xs
xsm
sm
md
lg

ต้องมีอะไรมากกว่าผู้ชายได้กัน! “บอล” ปฎิวัติหนังเกย์ อยากให้คนยอมรับเพศที่สาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“บอล วิธวัฒน์” มั่นใจมาถูกทาง จับหนังเพศที่สามแล้วได้กำไร เผยต้องเจาะกลุ่มเฉพาะทางเพราะสู้ค่ายใหญ่ไม่ได้ บอกลงทุนไม่ถึงล้าน ฟีดแบ็กดีจนต้องทำภาคสอง ย้ำไม่หวังรายได้แต่มั่นใจไม่เข้าเนื้อ ฟุ้งไม่เอาฉากหวือหวาเป็นจุดขาย อยากให้เป็นหนังฟิลกู๊ด บอกอยากให้คนยอมรับเพศที่สามต้องปฏิวัติหนังเกย์ ต้องทำให้หนังมีอะไรมากกว่าคนเข้าไปเสพแค่ฉากเซ็กซ์ เผยเรื่องต่อไปยังเน้นหนังเพศที่สามเหมือนเดิม

นอกจากจะทำงานเบื้องหน้าแล้ว ตอนนี้นักแสดงหนุ่ม “บอล วิธวัฒน์ สิงห์ลำพอง” ยังรับหน้าที่ผู้ผลิตภาพยนตร์ในนามบริษัท มั่งมี โปรดักชั่นส์ จำกัด ทั้งนี้ภาพยนตร์เรื่องแรกอย่าง Love's Coming ใช่รักหรือเปล่า ก็ได้การตอบรับอย่างดีทั้งในและต่างประเทศ เลยมีกระแสเรียกร้องให้ทำภาคสองต่อ ซึ่งล่าสุดเลยกลายมาเป็นเรื่อง Love Love You ที่เปิดรอบปฐมทัศน์ไปเป็นที่เรียบร้อย ณ โรงภาพยนตร์ เอสพลานาด รัชดาฯ ซึ่งหนุ่มบอลก็เผยว่าการที่ตัดสินใจทำหนังเพศที่สามต่อเนื่อง เพราะเป็นแนวถนัดและทุนต่ำ

“อย่างแรกคืออยากทำเพื่อสนองความต้องการของตัวเองด้วย อีกอย่างคือเราอยากทำหนังสักเรื่องหนึ่งไปฉาย แล้วพอมันสำเร็จมีคนดู กระแสมันกลับดีกว่าที่คิดไว้ และมีแฟนคลับหลายๆ คนเขาก็เรียกร้องมาว่าอยากให้มีภาคสอง ก็คิดว่ามันเหมาะสมที่จะทำภาคต่อ”

“มันก็คือหนังเกย์แหละครับ แต่จริงๆ ไม่ใช่ผมคนเดียวนะ มีทีมงานอีก 4 คนแล้วก็ภรรยาผมด้วย เราก็มานั่งคุยกันว่าถ้าเราจะทำหนังเนี่ย เราสู้ค่ายใหญ่ๆ ไม่ได้หรอก ไม่สามารถไปเทียบชั้นกับเขาได้ เราก็เลยคิดที่จะจับตลาดเฉพาะกลุ่มก่อน ก็คิดกันหลายอย่าง สุดท้ายก็มาลงตัวที่หนังเกย์ เพราะผู้กำกับของเราถนัดทางด้านนี้ด้วย แล้วเขามีพล็อตเรื่องอยู่แล้ว พอเสนอมาเราก็โอเค น่าจะทำได้ เพราะตอนนั้นตลาดหนังเกย์มันยังไม่ได้บูมเหมือนทุกวันนี้ ตอนนั้นที่เราเข้าฉาย เรามีคู่แข่งแค่ 2-3 เรื่องเอง แต่พอมาปีนี้กลายเป็นว่าหนังเกย์มันเริ่มบูมขึ้นมา มีคนดูเยอะขึ้น ตลาดขยายตัวมากขึ้น ไม่ใช่แค่เฉพาะเกย์เท่านั้นที่มาดู กลายเป็นว่าผู้หญิงที่เรียกตัวเองว่าสาววายมาดูกันเยอะมาก”

เราพยายามจะรักษามาตรฐานของเราให้มันเป็นหนังอินดี้ที่ใช้ทุนต่ำ แต่ทำออกมาได้สมบูรณ์แบบ ซึ่งงบของเราอยู่ที่ประมาณ 6-7 หลักเท่านั้น ไม่ถึงล้านครับ (ยิ้ม) ครั้งที่แล้วและครั้งนี้ที่ทำก็ไม่ถึงล้านครับ เราถึงใช้นักแสดงใหม่ๆ ทั้งหมด คือเราก็รู้จักผู้กำกับอยู่แล้ว น้องกัน (อรรถพันธ์ พูลสวัสดิ์) เองก็เคยมาช่วยเล่นหนังสั้นให้ก็เลยรู้จักกันมาก่อน แต่เราก็ไม่ใช่ว่าจ้างราคาถูกเวอร์เกิน ก็เป็นราคาที่สมเหตุสมผล"

“นี่พูดถึงในแง่โปรดักชั่นที่ไม่ถึงล้านครับ แต่ถ้ารวมค่าใช้จ่ายอื่นๆ มันก็เกินแหละ เพราะตอนโพสต์โปรดักชั่นเราก็โดนไป 6 แสนแล้ว นี่ยังไม่นับค่าฉายโรงอีก เราคิดแค่เรื่องโปรดักชั่นการผลิต ถ้าถามว่าภาคแรกได้กำไรไหม มันก็ได้ แต่ไม่เยอะ เราเสียค่านั่นนี่ ค่าประสบการณ์ไปเยอะ แต่เราก็ได้รู้จักเรื่องของคอนเนคชั่นในการทำตลาด ในการขาย และเราก็ไม่ได้มีชื่อเสียง ไม่ได้มีศักยภาพในการขอสปอนเซอร์เลย เพราะเราเป็นค่ายใหม่ ก็เลยต้องควักทุน”

ปลื้มทุนต่ำแต่ได้กำไรไม่เข้าเนื้อ บอกทำภาคสองเพราะแฟนคลับเรียกร้อง
“แต่รวมๆ แล้วเรียกว่าไม่เข้าเนื้อดีกว่า แต่ก็ได้ไม่เยอะ (ยิ้ม) คือภาคแรกพูดตรงๆ ว่าเราก็ทำใจไว้แล้ว คือไม่ได้แคร์เรื่องของรายได้ เอาแค่เราได้มีหนังสักเรื่องหนึ่งให้เป็นหน้าเป็นตาของเราแค่นั้นเอง แต่พอดีมันโอเค ก็เลยคิดว่าเราควรจะได้ไปต่อหรือเปล่า แต่ต้องบอกว่าทุนที่ไม่ถึงล้านเพราะเรามีหลายๆ ฝ่ายมาช่วย อย่างคนที่ร้องเพลงประกอบก็ได้คอนเนคชั่นจากพี่ชายผมเอง ทีมกล้อง ทีมงานหลายๆ คนเขาก็เต็มใจจะมาช่วย บางคนเราก็ใช้วิธีแบ่งเปอร์เซ็นต์จากรายได้ให้ไป”

“ส่วนถ้าถามถึงเรื่องคุณภาพของหนัง พูดตรงๆ มันก็ต้องตามอัตภาพแหละครับ ไม่ใช่ว่าจะดีเลิศเลออะไร คือผมพูดตรงๆ ว่ามีหนังบางเรื่องที่ลงทุนไม่ถึงแสนด้วยซ้ำ แต่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ เป็นหนังเกย์เหมือนกันนี่แหละ คือคนที่ทำหนังสเกลนี้บางรายเขาก็ทำออนไลน์มาก่อน พอมันมีกระแสก็เอามาฉายในโรง แล้วก็เป็นเฉพาะโรง อย่างที่เอสพลานาดนี่ ซึ่งในภาคแรกของเราก็เป็นสเกลนั้นเหมือนกัน เราคิดว่าเราจะฉายที่นี่ที่เดียว แต่ปรากฏว่าคนที่เราไปคุยคือทางเมเจอร์เขาเมตตาเรา เขาขยายโรงให้เราในวีคที่สอง”

“ก็มีไปขายต่างประเทศด้วยครับ แต่มันเป็นปัญหามาก คือเราไม่เคยมีคอนเนคชั่นมาก่อนและด้วยความที่เราใหม่ การเจรจาอะไรเราไม่มีน้ำหนักเลย ก็โดนดึง โดนยื้อ โดนกดราคาสุดๆ แต่สุดท้ายก็คือเราทำเพื่อเอาคอนเนคชั่น เพื่อให้เราเคยได้ฉาย เคยได้ทำก่อน ซึ่งแม้มันจะไม่คุ้มค่าเลย แต่เราก็ถือว่าเราเคยได้คุย และเอาตรงนี้เป็นประสบการณ์ พอวันข้างหน้าเรารู้แล้วว่าขายแบบนี้ไม่เวิร์กแล้วเราควรจะไปช่องทางไหนดี”

“ถามว่าทำหนังเกย์แล้วทำให้รวยขึ้นไหม คือเราไม่ได้อยู่ในจุดที่จะคาดหวังเรื่องนั้นน่ะครับ เพราะมันก็หลายๆ อย่างนะ อย่างภาคนี้เรามีนายทุนเข้ามา เราก็จะต้องมีแบ่งผลประโยชน์ให้กับเขา สิ่งที่เราคาดหวังคือในภาคนี้เราทำได้ดีกว่าเดิมไหม ถ้าได้ดูภาคแรกก็จะรู้ว่าเรามีปัญหาหลายอย่าง ชัดๆ เลยคือเรื่องเสียง เรื่องตัดต่อ ทำโพสต์โปรดักชั่นมันไม่ค่อยดี ถ้าภาคนี้เราคาดหวังว่าเราทำโพสต์โปรดักชั่นอย่างเต็มที่ เรามีเพลงที่ดีขึ้นโดยนักร้องคนเดิม เรามีโอกาสหลายๆ อย่างเข้ามา มีสปอนเซอร์เข้ามา ทำให้เราทำงานได้ง่ายขึ้น กองเราก็ใหญ่ขึ้น"

“ที่ตัดสินใจทำภาคสองเพราะเรามีแฟนคลับอยู่จำนวนหนึ่ง เราก็เช็กมาบ้างแล้ว ไม่ใช่ว่าอยู่ดีๆ เรานึกจะทำก็ทำ เราซาวด์เสียงแฟนคลับและดูหลายๆ อย่างก็คิดว่ามันน่าจะโอเค และอย่างน้อยที่สุดผมว่าไม่น่าจะขาดทุน เพราะต้นทุนเราไม่สูง นักแสดงก็มีส่วนครับ แต่ก็ไม่ใช่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ที่เราเลือกมานี่เพราะภาคแรกเขาติดตลาดอยู่แล้ว มีแฟนคลับกันอยู่แล้ว และตัวพระเอกเองตอนนี้เขาก็มีโอกาสได้ไปคุยกับค่ายเพลงที่เกาหลีด้วย เราก็ยินดีกับเขาด้วย แต่ที่ต้องมีการเปลี่ยนตัวเพราะมันมีเหตุผล ผมไม่ขอพูดดีกว่า แต่มันมีเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนจริงๆ พูดตรงๆ ว่าถ้ามันไม่มีเหตุผลที่สำคัญจริงๆ เราก็คงไม่อยากเปลี่ยน เพราะยังไงมันกระทบอยู่แล้วทั้งตัวของคนเก่าและคนใหม่เอง”

ยันไม่คิดทำแนวเลิฟซีนหวือหวาเหมือนใครถ้าไม่จำเป็น
“มาถึงตอนนี้ก็ยังตอบไม่ได้ซะทีเดียวว่าเรามาถูกทางไหมกับการทำหนังเกย์ แต่เราก็มีความสุขในงานที่เราทำ เรารู้สึกว่าเราทำออกมาแล้วอย่างน้อยเรามีคนดู มีแฟนคลับที่เขาชอบในหนังเรา และที่เราไม่เลือกทำให้มันดูหวือหวาเหมือนคนอื่น เพราะเราอยากมีทางของตัวเอง พูดตรงๆ คืออยากให้เป็นหนังที่ฟีลกู๊ด ดูแล้วได้รอยยิ้มมากกว่าที่จะทำให้มันดาร์กเลย ผมชอบแบบนี้นะ เพราะถ้ายิ่งทำฉากเลิฟซีนหวือหวาออกไปมันจะยิ่งตอกย้ำให้คนมองภาพหนังเกย์ไปในทางที่ว่าหนังเกย์จะต้องดาร์ก ต้องดุเดือดถึงจะขายได้ แต่เราอยากจะนำเสนอในอีกมุมมองหนึ่ง คือความน่ารักของคู่ผู้ชายกับผู้ชายมันก็ยังมีอยู่นะ ไม่ใช่เอะอะจูบปากอะไรอย่างนั้นซะทีเดียว”

“แต่ก็ต้องยอมรับว่าฉากแบบนั้นมันเป็นจุดดึงดูดเหมือนตีหัวเข้าบ้านน่ะ แต่สุดท้ายแล้วพอเอาไปใส่ในหนังมันไม่ใช่สิ่งที่คนบอกต่อ คือคนเข้าไปดูเพื่อจะเสพสิ่งพวกนี้ แต่เขาก็ไม่บอกต่อ ไม่เอาไปพูดกับคนอื่นว่าหนังมันดีอย่างนั้นอย่างนี้ ออกมาแล้วรู้สึกดี ผมมองว่าความฟีลกู๊ดของหนังมากกว่าที่จะทำให้คนไปบอกต่อ เอาตรงๆ ตัวผมน่ะไม่อยากทำให้มันไปดาร์กขนาดนั้น และไม่ใช่ว่าทำหนังออกมาเพื่อขายตรงนั้นอย่างเดียว ผมไม่ทำแน่ๆ แต่ว่ามันอยู่ที่พล็อตด้วย สุดท้ายแล้วพล็อตมันจำเป็นต้องเล่าเรื่องพวกนี้ไหม ถามว่ามันจำเป็นต้องมีไหม ในบางเรื่องมันก็อาจจะต้องมีเพื่อเล่าถึงการแสดงความรัก แต่ก็จะไม่ดูดดื่มขนาดนั้น เพราะผมมองว่ามันไม่จำเป็น ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่ทำ”

“ถามว่าหนังเกย์ให้อะไรกับสังคม คนส่วนใหญ่อาจจะมองว่าแค่ผู้ชายได้กัน มันไม่ใช่นะครับ คือเรากำลังนำเสนอว่าการที่ผู้ชายรักผู้ชายในสมัยนี้มันไม่ใช่เรื่องที่ผิด และยุคนี้ก็ไม่ใช่เมื่อร้อยปีที่แล้วอย่างในละครที่ผมเล่นชิงรักหักสวาท ไม่ใช่ครับ ยุคนี้ไม่ใช่แล้วครับ พ่อแม่หลายคนเขารับได้ เขาเข้าใจลูกมากขึ้น คือวัฒนธรรมมันไม่ได้ปิดกั้นเหมือนเมื่อก่อน การที่ผู้ชายเดินจับมือกัน การที่ผู้ชายรักกันมันไม่ใช่เรื่องที่ผิดอีกต่อไป และเราก็นำเสนอในเรื่องราวของความรัก เรื่องของผู้ชายกับผู้ชายในมุมมองที่ไม่ได้เล่าในทางเพศสัมพันธ์อย่างเดียว แต่เขามีมุมมองความรักกันยังไง เขารัก เขาหึงกันยังไง ผมว่าตรงนี้สำคัญ มันเป็นสิ่งที่ทำให้คนยอมรับในเพศที่สามมากขึ้น เราต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าทุกวันนี้เพศที่สามมีจำนวนมากขึ้น ใกล้ตัวมากขึ้น”

บอกเล็งหานายทุนต่างชาติ เปรยเรื่องต่อไปยังอิงเพศที่สาม
“ตอนนี้ในอาเซียนเราก็แทบทุกประเทศเลยนะครับ ในอินสตาแกรม ในเฟซบุ๊กของบริษัทน่าตกใจมากคือประมาณ 70-80% จะเป็นต่างชาติ แฟนคลับที่มากดไลก์ในไอจี 70% จะมาคอมเมนต์เป็นภาษาอังกฤษกับภาษาจีน จริงๆ ตอนนี้เราก็มีคุยกับนายทุนต่างชาติอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังดูกล้าๆ กลัวๆ ว่าเราจะทำอะไรยังไงได้บ้าง และเราเคยคุยอยู่เจ้าหนึ่ง แต่เขาไม่ได้ต้องการจะทำหนังแบบนี้ เพราะในประเทศเขาหนังแบบนี้ไม่เป็นที่ยอมรับ ผมไม่ขอพูดชื่อแล้วกัน แต่เป็นประเทศเพื่อนบ้านเรานี่แหละ"

“เรื่องต่อไปคิดเอาไว้แล้วครับ ก็ยังคงมีกลิ่นอายของเพศที่สามอยู่บ้าง ยังไม่ทิ้งซะทีเดียว เพราะเราก็ยังอิงแฟนคลับที่เรามีอยู่ เพียงแต่ในเรื่องต่อไปเราคุยกันแล้วว่าจะทำให้แมสมากขึ้น แต่คงไม่ใช่แนวหญิงรักหญิงครับ (ยิ้ม) คือไม่ถนัด แต่ถามว่าชอบไหม ผมชอบดูหญิงรักหญิงอยู่แล้วแหละ เพราะเราเป็นผู้ชาย (หัวเราะ) แต่ผู้กำกับของเราถนัดทางนี้มากกว่า เพราะเขาก็เปิดตัวว่าเขาเป็นเพศที่สาม เขาก็น่าจะถนัดตรงนี้มากกว่าที่จะทำหญิงรักหญิง และผมมองว่าปัจจุบันเรื่องของเพศที่สามที่เป็นชายรักชายมันเปิดมากกว่าหญิงรักหญิง คือชัดเจนกว่า และตัวตนของกลุ่มคนเหล่านี้เขาเปิดเผยตัวเองมากกว่า”






ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
กำลังโหลดความคิดเห็น