ผ่าชีวิตยอมตายคาเขียงของ “น็อต แม็กซิม” สไตล์ลิสต์ชื่อดัง ยอมรับคลั่งศัลยกรรม ถลกตั้งแต่หนังหัวยันตูด เลียนแบบดารา กราม ณเดชน์ , จมูก มาริโอ้ , ตา ชมพู่ อารยา ล่าสุดแก้ผ้าโกนขนของลับเพื่อทำซิกแพก สุดโหดเจอเสียบสายเข้าไอ้จ้อนเพื่อดูดเลือด โคตรมึนไม่กลัวการวางยาผ่าตัดคิดว่าซะนอนหลับฝันไปเที่ยวญี่ปุ่น คาดชาติที่แล้วคงทำบุญด้วยโบท็อกซ์กับเข็มฉีดยาเลยชื่นชอบการทำศัลยกรรมแถมร่างกายก็รับได้ฟื้นตัวเร็วเวอร์
คงจะได้ยินบ่อยๆ ที่เขาว่าทำบุญสวยชาติหน้า ทำหน้าสวยชาตินี้ การศัลยกรรมจึงกลายเป็นทางด่วนให้กับทุกคนที่อยากสวยอยากหล่อแบบเร่งรัดไม่ว่าจะเป็นดาราหรือคนทั่วไปก็ตาม บางคนไม่ได้ทำเพียงเพราะอยากดูดีเพื่อเสริมความมั่นใจให้ตัวเองเพียงอย่างเดียว แต่ทำเพราะเชื่อว่าเป็นการปรับโหงวเฮ้งเสริมเรื่องงานเรื่องเงินด้วย หลายครั้งที่คนหน้าตาดีมักจะมีโอกาสมากกว่าคนหน้าปลวก เรื่องหน้าตาจึงเป็นใบเบิกทางให้กับทุกเรื่องก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นชายจริงหญิงแท้หรือแม้แต่กะเทยก็เลยหันไปพึ่งศัลยกรรมกันหมด เช่นเดียวกับ “น็อต กฤติน จิกิตศิลปิน” พิธีกรและสไตลิสต์ชื่อดังของนิตยสารแม็กซิม และนิตยสารหัวดังๆ ในแผงเมืองไทยอีกหลายเล่ม ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ขึ้นเขียงให้หมอผ่าตัดเปลี่ยนทั้งตัว เริ่มตั้งแต่ถลกหนังหัวปลูกผม ยกหน้า งัดจมูก กรีดตา ผ่าปาก เลาะแก้ม เสริมกราม ล่าสุดเอาอีกผ่าตัดซิกแพกทำแผงหน้าอกให้บึ๊ก เจ้าตัวยอมรับคลั่งการทำศัลยกรรมมาก ยอมเจ็บปางตาย เสียเงินเกือบล้านเพราะเชื่อว่าการมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดีจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ
จากตุ๊ดแองกี้เบิร์ดหน้าบ้ง ผ่าตัดเลียนแบบดาราจนกลายเป็นส่วนผสมดารา กรามแบบณเดชน , จมูกมาริโอ้ , ตาชมพู่ อารยา
“ต้องย้อนไปตอนจะทำศัลยกรรมตอนแรกก่อนนะ จริงๆ ตอนแรกเราอยากทำซิกแพกเพราะงานที่เราทำมันทำให้เราต้องเจอแต่นายแบบหุ่นดีๆ ก็รู้สึกอยากมีหุ่นดีๆ เหมือนเขา แล้วเมื่อปีที่แล้วเราก็ไปคุยกับคุณหมอกมล ซึ่งเป็นเจ้าของคลินิกที่ทาวอินทาวน์ ปรากฏว่าพอบอกว่าเราอยากทำซิกแพกค่ะ คุณหมอกลับบอกว่าคุณน็อตเปลี่ยนหน้าก่อนดีกว่ามั้ย(หัวเราะลั่น) ซึ่งตอนนั้นฉันก็คิดว่าฉันสวยแล้วนะเข้าใจความรู้สึกมั้ย(หัวเราะ) ตอนนั้นเราก็เลยทำแค่หน้าซึ่งก็ทำหมดเลยทั้งหน้า”
“คลินิกที่เราไปทำดีอย่างนึงคือเขาจะถามเลยว่า คุณมาทำหน้าคุณอยากเป็นแบบไหน เพราะบางคนทำออกมาสวยมากแต่พอมองกระจกแล้วมันไม่ใช่ฉัน ที่นี่เขาทดสอบเรื่องของจิตใจยิ่งกว่าผ่าตัดแปลงเพศอีกนะ เราบอกโจทก์คุณหมอไปว่าอยากหล่อแบบหวานๆ แล้วอยากให้คนที่มองเราพูดว่า โห..ไม่น่าเป็นตุ๊ดเลย(หัวเราะ) คุณหมอก็จัดมาเลยจ้าปริ๊นท์รูปออกมาจมูกมาริโอ้ กรามณเดชน์ ตาชมพู่ อารยา ตอนทำตื่นเต้นมาก ที่ทำก็มีดึงหนังตาขึ้น เขาเรียกติดกิ๊ฟท์ มันคือการกรีดหนังหัว 4 จุด ข้างใบหู 2 จุด เพื่อดึงหนังเข้าไปเพราะตอนแรกหน้าผมเหมือนแองกี้เบิร์ด เหมือนนกโกรธ ทุกวันนี้ประสาทสัมผัสตรงคิ้วเริ่มดีแล้ว เพราะตอนผ่าตัดคุณหมอเอาตะขอดึงคิ้วขึ้นไปแล้วก็เย็บๆ ซึ่งกว่าประสาทมันจะประสานได้ใช้เวลานานเหมือนกัน”
แก้จมูกรอบที่ 3 ผ่าปากคว่ำให้กลายเป็นปากยิ้ม
“แล้วก็ทำจมูก จมูกผมแก้ครั้งที่ 3 พอทำจมูกเสร็จปุ๊บก็ตามด้วยดูดไขมันตรงแก้ม แผลคุณหมอกรีดจากข้างในแล้วก็ดูด เสร็จแล้วผ่าปากเมื่อก่อนผมเป็นคนปากคว่ำปากตก หน้าอยู่เฉยๆ หน้าจะดูเหวี่ยงเป็นคนหน้าร้าย คุณหมอก็เลยกรีดปากให้เพื่อให้ปากมันดูยิ้ม อันต่อมาก็คือการใส่กรามคือเซาะกรามเพราะเมื่อก่อนหน้าผมจะเป็นเหมือนมะม่วง แต่ถ้าอยากหล่อเหมือนนายแบบฝรั่งหน้าต้องมีมิติ ซึ่งแผลทุกแผลอยู่ในปากเราหมดเลยนะ”
“สิ่งสำคัญที่สุดในการทำศัลยกรรมคือวิสัญญีนั่นคือหมอดมยา บางคนดมยาตื่นมาแล้วอ้วกเวียนหัวแต่ที่นี่โอเคมากผมตื่นมาไม่เป็นไรเลย ดมยาเสร็จพอสลบปุ๊บจิตผมไปญี่ปุ่นโน่น(หัวเราะ) ผ่าทุกอย่างพร้อมกันเข้าห้องผ่าตัดตอน 16.30 น. ผ่าเสร็จออกมา 05.30 น. นานมาก มันคือการผ่าตัดครั้งใหญ่ในชีวิตของเรา ตอนตื่นมามีผ้าพันหน้าและมีสายเดินเลือดเพื่อเอาเลือดเสียออกไม่ให้มันช้ำทั่วหน้าเลย เจาะเหมือนเอเลี่ยนเลย เจ็บมาก หิวน้ำมากแต่ไม่มีแรงดูดน้ำ ครั้งแรกที่ดูดน้ำความรู้สึกเหมือนเราเอามีดกรีดแล้วเอาน้ำราดคือเจ็บมาก แต่เราโชคดีที่ฟื้นตัวง่ายทำวันศุกร์ออกโรงพยาบาลวันอาทิตย์ และโชคดีที่ร่างกายชอบการศัลยกรรมมากไม่มีแอนตี้บอดี้เลย ร่างกายปรับสภาพได้ดีหมดเลย”
คลั่งศัลยกรรมหนักมาก ทุบเบ้าหน้าไม่พอ ล่าสุดขึ้นเขียงทำซิกแพก ถูกจับแก้ผ้าล่อนล้อนโกนขนที่ลับจนโล้นก่อนผ่าโหด 6 ชั่วโมง
“เราทำหน้าเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ส่วนซิกแพกเพิ่งมาทำเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมานี่เอง ก็เข้าไปคุยกับคุณหมอท่านเดิม ซึ่งครั้งนี้คุณหมอก็อนุญาตให้ขึ้นเขียงได้เลย ตอนแรกเราก็คิดว่ามันจะชิลล์ๆ ไม่ยาก เพราะเราเคยทุบหน้ามาแล้วโหดขนาดนั้นเรายังทนได้เลยทำซิกแพกทำไมจะทนไม่ได้ล่ะ ก็คิดแบบนี้ ก่อนผ่าตัดคุณหมอก็นัดให้ไปตรวจเลือด แล้วจะบอกว่าที่ดีใจกว่าได้ทำซิกแพกก็คือผลเลือดเราไม่เป็นเอดส์(หัวเราะ) ลุ้นมากยิ่งกว่าลุ้นหวย ดีใจมากที่ไม่เป็น ซึ่งเป็นอะไรที่แปลกมากเพราะวันที่คุณหมอนัดให้ไปผ่าตรงกับวันที่ 22 ซึ่งเป็นตรงกับวันเกิดเราพอดีเลย ตรงวันแต่แค่ไม่ตรงเดือนเพราะเราเกิดเดือนธันวาคม ส่วนวันที่ทำหน้าเมื่อปีที่แล้วก็ทำวันที่ 22 สิงหาคม ทุกอย่างมันลงล็อก คือเราเป็นคนที่เชื่อมั่นว่าในกิจกรรมใดก็ตามแต่ที่เราจะเปลี่ยนแปลงร่างกายเราหรือเปลี่ยนแปลงสิ่งที่พ่อแม่ให้มา เทวดาเขาต้องรับรู้และเขาต้องยอมให้เปลี่ยนด้วย เพราะเราไม่ได้เป็นคนล็อกวันเองนะ เรายังตกใจเลย แต่ก็ใช้วิจารณญาณเอานะคะแต่เราเป็นคนเชื่อเรื่องตรงนี้มากๆ”
“วันที่ขึ้นเขียงอันดับแรกคุณหมอให้เราซิตอัปก่อนไม่กำหนดครั้งเพื่อดูโครงสร้างของเรา เพราะทุกคนจะมีซิกแพกหมดไม่ว่าคนอ้วนคนผอมมีหมด พอซิตอัปซิกแพกมันก็จะเป็นโครงเบาๆ ขึ้นมา บางคนมี 8 แพก บางคนมี 6 ส่วนเราโครงมันขึ้นมา 8 แพก เสร็จคุณหมอก็มาวาดจุด เสร็จแล้วพยาบาลก็เดินมาบอกว่าเราต้องคลีนนะคะ เราก็เลยถามว่าคลีนอะไรคะ พยาบาลก็บอกว่าต้องโกนขนตรงที่ลับค่ะ(หัวเราะ) โอ้ยตายๆ เราก็บอกว่าเดี๋ยวโกนเองก็ได้นะคะ คือมันเขินไง พยาบาลบอกต้องโกนเพราะว่าต้องเจาะทะลวงไขมันเราตรงอวัยวะเพศเรา เราก็เลยบอกพยาบาลคนนั้นว่าหนูคะหนูเป็นผู้หญิงคนแรกที่ได้จับของพี่พลิกไปพลิกมา(หัวเราะลั่น) เราก็อายไงก็นอนดูโทรศัพท์แก้เขินไปจนโกนเสร็จคิดดูสิ”
“ขั้นตอนต่อไปคือเข้าห้องผ่าตัด ด้วยความที่เราเป็นเคสกรณีศึกษาให้เขา คนที่อยู่ในห้องก็เลยมี 15 คน เสร็จแล้วพยาบาลก็บอกคุณน็อตต้องถอดเสื้อผ้าทั้งหมดค่ะ เราก็เอาแล้วสิยังไงล่ะทีนี้ ก็ต้องถอดหมดเพราะเขาต้องเอาเบตาดีนมาล้างตัวเราเพื่อฆ่าเชื้อเพราะเขาให้ความสำคัญมากเรื่องของเชื้อโรคเพราะมันติดเชื้อได้ง่าย คิดดูสิเราต้องยืนแก้ผ้าตัวล่อนจ้อนโล้นไปหมดต่อหน้าประชาชี(หัวเราะ) เราก็เอาวะหลับตาจะได้มองไม่เห็นใคร แล้วก็สวดมนต์ไปเรื่อยๆ เพราะเราไปปฏิบัติธรรมมาก็จะสวดได้ ก็คือว่าการผ่าตัดครั้งนี้เหมือนเกิดใหม่อีกครั้งเพราะทุกครั้งที่ผ่าต้องมีการวางยาสลบนั่นหมายความว่าจิตเราออกจากร่างไปแล้ว ฉะนั้นการฟื้นหลังจากนี้คือการเกิดใหม่ เราก็สวดมนต์ๆ จนพยาบาลล้างเสร็จก็ให้เราเดินขึ้นไปนอนบนเตียง คุณหมอก็มาเข้ามาวางยาสลบเหตุการณ์หลังจากนั้นก็ตัดไปเลย มารู้สึกตัวอีกทีประมาณตีสามของอีกวันนึง เราตื่นมาแล้วก็ถามหมอว่าทำกี่ชั่วโมง คือเรานอนให้น้ำเกลือตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมตัว แต่หมอพาเรามาห้องผ่าตัด 16.30 น. ใช้เวลาผ่าเกือบ 6 ชั่วโมง เพราะเราไม่ได้ผ่าแค่ซิกแพกแต่เราใส่แผงหน้าอกด้วยเพื่อให้มันบึ๊กๆ ซึ่งคุณหมอใช้ไขมันในส่วนต่างๆ ในร่างกายเราเขาก็ดูดเซาะๆ เอาแล้วก็กรีดหัวนมเราเพื่อที่จะเอาไขมันใส่เข้าไป แล้วก็เจาะข้างหลังเราด้วย พอตื่นขึ้นมามันเจ็บมาก”
โอดชีวิตตุ๊ดลำบากโคตร โดนเสียบสายเข้าอวัยวะเพศเพื่อดูดเลือดทิ้งเจ็บสุดๆ ผ่าได้แค่ 3 วันต้องลุกไปทำงาน เดินอย่างกับคนโดนรุมโทรมมา
“ตอนที่เราทำหน้าพอหมอวางยาสลบจิตเราไปโผล่ที่ญี่ปุ่นไม่รู้ดูชินจังมากไปรึเปล่านะ(หัวเราะ) แต่ครั้งนี้พอเราตื่นมาคำแรกที่ร้องออกมาคือคุณย่า เราเรียกหาย่าเราแล้วน้ำตามันก็ไหลออกมาเอง ร้องไห้จนหมอนเปียกจนหมอตกใจ คนเราเวลาที่โดนยาสลบนั่นคือเราตายแล้วครั้งนึงนะ เวลาที่จิตออกจากร่างไปแล้ว แล้วจิตนั้นกลับเข้ามานั่นคือจิตใต้สำนึกของเรา เราคิดถึงใครมีความผูกพันกับใครมันจะออกมาเลย เหมือนเราเกิดใหม่น่ะ พอฟื้นปุ๊บก็อยู่ในสภาพโดนพันผ้าทั้งตัวเหมือนมัมมี่ แล้วตรงอวัยวะเพศเราก็มีสายเดินเลือดที่ตกค้างไหลออกเพื่อไม่ให้ช้ำ เรานอนในนั้นจนถึง 06.00 น. เขาถึงย้ายเราไปห้องพักฟื้นเราขยับตัวไม่ได้เลยมันเจ็บร้าวไปหมด ทน 1 วันหมอถึงเอาสายที่เสียบอวัยวะเพศเราออก แล้วจะบอกว่าตอนดึงออกนะโอ้ย!เจ็บมาก(ลากเสียงยาว) พยาบาลนับ หนึ่ง สอง สาม ดึงปุ๊บ เราร้องกรี๊ดลั่นห้องเลย(หัวเราะ)”
