“ชาม ไอยวริญท์” ควงเจ้าบ่าว “เจมส์” ฉลองวิวาห์หวาน เผยรู้จัก 10 ปีแอบรักตั้งแต่เด็ก แต่คลิกภายใน 2 วัน บอกทุกอย่างมีในตัวผู้ชายคนนี้และต้องแต่งงานกับคนนี้ ด้านเจ้าบ่าวประกาศรักมาก ย้ายเข้าบ้านเจ้าสาว ยกเงินทุกบาททุกสตางค์ให้ สัญญาจะอยู่ด้วยกันทุกชาติ
จัดพิธีแต่งงานตามประเพณีไทยไปเมื่อวันที่ 6 ธ.ค. ล่าสุดวันนี้(7 ธ.ค.) “ชาม ไอยวริญท์ โอสถานนท์” ควงสามีตาน้ำข้าว “เจมส์ แอรอน โธมัส” เจ้าของบริษัทติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ (ดีไซเนอร์ สโคป) จัดงานฉลองมงคลสมรส ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพ ก่อนเผยต่างฝ่ายต่างแอบหลงรักกันมานาน หลังรู้จักกันมานานถึง 10 ปี เปลี่ยนสถานะภายใน 2 วันอยากแต่งงานกันทันที
ชาม : ”จริง ๆ วันนี้มีหลายความรู้สึกรวมกันมากเลยค่ะ ความรู้สึกแรกคือเหนื่อยสุด ๆ แต่พอถึงจุดนี้แล้วชามเห็นว่าทุก ๆ คนรักชามมากแค่ไหน รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากและมีพี่ ๆ เพื่อน ๆ มาช่วยกัน ก็เลยรู้สึกถึงความรักทั้งหมดที่ทุกคนมีให้ทั้งชามและเจมส์ ก็ทำให้ชามมีความสุขมาก ๆ เลยค่ะ”
“เมื่อวานนี้มีโอกาสได้เห็นเขาแห่ขันหมากมา ซึ่งบรรยากาศที่แห่ก็คือสถานที่ที่เราสองคนโตมาด้วยกัน ก็คือ Internatinal school Bangkok (ISB) แล้วมันเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมากสำหรับชามนะคะ เพราะว่าชามเรียนที่นั่นตั้งแต่อนุบาลจนถึงเกรด 12 แล้วก็เจอกับเจมส์ตอนที่เจมส์ย้ายมาเมืองไทยตอนเกรด 6 ก็คือเทียบเท่ากับ ป.6 ค่ะ แล้วในขบวนก็มีเพื่อน ๆ จาก ISB ด้วย แล้วก็เพื่อนของเจมส์จากออสเตรเลียบินมา รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่อบอุ่นมาก ความเหนื่อยที่ชามเคยมีก่อนหน้านี้เกี่ยวกับงานแต่งงานมันก็เลยหายไปหมดเลยค่ะ และภารกิจต่าง ๆ ที่เขาต้องทำบางอันก็สนุกบ้าง ตลกบ้าง”
“แต่บางอันชามก็สงสารเจมส์เหมือนกัน เพราะมีให้วิดพื้นแล้วกระโดดขึ้นมาตบมือ แล้วก็โดนสั่งให้ทำ 20 ครั้ง นี่เป็นประตูสุดท้ายของญาติชามเอง พอได้ยินก็ตกใจเหมือนกัน สงสารค่ะ กลัวไม่ผ่านประตู (หัวเราะ) แต่ก็ทำได้ค่ะ สนุกค่ะ ส่วนประตูของพี่แคท (แคทรียา อิงลิช) ก็รู้สึกแฮปปี้มากนะคะ (ยิ้ม) จริง ๆ ชามก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่แคทจะเล่นแบบนั้น ก็คือเอาซะซึ้งเลยค่ะ แล้วเจมส์เองก็เป็นคนที่ไม่ค่อยเตี๊ยมอะไร เวลาที่ชามจะไปทำอะไรกับเขา พอเราจะเตี๊ยมเขาจะไม่ยอม บอกว่าไม่ได้ ขอพูดจากใจได้ไหม เราก็บอกโอเคงั้นแล้วแต่ยู”
