ตำนานวงการเพลงร็อค "เดวิด โบวี" ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 69 ปี หลังต่อสู้กับโรคมะเร็งมา 18 เดือน
The Hollywood Reporter ได้รับคำยืนยันจากตัวแทนของ เดวิด โบวี ว่าเขาได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยเป็นการเสียชีวิตหลังเขาเพิ่งจะอายุครบ 69 ปี ไปได้แค่ 2 วันเท่านั้น... "เดวิด โบวี เสียชีวิตลงอย่างสงบ ท่ามกลางสมาชิกในครอบครัว หลังต่อสู้กับมะเร็งมา 18 เดือน ซึ่งเราอยากจะขอความเป็นส่วนตัวในช่วงเวลาแห่งความเศร้าครั้งนี้ด้วย" แถลงการณ์ของครอบครัวศิลปินระดับตำนานกล่าว
ส่วน ดันแคน โจนส์ ลูกชายของ โบวี ที่ปัจจุบันเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังที่กำลังจะมีหนังเรื่อง Warcraft เข้าฉายก็เขียนข้อความไว้อาลัยว่า "เศร้ามาก และเสียใจจริงๆ ที่จะต้องบอกว่านี่คือเรื่องจริง ผมคงต้องขอพักหายหน้าไปซักพัก"
เดวิด โบวี หรือ เดวิด โรเบิร์ต โจนส์ เกิดเมื่อวันที่ 8 มกราคม 1947 เป็นทั้ง นักร้อง, นักแสดง, นักดนตรี, โปรดิวเซอร์เพลง และนักแต่งเพลงชาวอังกฤษ ที่มีผลงานต่อเนื่องยาวนานมาถึง 5 ทศวรรษ และได้ชื่อว่าเป็นศิลปินที่ทดลองอะไรใหม่ๆ อยู่เสมอ ทั้งด้านแนวดนตรี และภาพลักษณ์ของตัวเขาเอง จนส่งอิทธิพลต่อศิลปินรุ่นหลังมากมาย
โดยเขาเริ่มต้นใช้ชื่อว่า "เดวิด โบวี" ที่ตั้งตาม "เดวี โจนส์" แห่งวง The Monkees ในปี 1966 และเริ่มออกแสดงแซคโซโฟนในคลับแถบลอนดอน จนได้เซ็นสัญญากับ Mercury Records จนได้ออกอัลบั้มชุดแรก David Bowie ในปี 1967 ต่อมาในปี 1969 จึงออกอัลบั้มชุดสองที่มีเพลง Space Oddity เป็นผลงานฮิต
โบวี ยังเคยสร้างความฮือฮาด้วยการประกาศว่าตัวเองเป็นเกย์ ระหว่างออกอัลบั้มชุด Ziggy Stardust ในปี 1972 แม้จะมีคนสงสัยว่าเขาเพียงต้องการแค่สร้างกระแส แต่ทั้งผลงานเพลงชุดนี้ และภาพลักษณ์อันสุดโต่งของ โบวี อย่างการย้อมผมเป็นสีส้ม และสวมเสื้อผ้าของสตรี ก็กลายเป็นกระแสที่มีคนพูดถึงมากมาย ส่วนงานเพลงก็โด่งดังเป็นอัลบั้มคลาสสิกชุดหนึ่งของประวัติศาสตร์ร็อคแอนด์โรลล์
ตลอดการทำงานเพลงยาวนานถึง 50 ปี โบวี ได้ชื่อว่าเป็นศิลปินที่เปลี่ยนแปลงตัวเอง และคิดอะไรใหม่ๆ ออกมาเสมอ โดยในปี 1975 เขาเริ่มต้นสนใจเพลงฟังค์ และเพลงเต้นรำ แบบฟิลาเดลเฟีย ที่เจ้าตัวเรียกแนวดนตรีของตัวเองในช่วงนั้นว่า "พลาสติกโซล" และพาเพลง Fame ที่เขาร่วมเขียนกับ จอห์น เลนนอน และ คาลอส อโลมาร์ ขึ้นถึงอันดับ 9 ต่อมาในปี 1977 ก็ได้ร่วมงานกับเจ้าพ่อเพลงอีเล็คโทรนิค ไบรอัน อีโน ใน Berlin Trilogy
โบวี ยังได้ชื่อว่าเป็นศิลปินที่หาโอกาสร่วมกับงานเพื่อนในวงการอยู่เสมอ ทั้งวง Queen, มิค แจ็คเกอร์, ทีนา เทอร์เนอร์ และ The Pat Metheny Group นอกจากนั้นก็ยังเคยก่อตั้งวง Tin Machine และออกอัลบั้มมา 2 ชุด แม้จะไม่ค่อยประสบความสำเร็จนักก็ตาม เขายังเคยทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับเพื่อนในวงการทั้ง ลู รีด, The Stooges และ Moot the Hoople ด้วย
นอกจากวงการเพลงแล้ว โบวี ยังหาโอกาสเล่นหนังอยู่เรื่อยๆ ทั้งหนังแฟนตาซี Labyrinth , รับบทเป็นเชลยสงครามใน Merry Christmas Mr. Lawrence (1983) ของ นางิสะ โอชิมะ และยังรับบทเป็น ปอนติอุส ปิลาตุส ชาวยิวผู้สั่งประหารพระเยซูใน The Last Temptation of Christ (1988) ของ มาร์ติน สกอร์เซซี ด้วย
ด้วยการเปลี่ยนแปลงทั้งเพลง และตัวเองอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เขาได้รับฉายาว่าเป็น "กิ้งก่าเปลี่ยนสี" แห่งวงการเพลงร็อค โบวี เป็นศิลปินประเภทที่เปิดรับอิทธิพลจากศิลปะทุกแขนงตั้งแต่ ละครใบ้ จนถึงคาบูกิ เพื่อหล่อหลอมในการสร้างงานของตัวเองขึ้นมา แต่สุดท้ายเพราะปัญหาสุขภาพทำให้ โบวี ไม่ได้ออกผลงานใหม่เลยนับสิบปีตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามในปี 2013 หลังเงียบหายไปเป็นทศวรรษ โบวี ได้กลับมาออกผลงานใหม่อีกครั้งด้วยซิงเกิล Where are We Now? ที่มีเนื้อหารำลึกถึงช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่ที่เบอร์ลินในช่วงปี 1970s โดยเพลงได้รับเสียงชมจากทุกฝ่าย โดยก่อนจะเสียชีวิต โบวี ได้มีโอกาสออกผลงานชุด Blackstar ที่คราวนี้เขาขอนำเสนอเพลงแนวแจ๊สออกมาบ้าง เป็นการทดลองทำงานใหม่ๆ แม้แต่ช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต
โดยนอกจากแฟนๆ และคนในวงการเพลงแล้ว นายกรัฐมนตรี เดวิด แคเมรอน แห่งสหราชอาณาจักรก็ได้ออกแถลงการณ์เพื่อยกย่อง โบวี ในวาระการจากไปของเขาว่า "ผมเติบโตมาจากการชม และฟังผลงานของอัจฉริยะทางป๊อป เดวิด โบวี เขาเป็นปรมาจารย์แห่งการสร้างสรรค์ ที่ทำอะไรออกมาได้ถูกต้องเสมอ ถือเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ"
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม