คำกล่าวที่ว่า
...อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา
น่าจะใช้ได้ดีกับเรื่องราวของ “มิ้นต์-ขนิษฐา ผาแสง” สาวน้อยวัย 17 ปี เจ้าของตำแหน่ง Miss Uncensored news Thailand 2015 การประกวดที่เปิดโอกาสให้สาวแท้ และสาวเทียม ขึ้นมาประชันความงามบนเวทีเดียวกัน
ลำพังการเป็นสาวแท้ที่คว้ามงกุฎมาครอง คงไม่ใช่เรื่องที่จะถูกนำมาขยายความด้วยความชื่นชมมากเท่ากับที่รู้ว่าปูมหลังของเธอ มาจากครอบครัวของคนเก็บขยะ โดยเรื่องราวถูกเปิดเผยในเฟซบุ๊ก Feel 96.5 rayong ที่ได้โพสต์ภาพ พร้อมระบุว่าเธอเป็นนางงามที่เป็นแบบอย่างที่ดี ที่ไม่อายที่จะบอกกับใครๆ ว่าเธอเกิด และเติบโตมาจากไหน ?
ที่สำคัญไม่เคยถือสา แม้จะถูกค่อนว่าเป็น “นางงามขยะ”
“ถามว่าอายไหมที่มีคุณแม่ทำอาชีพเก็บขยะขาย ไม่อายเลยค่ะ เพราะมิ้นต์เองยามว่างจากการเรียนก็จะมาช่วยแม่เก็บขยะ คัดเลือกขยะเพื่อเตรียมนำไปขายอยู่แล้ว ที่มิ้นต์มีทุกวันนี้ได้ ก็เพราะอาชีพนี้ ทุกอาชีพได้เงินมาอย่างสุจริต แล้วจะอายทำไมคะ หลังจากได้ตำแหน่งมิ้นต์ก็ถามแม่ว่าแม่จะเลิกทำอาชีพนี้ไหม แม่บอกว่าไม่เลิกหรอก จะเลิกทำไม อาชีพนี้ไงที่ทำให้ครอบครัวเรามีกินมีใช้ มีเงินส่งเสียลูกจนจบ ม.6”
สำหรับเวที Miss Uncensored news Thailand 2015 เป็นเวทีประกวดเวทีที่ 3 ของมิ้นต์ ซึ่งเหตุผลที่ตัดสินใจมาประกวดที่เวทีนี้นอกจากจะใกล้บ้านอย่างที่บอกแล้ว (เวทีประกวดจัดอยู่ที่อิมพีเรียลสำโรง บ้านของมิ้นต์อยู่สมุทรปราการ) เธอยังชื่นชอบในแนวคิดของเวทีประกวด ที่ให้โอกาสทั้งหญิงแท้และหญิงเทียมมาประกวดบนเวทีเดียวกัน ให้ความเสมอภาคในเรื่องเพศที่เท่าเทียมกัน เป็นเวทีแรกและเวทีเดียวของไทย และน่าจะเป็นเวทีเดียวของโลกด้วย ที่กล้าจัดประกวดนางงามแบบนี้
เมื่อเส้นทางชีวิตถูกลิขิตให้กลายมาเป็นนางงาม ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด ก็คือสถานภาพทางสังคม ทว่า สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย ก็คือการยอมรับในตัวตน
“ทุกวันนี้ก็ยังไปช่วยแม่เก็บขยะเหมือนเดิม อาทิตย์ละ 2-3 วันค่ะ เพราะเริ่มมีงานเข้ามาแล้วค่ะ มิ้นต์เซ็นสัญญากับทางกองประกวดฯ ไปแล้ว 5 ปี พี่ๆ ทางกองประกวดเป็นคนดูแลเรื่องงานให้ ตอนนี้น่าจะมีหนังกับละครติดต่อเข้ามา แต่ยังไม่สรุปชัดๆ ว่าจะได้เล่นเป็นอะไร ส่วนปลายปีนี้ ก็มีโปรเจกต์เป็นปฏิทินนางงาม ซึ่งถ่ายเสร็จแล้ว ก็ต้องแบ่งเวลาให้ดีๆ ตอนนี้ส่วนมากแม่จะไปเก็บ แล้วมิ้นต์จะมาช่วยแม่แยกขยะแต่ละประเภทอีกที เพื่อเอาไปขายค่ะ เคยขายได้มากที่สุด ก็หลายร้อยอยู่นะคะ คนอื่นๆ อาจจะมองว่าไม่เยอะ แต่สำหรับมิ้นต์และแม่ทุกบาททุกสตางค์ที่หามาได้ มันมีค่ามากๆ ค่ะ บางวันก็ไปช่วยแม่ขายเสื้อผ้ามือสองตามตลาดนัดด้วยค่ะ"
ว่าไปแล้วกราฟชีวิตของมิ้นต์ ก็ไม่ต่างอะไรกับ “เดซี่-สมชาย เล็กน้อย” เจ้าของเวทีการประกวด Miss Uncensored news Thailand 2015 ซึ่งก็ไต่เต้ามาจากชีวิตที่ต่ำกว่าศูนย์ จากเด็กบ้านแตก ต้องเร่เก็บขยะขาย ซุกหัวนอนในบ้านแคบๆ แถวดงยาเสพติด สุ่มเสี่ยงต่อการเสียคน เคยเกือบจะไปขายตัวที่บาร์เกย์แถวสีลม สุดท้าย ชีวิตก็พลิกผัน กลายมาเป็นเจ้าของนิตยสารบันเทิงรวม 10 ฉบับ ด้วยทุนเริ่มต้น 750,000 บาท ภายใน 2 ปี กลายเป็นมีเงินหมุนเวียน 10 กว่าล้าน จนเป็นที่มาแห่งฉายา “ตุ๊ดสลัมเงินล้าน” และได้รับการ “ฟันธง” จากหมอดูคนดังว่าจะกลายเป็น “เจ้าแม่สื่อบันเทิง” คนใหม่
หลายคนอาจจะมองว่า “เดซี่-สมชาย เล็กน้อย” ตั้งใจล็อกรางวัลชนะเลิศให้กับน้องมิ้นต์ เพราะมีวิถีชีวิตใกล้เคียงกัน นั่นก็อาจจะเป็นส่วนหนึ่ง แต่อีกเหตุผลหนึ่ง ต้องไม่ลืมว่าตัวเดซี่เอง เติบโตมาจากการเป็น บอ.กอ. นิตยสารแนวปาปาราซซี่ และคร่ำหวอดอยู่ในวงการสื่อมานาน ฉะนั้น จึงย่อมรู้กลยุทธ์ในการจะดันให้เวทีประกวดน้องใหม่เวทีนี้แจ้งเกิด ซึ่งเหตุผลหลัง ดูจะมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ทันทีที่มีข่าวดรามาตามออกมา ว่าแท้จริงแล้วน้องมิ้นต์มีวุฒิการศึกษาแค่ชั้น ม. 3 แต่ระบุในใบสมัครว่าจบ ม. 6 ตามคุณสมบัติของผู้เข้าประกวด ซึ่งตามกฎจะต้องโดนยึดตำแหน่ง และเงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมมงกุฎ และสายสะพาย ทั้งหมดคืน
ดรามาภาคต่อของเรื่องนี้ จึงตามมาด้วยซีนเศร้าเคล้าน้ำตาของน้องมิ้นต์ที่วิงวอนขออย่ายึดตำแหน่งและรางวัลคืน เพราะที่ทำไปเพราะต้องการช่วยเหลือครอบครัวจริงๆ ซึ่งทางกองประกวดก็ออกตัวว่าจะนำเรื่องพิจารณาอีกครั้ง ท่ามกลางกระแสความเห็นใจน้องมิ้นต์ที่ถาโถมในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะชายหนุ่มคนหนึ่งถึงขนาดโพสต์ข้อความฝากถึงกองประกวด
“ฝากถึงกองประกวด น้องมินต์ ทำผิดจริงที่คุณสมบัติไม่ครบแล้วไปสมัคร แล้วดันได้ที่ 1 ซึ่งน้องคงดีใจมากๆ ที่ได้รับเงินรางวัล 30,000 บาท ถ้ากองประกวดจะยึดเงินรางวัลจริงๆ ให้น้องติดต่อมาหาพี่ด่วน พี่จะช่วยเหลือครอบครัวน้องเอง ด้วยเงิน 30,000 บาท ช่วยเหลือในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง ไม่เกี่ยวข้องกับหลักเหตุผลใดๆ พี่เข้าใจว่า เวลามันจน มันทรมานแค่ไหน พี่ผ่านจุดนั้นมาก่อน”
จริงๆ เรื่องนี้ก็ต้องมองในรอบด้าน เห็นใจส่วนเห็นใจ กตัญญูส่วนกตัญญู แต่ถ้าผิด ก็ต้องว่ากันไปตามเนื้อผ้า อย่ามองว่ากองประกวดตัดสินใจคนที่วุฒิการศึกษา คนจะดี จะเลว ไม่ได้วัดกันจบอะไรมานั่นไม่เถียง แต่คนที่มีการศึกษาน้อย หรือฐานะยากจน ก็ไม่มีสิทธิที่จะทำผิด โดยไม่ได้รับการลงโทษเหมือนกัน น้องมิ้นต์เองก็ไม่ผิดที่จบเพียงแค่ ม. 3 เพราะฐานะไม่เอื้ออำนวย แต่ความผิดที่ให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ ก็เป็นเรื่องที่จะต้องนำมาสู่กระบวนการตัดสินตามกฎกติกาที่วางไว้ แต่จะโทษน้องมิ้นต์ฝ่ายเดียวก็ไม่ได้ กองประกวดเอง ก็มีส่วนผิด ที่ไม่ได้คัดกรอง หรือตรวจสอบข้อมูลของผู้เข้าประกวดให้ถี่ถ้วนก่อนเพราะฉะนั้นก็ต้องถือว่ามีความผิดร่วมกัน
แต่สรุปแล้วเรื่องนี้ ก็จบแบบเนียนๆ ตามฟอร์ม ด้วยการที่กองประกวดตัดสินไม่ยึดเงินและของรางวัลคืน เพราะเห็นแก่ความกตัญญูของน้องมิ้นต์ ก็ไม่แน่ว่าไปๆ มาๆ สุดท้ายเรื่องทั้งหมดอาจจะเป็นบทที่ทางกองประกวดเซตไว้ตั้งแต่แรกแล้วก็ได้ !!??
ที่มานิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 312 31 ตุลาคม – 6 พฤศจิกายน 2558