เจมส์ : “ตอนที่ต้องผ่านประตูเงินประตูทองผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะต้องเจออะไร เพราะแต่ละประตูจะอยู่ในความควบคุมของเพื่อน ๆ ชามและครอบครัวชามว่าใครจะให้ทำอะไรกันบ้าง แล้วพอเจอประตูที่ถามว่าชามเป็นคนยังไง ชามชอบอะไร ก็เป็นคำถามที่ผมรู้คำตอบอยู่แล้วล่ะ แต่ตอนนั้นมันตื่นเต้นมาก ประตูแรกนี่ตื่นเต้นที่สุด หลังจากนั้นก็เจอวิดพื้น ต้องต่อยมวย ทำหลาย ๆ อย่างที่เกี่ยวกับพละกำลัง ซึ่งมันยากมากในการที่จะใส่สูท ใส่โจงกระเบนแล้วทำแบบนั้น แต่ผมก็ทำเต็มที่ พอประตูสุดท้ายก็ต้องร้องเพลงด้วย จริง ๆ ก็เป็นเพลงของเราสองคน ก็คือเพลง Black at one คือผมจำเนื้อเพลงนี้ได้อยู่แล้ว แต่ ณ ตอนนั้นผมจำเนื้อไม่ได้เลย แล้วทุกคนก็จ้องว่าผมจะร้องได้ไหม แต่ในที่สุดผมก็ร้องได้ (ยิ้ม)”
คุยเรื่อย ๆ ทุกเทศกาล จนวันหนึ่งคลิกกัน แค่ 2 วันรู้ว่าต้องแต่งงานกับชายคนนี้
ชาม : “รู้จักกันตอนอายุ 11 ปีค่ะ ตอนนั้นเจมส์เขาเป็นคนดังในโรงเรียน เป็นนักกีฬา ทุกคนก็จะรู้จักเขา เหมือนพระเอกหนัง (ยิ้ม) แต่ชามก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกับเขา เพราะเรียนไม่ตรงกัน เป็นมหาวิทยาลัยที่ต้องเดินเรียน เวลาก็ไม่ค่อยจะตรงกัน จนกระทั่งมาเจอกันในคลาสเต้น ก็ได้คุยกัน ได้รู้จักกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทกันมากมาย ไม่ได้อยู่กลุ่มเดียวกัน แต่ก็เจอหน้ากันทุกวัน”
“พอหลังจากเรียนจบก็ไม่ได้เจอกันประมาณ 10 กว่าปี เพราะเหมือนจังหวะชีวิตมันคลาดกันตลอดเวลา เวลาที่เขาจะมาเมืองไทย แต่ละครั้งก็นัดว่ามาเจอกันเถอะ แต่เราก็ติดถ่ายละครบ้าง มาไม่ได้บ้าง แล้วพอเราบินมาถึงกรุงเทพฯ เขาก็ต้องรีบบินกลับไปทำงานของเขา ก็คลาดกันอยู่ 5 - 6 ครั้งในเวลา 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็คุยกันอยู่เรื่อย ๆ ทุกเทศกาล จนกระทั่งวันหนึ่งก็ว่างพร้อมกัน เขาก็ทักเฟซบุ๊กชามมา คุยกันไปมามันก็เลยคลิกกัน หลังจากที่คุยกันแบบไม่ใช่ความเป็นเพื่อน คุยลึกไปเรื่อย ๆ เพียงแค่ 2 วันชามก็รู้แล้วว่าชามต้องแต่งงานกับเขาค่ะ (ยิ้ม)”
หวาน! ทุกสิ่งที่ต้องการอยู่ในตัวผู้ชายคนนี้
ชาม : “คือภาพตอนเด็ก ๆ ที่ชามมองเขา ชามคิดว่าเขาเป็นเด็กซ่า ๆ แนวลุย ๆ แต่พอได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขา เขาเป็นคนที่น่ารัก ใจอ่อนมาก คือเรามองว่าภาพเขาไม่ใช่ แต่พอมารู้จักจริง ๆ คือทุกอย่างที่เราต้องการอยู่ในตัวเขา”
“จริง ๆ เคยพูดกันไว้แล้ว คือเจมส์ตั้งแต่เริ่มคบกับชาม เขาจะบอกว่าไอไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ เพราะว่าเจอคนที่ใช่แล้ว และชามก็ไม่นึกว่าเขาจะขอเร็วขนาดนี้ด้วย แล้วก็ไม่นึกว่าเขาจะจัดเซอร์ไพรส์ให้ชามเป็นเซอร์ไพรส์วันเกิด เพราะชามเป็นคนไม่จัดงานวันเกิดอยู่แล้ว และเขาก็ทำงานหนักมากเลยนะ เขาต้องคุยกับแม่ กับผู้จัดการของชามด้วยว่าจะนัดยังไงให้ชามเซอร์ไพรส์ นัดเพื่อน ๆ พี่ ๆ มาให้หมด ชามก็นึกว่าเป็นการจัดงานวันเกิดเฉย ๆ แต่ในที่สุดก็คุกเข่าขอแต่งงาน (ยิ้ม) ก็ตกใจมากเลยวันนั้น แต่ก็ดีใจค่ะ”
