xs
xsm
sm
md
lg

“ปูเป้ อรหทัย” น้ำตาคลอเบ้า! เผยมรสุมชีวิตหลังพ่อล้มป่วยตาบอด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


“ปูเป้ อรหทัย” กตัญญูสู้ไม่ถอย พ่อป่วยอัมพฤกษ์ เส้นเลือดในสมองแตก เบาหวานขึ้นตาจนตาบอดสนิท 1 ข้าง ไม่รอความช่วยเหลือจากใคร นำเงินเก็บทั้งชีวิตรักษา หันหลังให้วงการ 4 ปี ขอทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด เผยผ่านช่วงเวลายากลำบากมา 10 ปี ไม่ขอรับเงินบริจาคจากใคร

กลายเป็นกระแสดราม่าในโลกเชียล เมื่อมีภาพอดีตนักแสดงสาว “ปูเป้ อรหทัย ซื่อศรีสวัสดิ์” คอยดูแลคุณพ่อที่ล้มป่วยด้วยหลายโรครุมเร้าถึงขั้นทำให้ตาบอด ล่าสุด เจ้าตัวเปิดใจกับช่อง 2 บันเทิงมาเต็ม ประกาศด้วยน้ำเสียงสั่นเครือพร้อมสู้กับมรสุมชีวิตครั้งนี้ หมดเงินไป 6 - 7 ล้านบาท แต่ไม่ขอรับการช่วยเหลือจากใคร และขอบคุณทุกน้ำใจที่หยิบยื่นให้

“คือข่าวคุณพ่อไม่สบาย ตามองไม่เห็นก็เป็นตามข่าวค่ะ แต่ว่าที่พ่อตามองไม่เห็นเนี่ย ไม่ได้มองไม่เห็นทั้งหมดนะคะ คือตาขวามองไม่เห็น แต่ว่าตาซ้ายจะเห็นในระยะ 1 ฟุต เวลาจะเห็นอะไรก็ต้องเอามาใกล้ ๆ ตา”

“คุณพ่อเป็นเบาหวาน เป็นมาประมาณ 10 ปี แล้วก็เป็นอัมพฤกษ์ด้วย เป็นเส้นเลือดในสมองแตก คราวนี้พอเบาหวานมันอยู่ในขั้นสุดท้ายแล้วมันก็จะขึ้นมาถึงตา ทำเลเซอร์ 3 - 4 ครั้งแล้วแต่ไม่ดีขึ้น หมอบอกว่าค่อนข้างจะเป็นระยะสุดท้ายของเบาหวานแล้ว ก็เลยปล่อยให้เป็นอย่างนั้นดีกว่า ก็ให้คนในครอบครัวช่วยเหลือกัน”

“ทุกวันนี้ดูแลเหมือนเด็ก เขาจะทำอะไรเองไม่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นการขับถ่าย หรือว่าบางทีกินข้าวก็จะใช้มือได้ข้างหนึ่งคือข้างซ้าย แต่ก็จะต้องมีคนคอยตัดคอยหั่นคอยตักใส่ช้อนให้ พูดก็ไม่ค่อยชัดเพราะว่าเป็นอัมพฤกษ์ ลิ้นก็จะแข็ง แล้วก็ตามองไม่เห็นต้องนั่งรถเข็น ไปไหนก็จะต้องคอยพยุง”

นำเงินเก็บทั้งชีวิตรักษาพ่อ บอกผ่านช่วงเวลายากลำบากมา 10 ปี ตอนนี้ทุกอย่างดีขึ้น
“ค่าใช้จ่ายเนี่ยมันเยอะมาตั้งแต่ช่วงแรก 10 ปีที่แล้ว พอเขาล้ม เส้นเลือดในสมองแตก ก็เอาเข้าโรงพยาบาลที่ดีที่สุดเลย ค่าใช้จ่ายถ้าเริ่มตั้งแต่ 10 ปีที่แล้ว คิดว่าน่าจะประมาณ 6 - 7 ล้าน มันจะค่อนข้างเยอะสำหรับคนเป็นโรคนี้ แล้วก็ตอนนี้พ่อก็ต้องฟอกไต ไตเนี่ยมีค่าไตเป็นศูนย์ไม่สามารถทำงานเองได้แล้ว ต้องฟอกไตวันเว้นวัน การฟอกไตคือการเอาเลือดออกจากร่างกาย เจาะที่คอ แล้วก็เอาเลือดออกไปที่เครื่องฟอก แล้วก็กลับมาที่ร่างกาย หมอก็บอกว่าถ้าเกิดว่าที่คอเส้นมันตันก็จะไม่สามารถฟอกไตได้แล้ว เขาทานยาเยอะ ทานมา 10 ปีแล้ว”

“เราก็ดูแลทุกอย่างเพราะปูเป้เป็นลูกคนเดียว คือ ตอนที่ทำงานในวงการเมื่อ 10 ที่แล้วก็จะมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่ง แต่ ณ ตอนนั้นพูดตรง ๆ พอพ่อไม่สบายก้อนนั้นทั้งก้อนเราก็เอามารักษาพ่อหมด หลังจากนั้นก็ค่อย ๆ เก็บเงินใหม่ ทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้านำเข้า มันก็โอเคในระดับหนึ่งนะ เปิดสาขา 4 - 5 สาขา คราวนี้พอได้เงินก้อนหนึ่งก็เลยมาคิดจะทำอะไรดี ก็เลยทำเกี่ยวกับความงาม อาหารเสริมลดน้ำหนัก เกี่ยวกับผิวพรรณแล้วก็โอเค ธุรกิจไปได้ดีก็เลยมีเงินที่จะเก็บมาช่วยที่บ้าน”

“ค่าใช้จ่ายต่อเดือน เราจะให้เป็นส่วนตัวพ่อเลย ถ้ารวมก็จะประมาณ 3 - 4 หมื่นต่อหนึ่งเดือน แต่ตัวเราเองเนี่ย เรื่องส่วนตัวไม่ค่อยมีแล้ว เพราะว่าเสื้อผ้าเราก็เปิดร้านอยู่แล้วไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายตรงนั้น แต่คราวนี้มันก็จะมีเรื่องที่ต้องรับภาระอื่น ๆ ก็คือผ่อนบ้าน ค่ารักษาคุณพ่อก็ประมาณ 4 หมื่นกว่าต่อเดือน เพราะว่าคุณพ่อเป็นครูด้วยก็จะมีส่วนเล็ก ๆ ที่เบิกได้”

“ถามว่าทำบากเรื่องค่าใช้จ่ายมั้ย มันผ่านช่วงลำบากมาแล้ว แต่หลายคนอาจจะไม่ได้รู้ เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วมันจะเป็นช่วงที่ลำบาก ช่วงที่หัวหน้าครอบครัวฟุบลงมา ตอนนั้นพอผ่านมาได้ 2 - 3 ปีมันก็ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ”

ไม่รอให้ใครช่วยเหลือ ยิ่งท้อยิ่งต้องกลับบ้านหากำลังใจ
“ไม่มีนะคะ ก็ช่วยตัวเองมาตลอด (หัวเราะ) ครอบครัวเราก็ช่วยกันเอง แล้วอาจจะเป็นว่าคนในครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างเข้มแข็ง เหมือนช่วยกันประคับประคองในครอบครัว ช่วยกันเอง ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองลำบากนะ มันก็ผ่านมาแต่ละสเต็ปในชีวิต

“คุณพ่อดื้อ ดื้อเหมือนเด็กเลยคนที่เป็นโรคแบบนี้ก็เข้าใจเขา ในเมื่อเขาเคยเป็นผู้นำ พอวันหนึ่งทำอะไรไม่ได้เลยมันก็จะมีดื้อ มีโวยวาย อารมณ์ไม่ดี อารมณ์เสีย แต่ว่าต้องยกให้คุณแม่ คุณแม่เป็นผู้หญิงที่ทนทุกอย่าง ยอมเขาทุกอย่าง จนแบบพอยอมมาก ๆ เขาเหมือนรู้ตัวเองว่าฉันไม่ควรเอาแต่ใจตัวเอง ทุกวันนี้ก็เลยโอเคขึ้น อยู่กันแบบสนุกสนาน จริง ๆ ครอบครัวไม่ได้เศร้านะ อยู่กันแบบฮา ๆ ตลอด ทุดวัน”

“กำลังใจดีมากค่ะ ทุกวันนี้ที่เราทำธุรกิจได้ค่อนข้างดีก็ส่วนหนึ่งได้กำลังใจจากครอบครัว ถ้ารู้สึกว่ามันท้อมาก ๆ ถ้าได้กลับบ้านเร็ว ได้ไปเจอกัน ได้กินข้าวเราก็รู้สึกมันดีขึ้น”

เลิกรับงานในวงการ 4 ปี ขอทำหน้าที่ลูกให้ดีที่สุด
“ถ้าหายจริง ๆ ไม่รับเลยเนี่ยตั้งแต่พ่อมองไม่เห็น น่าจะประมาณ 3 - 4 ปีหลังนี้ค่ะ เพราะว่าเราอยากจะใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับเขา หมอก็บอกว่าพ่อเป็นระยะสุดท้ายหลาย ๆ อย่าง เพราะฉะนั้นพอมีเงินเก็บก้อนหนึ่งก็คิดว่าเราไม่ได้ขี้เกียจเดี๋ยวเงินเราก็หาใหม่ได้ เวลาตรงนี้ขอไม่รับงานที่มันใช้เวลาครอบครัวเยอะ อยากจะอยู่แล้วก็ไม่ต้องมานั่งเสียใจว่าเราไม่ได้ทำดีที่สุด เราก็ไม่ได้รับงานเลย”

“แรก ๆ 3 - 4 ปีก่อนมีผู้จัดติดต่อมาบ้าง พอเราไม่รับ เขาก็คงพูดต่อ ๆ กันเนาะว่าเราไม่รับ ปูเป้ไม่รับงานแล้ว มันก็เลยค่อนข้างห่างหาย ซึ่งหลาย ๆ คนตอนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อมาแล้ว”

“จริง ๆ มันก็เป็นอาชีพที่เรารักเนาะ แล้วเราก็ชอบด้วยแต่ว่าต้องขอบอกเลยว่าตอนนี้ยังไม่รับจริง ๆ ค่ะ สำหรับละครเพราะว่าอยากจะใช้เวลาทั้งหมดอยู่กับครอบครัวที่เรารัก”

เผยกำลังใจล้นจนร่ำไห้ทั้งพ่อทั้งลูก ไม่ขอรับเงินบริจาค
“ได้เช็ก sanook.com ออกข่าว คราวนี้น้องที่เขาเป็นคนทำสกู๊ปก็บอกว่าพี่เป้ต้องเขาไปอ่านนะ ตอนแรกก็ไม่ได้คิดเพราะว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยได้ติดตามเกี่ยวกับเรื่องของโซเซียลมาก ก็เข้าไปอ่าน อ่านให้พ่อฟัง แล้วน้ำตาไหลทั้งพ่อทั้งลูกเลย (น้ำตาคลอ) คือ เรามีความรู้สึกว่า เราไม่ได้อยู่กันเองในครอบครัวแล้ว เรามีกำลังใจจากคนอื่น ๆ ก็เลยรู้สึกว่าหลาย ๆ คนนะบอกไว้เลยว่าถ้าเกิดว่าท้อ กำลังใจสำคัญที่สุด ก็ต้องขอบคุณกำลังใจ ทุกคอมเมนต์ ไม่มีคอมเมนต์ไหนเลยที่เป็นคอมเมนต์ที่ไม่ดี เราได้อ่านทุกคอมเมนต์ แล้วก็จะบอกเลยว่าทุกคอมเมนต์ต่อกำลังใจให้กับตัวเป้แล้วก็ต่อกำลังใจให้กับครอบครัวเราด้วย ต้องขอขอบคุณ (ยกมือไหว้)”

ถ้าใครอยากจะช่วยบริจาคเงินนะคะ ขอเลยว่าให้เงินที่คุณคิดจะบริจาค ให้ไปบริจาคกับมูลนิธิที่เขาเดือดร้อนกันจริง ๆ คือเป้ไม่ได้เดือดร้อน ตัวเป้พอใช้อยู่ (ยิ้ม)”





ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
กำลังโหลดความคิดเห็น