“เรานอนโรงพยาบาลแค่ 3 วันเพราะมีงานซึ่งเป็นงานที่ล็อกไว้ตั้งแต่ก่อนผ่าแล้ว ถึงจะเป็นอะไรก็ตามเราต้องมีความรับผิดชอบต่องาน แต่ไม่อันตรายเพราะหมอบอกว่าถ้าเราแข็งแรงก็ออกได้เลย แต่จริงๆ ต้องพักฟื้นนานกว่านั้นนะ วันที่ออกโรงพยาบาลขับรถกลับบ้านเองด้วย จิตเราเป็นคนกำหนดหมด ถ้าจิตบอกเจ็บมันก็เจ็บ ถ้าจิตบอกเดี๋ยวก็หายมันก็จะหาย วันที่ไปถ่ายปกคนแรกที่เห็นคือโทนี่ รากแก่น น้องบอกพี่เก่งมากที่ทำงานได้เฉยเลยทั้งที่ตัวยังเขียวช้ำ แล้วตอนเดินสภาพเหมือนโดนรุมโทรมมา(หัวเราะ) ชีวิตตุ๊ดมันลำบากมากจริงๆ นะ เราโชคดีที่ฟื้นตัวเร็วแค่อาทิตย์เดียวก็เดินได้ปกติแล้ว”
หมอการันตีซิกแพกจะอยู่ตลอดชีวิตไม่มียุบไม่มีหาย แฮปปี้คุ้มที่เจ็บปางตาย
“หลังจากนี้ต้องระมัดระวังเรื่องของการกินอาหาร และออกกำลังกายเพื่อให้ซิกแพกคงสภาพอยู่ตัวและทำให้ซิกแพกอยู่นาน ซึ่งไม่ได้ซีเรียสว่าต้องออกกำลังกายแบบไหน คุณทำอะไรได้แค่ไหนทำเลย เราก็เริ่มเล่นจากเบาๆ ไปก่อน และจะบอกว่าการที่เราไปทำซิกแพกมันทำให้เรามีแรงจูงใจมีเป้าหมายในการออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น (ซิกแพกที่ทำมา ถ้าเวลาผ่านไปนานๆ เข้าจะหายไปมั้ย?) ไม่หายถ้าเราดูแลตัวเองตามที่คุณหมอแนะนำไม่มีทางหายแน่นอน(เน้นเสียง) ส่วนสุขภาพก็ปกติสามารถใช้ชีวิตได้ปกติทั่วไปเหมือนตอนที่ไม่ได้ทำ วิธีการของเราคือทางลัด คนอื่นเล่นเป็น 1-2 ปี ถึงจะมีซิกแพก มีคนมาถามเราว่าออกกำลังกายนานมั้ยกว่าจะได้ขนาดนี้ เราบอก 3 วัน(หัวเราะ) วันที่ไปถ่ายแบบชมพู่ อารยา ขอถ่ายรูปซิกแพกส่งไปให้สามีดู ทุกคนตื่นเต้นหมด เมื่อก่อนคนรอบข้างจะเห็นเราผอมๆ พอเรามีซิกแพกขึ้นมาความภูมิใจความมั่นใจก็เกิดขึ้น แล้วยิ่งทำให้เราต้องดูแลรักษามันไว้นานๆ ในเมื่อเรามีทางลัดที่ดีแล้ว”
ลั่นถึงจะเสพติดศัลยกรรมแต่ไม่ได้สนับสนุนให้คนอื่นบ้าตาม แนะก่อนจะทำควรศึกษาดีๆ และเลือกโรงพยาบาลที่เก่งๆ
“อันดับแรกก่อนจะทำเราต้องศึกษาให้ดีๆ ก่อน หาโรงพยาบาลดีๆ ในไทยมีที่เก่งๆ หลายที่ฉะนั้นเราต้องศึกษาก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะไปดูดไขมันกันง่ายๆ โดยที่ไม่ศึกษาอะไรเลยไม่ได้ วิสัญญีแพทย์สำคัญที่สุดต้องเก่ง ทุกครั้งที่มีการผ่าตัดต้องมีหมอดมยานะ คนเราเวลาโดนยาสลบนั่นคือตายแล้วนะเพราะจิตเราออกจากร่างแล้ว ชีวิตเราตายแล้วเกิดใหม่ถ้านับหลักๆ ก็ 2 ครั้งคือตอนทุบหน้ากับทำซิกแพก เราตื่นเต้นทุกครั้ง”
“ถึงเราจะชื่นชอบการทำศัลกรรม แต่เราไม่ได้บอกว่าเฮ้ยมาทำซิกแพกกันเถอะไม่ต้องไปออกกำลังกายไม่ใช่นะ เราแค่มองว่ามันเป็นทางเลือกของคนที่อยากมีแต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย แต่สำหรับคนที่มีโอกาสมีกำลังทรัพย์ในการทำก็ทำแล้วคุณจะรักที่จะดูแลตัวเองมากขึ้นเพราะเราต้องระมัดระวังการกินการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เราโชคดีที่เป็นคนฟื้นตัวง่าย และโชคดีที่ร่างกายชอบการศัลยกรรมมาก ไม่มีแอนตี้บอดี้เลย ร่างกายปรับสภาพได้ดีหมดเลย ยอมรับว่าเป็นคนเสพติดศัลยกรรมมากทำอะไรไม่เคยผิดพลาดเลย เกิดมาเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเองไม่เข้าใจเหมือนกัน ชาติที่แล้วคงทำบุญด้วยโบท็อกซ์ด้วยเข็มฉีดยามั้ง(หัวเราะ) เราคิดว่าอยู่ที่ใจมากกว่าถ้าใจเราเด็ดเดี่ยว ใจเราเข้มแข็งมันก็ทำได้หมดแหละ อนาคตถ้าจะทำอีกเราอยากดึงหนังหน้าให้ตึง แก่ตัวไปเราไม่อยากเหี่ยวอ่ะ(หัวเราะ)”
อยากสวยต้องลงทุน หมดค่าผ่าหน้าผ่าซิกแพกไปเกือบล้าน เปิดใจทำเยอะขนาดนี้เพราะอยากดูดี เชื่อการมีรูปลักษณ์ภายนอกที่ดีจะเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ
“คนทุกคนอยากสวยอยากหล่อหมด คนทุกคนอยากดูดีหมด คนที่บอกแอนตี้ศัลยกรรมพ่อแม่สร้างมาดีแล้วทำไปทำทำไมโน้นนี่ เราจะบอกว่าลองทำสักอย่างนึงสิจะติดใจเหมือนเรานี่แหละ เราคิดว่าถ้าใครมีโอกาสทำก็ทำหมดแหละคนเราพอดูดีความมั่นใจมันก็มีตามมา หน้าตาเป็นด่านแรกที่จะทำให้คนประทับใจ เวลาสมัครงานเขาดูหน้าตาเราก่อนมาดูความสามารถด้วยซ้ำ แต่หน้าตาดีแล้วไร้ความสามารถก็ว่ากันอีกที อย่างที่บอกรูปลักษณ์ภายนอกมันเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ เราก็เลยต้องดูแลตัวเองตลอดเวลา แล้วบวกกับตอนนี้เรามีโอกาสได้ไปทำงานเบื้องหน้าสิ่งเหล่านี้จึงมีส่วนสำคัญมากๆ ทุกคนมีเหตุผลในการทำ ค่าทำหน้าทั้งหมดก็ 3.2 แสนบาท ส่วนค่าทำซิกแพกรวมทำอกก็ประมาณ 4 แสนนิดๆ ถ้าแยกเฉพาะค่าทำซิกแพกก็ 1.8 แสนบาท”