ปัดสินสอด 100 ล้าน บอกเจ้าบ่าวสัญญาทำงานได้เงินเท่าไหร่จะให้เจ้าสาวทั้งหมด
ชาม : “ว้าย เอามาจากไหน (หัวเราะ) ไม่ค่ะ เราก็คุยกันไว้แล้ว บ้านชามไม่เรียกร้องอะไรหรอกค่ะ แต่นับจากวินาทีนี้ไปเขาทำได้เท่าไหร่ให้ชามหมด (ยิ้ม) จริง ๆ มันเป็นไอเดียของเขา และจริง ๆ แล้วชามรักเจมส์ ที่บ้านชามรักเจมส์ก็เพราะเขาเป็นคนที่แข็งแกร่ง และเขาก็สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตัวของเขาเอง และได้มายืนอยู่ในจุด ๆ นี้ ชามว่าชามฝากชีวิตไว้กับเขาได้ค่ะ (ยิ้ม)”
“คือเจมส์ตั้งแต่เรียนจบเกรด 12 ไป เขาอยากที่จะย้ายกลับมาอยู่เมืองไทยตั้งแต่ตอน 10 ปีที่แล้วค่ะ เขาก็เลยพยายามที่จะเรียน แล้วก็หางานที่สามารถจะโยงกับเมืองไทยได้ ก็เลยเลือกที่จะทำโซล่าเซลล์ เพราะว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่เหมาะกับการติดตั้งโซล่าประหยัดพลังงาน เขาดีไซน์เอง ทำทุกอย่างเอง เป็นวิศวกรเอง ก็เป็นธุรกิจที่เขามาเปิดที่เมืองไทย เพราะเขามีอยู่ที่ออสเตรเลียแล้ว ตอนนี้ก็มาเปิดที่เมืองไทยด้วยเป็นชื่อชาม (ยิ้ม) และตอนนี้ก็จะย้ายมาอยู่เมืองไทยแล้วค่ะ”
“ด้วยความที่ชามเป็นลูกคนเดียวและหลานสาวคนเดียวของปู่ย่าตายาย ก็มีกฎอยู่อย่างหนึ่งว่าลูกเขยจะต้องย้ายเข้าบ้าน ตอนแรกชามก็คิดว่ายากแล้ว จะได้แต่งมั้ย (หัวเราะ) เพราะหลายคนก็ไม่โอเคแบบนั้น แต่เจมส์เขาเป็นคนที่โอเคมาก ๆ เขาเข้ากับครอบครัวชามได้ ก็จะย้ายเข้าบ้านชามค่ะ (ยิ้ม)”
เล็งมีทายาท 3 คน ให้คำมั่นจะรักกันตลอดไปทุกชาติ
ชาม : “ก็รอดูก่อนค่ะ แต่เจมส์เขาบอกว่าพร้อมทุกเมื่อ (หัวเราะ) ส่วนชามเองยังติดละครอยู่ 1 เรื่องคือทายาทอสูร ก็รอละครจบแล้วค่อยว่ากัน อยากมีกี่คนเหรอ คือด้วยความที่ชามเป็นลูกคนเดียว ชามจะไม่มีทางมีลูกคนเดียวแน่นอนค่ะ อยากจะมี 2 คน อยากได้แฝด”
เจมส์ : “ผมอยากมี 3 คนหรือมากกว่านั้น (ยิ้ม)”
ชาม : “คำมั่นสัญญาเมื่อวานก็มีให้คำมั่นสัญญากันที่โรงเรียนค่ะ ก็ได้ให้กันไว้ว่าจะรักคนนี้ตลอดไป (ยิ้ม)”
เจมส์ : “ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลชามตลอดไป แล้วก็สัญญาว่าจะไม่ทำให้ชามเสียใจหรือร้องไห้ และเราจะไม่อยู่ด้วยกันแค่ชาตินี้ แต่จะอยู่ด้วยกันทุก ๆ ชาติไป (ยิ้ม)”
ระยะทางเป็นสิ่งที่ยากและทรมาน แต่พอผ่านไปได้ ทุกอย่างง่ายขึ้น
ชาม : “เจมส์ทราบว่าเป็นสิ่งที่ชามรักอยู่แล้วค่ะ ก็ไม่ห้ามในการที่ชามจะตัดสินใจในการทำงานอะไร แต่ต่อจากนี้ไปไม่ว่าจะเป็นอะไรที่เข้ามาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นทางเจมส์หรือทางชามก็จะปรึกษากัน เพราะเราไม่ใช่คนเดียวแล้ว แต่เรื่องงานเซ็กซี่เราคุยกันอยู่แล้วค่ะ เพราะแต่งงานแล้ว ชามทราบอยู่แล้วว่าชามจะต้องทำอะไรค่ะ (ยิ้ม)”
“ช่วงที่ใช้ชีวิตที่ต่างประเทศมันเป็นเรื่องยากนะคะ เพราะมันต้องใช้ความอดทนและความเข้าใจกันมาก ๆ ค่ะ และโชคดีที่ตอนนี้เราโตมาในยุคที่มันมีเฟสไทม์และเครื่องมืออิเล็กโทรนิกต่าง ๆ เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะช่วยให้ความรักมันยืดยาวไปได้ ถ้าเป็นแต่ก่อนคงยากกว่านี้ แต่ชามเชื่อว่าการคบกันระยะไกลมันเป็นสิ่งที่ยากและทรมานมาก แต่ถ้าผ่านไปได้ชามเชื่อว่าเราสามารถผ่านทุกสิ่งทุกอย่างไปด้วยกันได้แน่นอนค่ะ”
เจมส์ : “เป็นสิ่งที่ยากที่สุดที่เคยทำในชีวิต แต่สิ่งที่ทำให้ผมมีกำลังใจมากก็คือการที่ชามตอบคำถามชีวิตเขาว่าในที่สุดแล้วผมจะต้องลงเอยกับใคร และเวลาที่ผมได้คำตอบนั้นแล้ว ทุกอย่างก็ดูง่ายขึ้น”
บอกชีวิตรักเหมือนพล็อตในหนัง หลังผ่านไป 10 ปีความรักก็เปิดเผย ทั้งที่เคยหมดศรัทธาในความรักไปแล้ว
ชาม : “เรื่องฮันนีมูนยังไม่ได้คิดเลยค่ะ เพราะมัวแต่คิดเรื่องงานแต่งอยู่ ยังไม่ได้แพลนด้วยค่ะ แต่เจมส์เขาชอบทะเล ชามก็ชอบ ก็คงไปที่ไหนสักที่ที่มีทะเลค่ะ”
“อีกอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกคือ ชามเคยหมดศรัทธาในความรักไปพักหนึ่ง และชามคิดว่าความรักที่เราต้องการที่แท้จริงมันไม่สามารถที่จะเจอได้ แต่ว่าเจมส์เป็นคนที่ชามแอบชอบมาตั้งแต่เด็ก และชามว่าอีกหลาย ๆ คนในโรงเรียนก็แอบชอบเขา และชามก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรเพราะเราเป็นผู้หญิง แต่พอ 10 ปีให้หลังเจมส์เขาก็มาสารภาพว่าตัวเขาเองก็ชอบชามมาตั้งแต่เด็กเหมือนกัน แต่ก็ไม่คิดว่าคนไทยจะรักคนต่างชาติ เขาก็เลยไม่กล้าที่จะทำร้ายตัวเองด้วยการเข้ามาจีบ เขาก็เลยรอ และเหมือนพล็อตในหนังเลย พอเจอกัน 10 ปีความรักก็เปิดเผย (ยิ้ม) ความรักมันก็เลยเร็วขึ้นมาได้ เขาก็เลยขอแต่งงาน”
เจมส์ : “ชามเป็นความฝันของผมมาตั้งแต่เด็ก ทุกวันนี้ก็เหมือนฝันเป็นจริง และไม่คิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นในชีวิตของผม เหมือนยังอยู่ในความฝันอยู่เลย และผมก็ไม่สามารถที่จะมองหรืออยู่กับผู้หญิงคนไหนได้”
ธีมงานเน้นทุกอย่างในวัยเรียน ตอบแทนญาติพี่น้องและเพื่อนเจ้าบ่าวที่มาจากออสเตรเลีย
ชาม : “เริ่มตั้งแต่การ์ดแต่งงาน เป็นไอเดียของแม่ชาม อยากให้แขกเปิดมาแล้วหัวเราะทันที นี่คือธีมงานชาม ชามอยากให้มันเป็นอะไรที่ทุกคนมาแล้วมีความสุข ทุกคนยิ้มได้ตลอดเวลา ในงานก็จะมีย้อนเรื่องราวของเราสองคน ทุกอย่างอยู่ในวัยเรียนค่ะ สีก็จะเป็นสีเขียวทอง เป็นสีของออสเตรเลีย คือเมื่อเขาพร้อมที่จะทำให้ตัวเองเป็นฝรั่งหัวใจไทย ชามก็เลยอยากที่จะตอบแทนญาติพี่น้องเขาและเพื่อน ๆ ที่บินมาจากออสเตรเลียด้วย”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม