นรอยยิ้มที่เขายิ้มให้จากสิ่งที่พวกเรา มันไม่ใช่แค่ผมคนเดียวทีมงานของ World Animal Protection ทุกคนที่เข้าไป ทุกคนใจสู้ ถึงแม้ว่าจะต้องเดินทางกันไกลมาก แต่เราก็คุ้มที่เราเข้าไปช่วยเหลือคน"
พร้อมฝากข้อคิดทิ้งท้ายว่า...
"การที่เราเติบโตขึ้นในยุคที่โลกมันทันสมัย ทุกสิ่งทุกอย่างง่ายต่อการสื่อสาร เรามีเสื้อผ้าสวยๆ เรามีเทคโนโลยีหลายอย่างที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ง่ายขึ้น สบายขึ้น สิ่งหนึ่งที่เราจะลืมไม่ได้คือจิตสำนึกของความเป็นคน ในเมื่อเราได้เกิดมาแล้ว เรามีสมอง เรามีแรง เรามีทุกอย่างที่เราจะสามารถพัฒนา ที่เราจะสามารถทำให้โลกนี้มันน่าอยู่ขึ้น เราควรจะทำ"
"การเมตตาต่อสัตว์ ให้ความสำคัญต่อพวกเขาในเรื่องของการเป็นอยู่ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้าม การให้ความรู้ทุกอย่างมันต้องเริ่มต้นจากจิตสำนึก การปลูกฝังว่ามนุษย์ไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่ตัวคนเดียว มนุษย์ไม่ได้เกิดมาแค่มีแต่มนุษย์มันไม่ใช่ เราเกิดมาอะไรกับสิ่งที่เขาได้ประทานสมองฉลาดๆมา เรามีสมองไปคิดมือถือที่สามารถใช้งานต่างๆได้ แต่เราควรที่อย่าลืมว่าเราได้เติบโตมากับใคร เราอยู่ร่วมกันกับใคร เราใช้สิ่งที่เราเกิดให้มันเป็นประโยชน์เถอะครับ"