“สา ลูกรู้มั้ยว่าคำว่าตำรวจ มันแปลว่าอะไร”
....................................
ถึงนาทีนี้ คงเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่า นับตั้งแต่การโกอินเตอร์หรือโกนานาชาติของดาราแอ็กชั่นที่ชื่อ “จา พนม” หรือ “โทนี่ จา” และมีผลงานออกสู่สายตาคนดูมาแล้วเรื่องสองเรื่อง ทั้งบทเล็กๆ ใน Fast 7 และ Skin Trade ที่เล่นกับ “ดอล์ฟ ลุนด์เกรน” แต่ทั้งหมดก็ยังไม่เด่นเท่าที่ควร ทั้งด้วยเหตุผลด้านบทบาทซึ่งยังน้อยอยู่ (Fast 7) และเหตุผลเกี่ยวกับตัวหนังซึ่งมาพร้อมกับสไตล์ที่อาจไม่ถูกเทสต์คนยุคใหม่อย่าง Skin Trade กระนั้นก็ตาม...ถึงนาทีนี้ คงเป็นที่ยอมรับได้อย่างชัดถ้อยชัดคำว่า เอสพีแอล ภาค 2 คืองานระดับนานาชาติที่ยอดเยี่ยมที่สุด ณ ตอนนี้ ของโทนี่ จา
เหตุผลที่ต้องพูดเช่นนั้น หาใช่อะไรอื่น หากแต่เป็นเพราะตัวเรื่องนั้นเปิดโอกาสให้จา พนม ได้ทำหน้าที่ในฐานะ “นักแสดง” ได้มากกว่าเรื่องก่อนๆ ที่ผ่านมา ผมเห็นว่า บทของ “ชัย” ที่จา พนม ได้รับในหนังเรื่องนี้ พูดได้ว่า “มีบท” จริงๆ เราจะเริ่มเห็นพัฒนาการด้านการแสดงของจา พนม และผมคิดว่าเขาก็คงจะรู้สึกเช่นนี้ ว่ากันตามจริง แม้แต่หนังที่ว่าดีที่สุดตั้งแต่ยุคแรกๆ ของจา พนม อย่าง องค์บาก ภาคหนึ่ง ก็ยังเป็นหนังที่ตั้งใจจะให้เป็นเหมือนโชว์รูมทางแอ็กชั่น แต่บทบาทการแสดงของจานั้น แทบจะเรียกได้ว่า “หน้าเดียวอารมณ์เดียวทั้งเรื่อง” คือขุ่นเคืองเคียดขึ้ง แต่สำหรับเอสพีแอล 2 นี้ โทนี่ จา ได้แสดงอารมณ์หลากหลาย ดีใจ เศร้าใจ หวาดหวั่น ได้ยิ้ม ได้พูด และได้แสดงความเป็นมนุษย์ที่มีทั้งเข้มแข็งและเปราะบางออกมา อย่างไรก็ดี ทั้งหมดนี้ที่กล่าวมา ไม่ได้จะบอกว่าเป็นงานแสดงที่ยอดเยี่ยมแล้วนะครับ เพราะจา พนม ยังมีโอกาสที่จะพัฒนาด้านการแสดงได้อีกมาก แต่สำหรับคำว่า “ดีที่สุด ณ ตอนนี้” คือคำที่เหมาะสมที่สุด
ขณะเดียวกัน ผมเห็นว่า สิ่งที่ดีมากๆ สำหรับโทนี่ จา ในคราครั้งนี้ก็คือ การได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังซึ่งถือว่าเป็นตำนานแอ็กชั่นเรื่องหนึ่งของฮ่องกง และมันเป็นหนังที่มีมิติด้านเนื้อหาเรื่องราวที่ค่อนข้างสลับซับซ้อน พูดจริงๆ ตอนที่ดูเอสพีแอลภาคหนึ่งซึ่งมีอายุครบสิบปีในปีนี้ ผมยังรู้สึกว่านี่คือหนังเรื่องหนึ่งซึ่งเล่นกับประเด็นความซับซ้อนยอกย้อนของตัวละครได้ดี มันอาจไม่ได้ซับซ้อนซ่อนเงื่อนแบบหนังฮ่องกงที่คนรักทั้งโลกอย่าง Infernal Affair แต่ส่วนที่มาชดเชยในจุดนั้นได้อย่างสนุกก็คือความแอ็กชั่นซึ่งโชว์มาร์เชี่ยลอาร์ต
ในหนังภาคหนึ่ง ฉากการต่อสู้ระหว่าง “ดอนนี่ เยน” กับ “อู๋จิง” หรือ “ดอนนี่ เยน” กับ “หงจินเป่า” คือฉากที่อยู่ในความทรงจำ ดังนั้น หากจะถามถึงข้อดีของเอสพีแอล ก็คงเป็นคำถามที่ว่า หนังจะมีฉากแอ็กชั่นให้เราได้ชมและรู้สึกระทึกไปได้ด้วยหรือเปล่า...
บอกเล่ากล่าวเรื่องสักสั้นๆ ครับว่า แม้จะเป็นหนังภาคต่อ แต่ เอสพีแอล 2 “โหดซัดโหด” (A Time for Consequences) ไม่ได้มีเนื้อหาเรื่องราวอะไรที่พาดโยงเกี่ยวข้องกับภาคหนึ่งเลย หนังแต่งเรื่องขึ้นมาใหม่หมด และให้บทแก่โทนี่ จา ในฐานะ “ชัย” ตำรวจไทยผู้เป็นที่ไว้วางใจของหัวหน้าพัศดี แต่ทว่าลูกสาวตัวน้อยของชัยกำลังป่วยด้วยโรคลูคีเมีย และเขาจำเป็นต้องหาเงินมารักษา ขณะเดียวกันก็กำลังมองหาคนใจบุญที่จะมาบริจาคอวัยวะภายในเพื่อเปลี่ยนถ่ายให้กับลูก อย่างไรก็ดี นอกเหนือไปจากเรื่องราวของชัย ผมคิดว่าความดีงามของหนังเรื่องนี้อยู่ที่การโยงเอาเรื่องราวของตัวละครสามสี่กลุ่มให้ค่อยๆ เดินมาเข้าหากันได้อย่างชาญฉลาด และที่สำคัญ ตัวละครสามสี่กลุ่มนั้นต่างก็มีแรงผลักดันและจุดมุ่งหมายซึ่งมีชีวิตเป็นเดิมพัน และสุดท้าย ชะตากรรมของแต่ละคนก็หลีกไม่พ้นที่จะต้องมาพาดเกี่ยวกันและกัน ความสนุกของมันก็จึงอยู่ตรงที่ว่า สุดท้ายแล้ว ใครจะได้สมปรารถนาในความปรารถนาของตนเองนั้น และกว่าจะสมใจในความปรารถนานั้น ก็ต้องกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันแบบเอาเป็นเอาตาย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่มาของฉากแอ็กชั่นการต่อสู้ที่พูดได้ว่าสนุกมาก
ถึงแม้ภาคนี้ ดอนนี่ เยน จะไม่มา แต่ทว่า “อู๋จิง”, “จางจิ้น” รวมทั้งโทนี่ จา ก็เข้ามาช่วยกันเติมเต็มได้ อู๋จิงอาจไม่ดังระดับโลกเหมือนกับเจ็ท ลี เหมือนกับเฉินหลง แต่ในเมืองจีน เขาคือซูเปอร์สตาร์ด้านมาร์เชียลอาร์ตที่มีแฟนๆ ติดตามเหนียวแน่น หน้าตาที่คมเข้มบวกกับทักษะในศิลปะการต่อสู้ ส่งผลให้บทของอู๋จิงมักมีความเข้มข้นเสมอๆ และเวลาดูฉากแอ็กชั่นของเขาก็หนักแน่นสมจริงในฐานะตัวจริงของศิลปะแขนงนี้ ขณะที่จางเจิ้น ผู้เติบโตมาจากเส้นทางสตั๊นแมน แต่เดิมก็เป็นนักกีฬาวูซู ซึ่งเป็นศิลปะการต่อสู้ที่อยู่คู่กับชาวจีนมายาวนาน คำว่า “วูซู” นี่แปลตรงๆ ก็คือ “วิทยายุทธ” ดังนั้นแล้ว ความเป็น “จอมยุทธ” จึงอยู่คู่กับจางจิ้น ถึงขนาดที่เขาเคยเป็นตัวแสดงแทนในฉากต่อสู้ให้แก่ “จางจื่ออี้” (จางซิยี่) ในเรื่อง Crouching Tiger Hidden Dragon ขณะที่ในหนังเรื่องนี้ หนังกำหนดให้บทของจางเจิ้นเทียบเท่ากับบทของหงจินเป่าในหนังภาคแรก นั่นก็จึงไม่แปลกที่ว่าสุดท้ายแล้ว เราจะได้เห็นหนังเปิดโอกาสให้เขาได้วาดลวยลายมาร์เชียลอาร์ตอย่างเต็มที่ ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น “กู่เทียนเล่อ”, “เยิ่นต๊ะหัว” ไปจนถึง “หลอฮุยกวง” ก็มีความเท่ในแบบของตัวเองตามแพทเทิร์นหนังฮ่องกงสไตล์นี้ที่ตัวละครทุกตัวมักจะมีความเท่ในแบบของตัวเอง
ไม่ว่าจะอย่างไร “อู๋จิง”, “จางเจิ้น” และ “โทนี่ จา” คือพลังแห่งสามประสานหลักๆ ที่เพิ่มน้ำหนักให้กับฉากแอ็กชั่นได้มันส์สะใจ ผมว่านานเหมือนกันแล้วนะครับที่เราไม่ได้ดูหนังแอ็กชั่นมาร์เชี่ลยอาร์ตดีๆ จากจีนฮ่องกงแบบที่เป็นมาร์เชียลอาร์ตเน้นตลาดของคนชอบแอ็กชั่นจริงๆ สำหรับแฟนเอสพีแอลอาจจะรู้สึกว่าฉากที่ดอนนี่ เยน ปะทะกับมือมีดอู๋จิงในภาคหนึ่ง รวมถึงดอนนี่ประฝีมือกับหงจินเป่ายังคงน่าจดจำและจัดหนักจัดเต็ม อย่างไรก็ดี สิ่งที่เอสพีแอล 2 ก็ได้ลูกขยันมากกว่า หนังมีฉากแอ็กชั่นการต่อสู้แทรกอยู่ตลอดทั้งเรื่อง มีทั้งฉากสั้นๆ และฉากใหญ่ๆ ตอนเปิดตัวเผยวรยุทธ์ของอู๋จิงและโทนี่ จา ครั้งแรกในคุก, ตอนแหกคุก, หรือแม้แต่ช่วงฮุกท้ายๆ ของหนังแบบสองรุมหนึ่ง ทั้งหมดนั้นไม่มีใครปฏิเสธได้ในความมันแห่งแอ็กชั่นการต่อสู้
และเอาเข้าจริง เมื่อส่งสายตามองเข้าไปในส่วนของตัวบทภาพยนตร์ ต้องยอมรับว่า บทหนังภาคนี้มีองค์ประกอบที่ล้ำไปกว่าภาคแรกค่อนข้างไกล เพราะอย่างที่รู้ว่า ตัวเรื่องของภาคแรกไม่ได้มีความสลับซับซ้อนอะไรมาก หนังพูดถึงการทำหน้าที่ของตำรวจและจิตวิญญาณความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของคนที่สวมเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ แต่พอมาภาคนี้ ต้องบอกว่าหนังเล่น “ท่ายาก” ขึ้นมาก หนังมีการเล่นกับตัวละครหลายกลุ่มที่สุดท้ายก็เข้ามาพัวพันกัน แต่ถึงจะเล่นท่ายาก หนังก็เล่าได้สำเร็จและงดงาม มีความน่าประทับใจในส่วนของเรื่องราวของตัวละคร มีความหดหู่และน่าเศร้าในเรื่องราวของพวกเขา แต่ยอดเยี่ยมตรงที่ทั้งหมดนั้นได้ถ่ายทอดให้เห็นทั้งความน่าเศร้าและงดงามของความเป็นมนุษย์ ทุ่มเท ต่อสู้ ดิ้นรน เสียสละ กระทั่งเห็นแก่ตัว
ถ้าจะมีมุมหนึ่งมุมใดที่คิดว่าเป็นประเด็นอันโยงใยคล้ายๆ เป็นโซ่เชื่อมต่อระหว่างหนังภาคนี้กับภาคที่แล้ว ก็คงเป็นเรื่องของตำรวจ อย่างน้อยที่สุด ตัวละหลักๆ ก็ยังผูกพันกับผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ หนังเก็บกวาดเอามุมมองจากภาคที่หนึ่งมาหลอมรวมไว้ในถ้อยคำเชิงคำถามเพียงประโยคเดียวที่ “ชัย” (โทนี่ จา) ถามลูกสาวของเขาว่า “สา ลูกรู้มั้ยว่าคำว่าตำรวจ มันแปลว่าอะไร” ประเด็นจากภาคหนึ่งก็ผุดพรายขึ้นมาในความทรงจำ
เท่ สนุก และงดงามครับ สำหรับเอสพีแอล 2...
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม