คอลัมน์เพลงวาน : โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
ในโลกของดนตรีหนักกะโหลก “เฮฟวี่ เมทัล” มีข้อมูล(ที่เกือบจะเป็นทางการ)ระบุว่า วงเฮฟวี่ภาคภาษาไทยวงแรกของเมืองไทยคือคณะ“เนื้อกับหนัง”(Fresh And Skin) พวกเขาได้ส่งอัลบั้มชุดแรกออกมาคือ “ฆาต-กัญชา”ซึ่งเอาไว้โอกาสเหมาะๆ ผมจะหาโอกาสเขียนถึงพวกเขาอีกที
ขณะที่ในโลกของดนตรีหลักกะโหลก(กว่า)อย่าง“แทรชเมทัล”(รวมถึงสปีด-เดธ)นั้น มีข้อมูล(ที่เกือบจะเป็นทางการเช่นกัน)ระบุว่า ผู้แผ้วทางบุกเบิกแนวทางดนตรีแทรชในบ้านเรานั่นก็คือวง“ดอนผีบิน” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากแค่เพียงอัลบั้มชุดแรกของพวกเขา
1…
ดอนผีบิน เป็นวงดนตรีทรีโอ 3 หนุ่ม 3 สม 3 พี่น้องตระกูล“แก้วทิตย์”กับเครื่องดนตรี 3 ชิ้น ที่เล่นกันได้อย่างแน่นปึ้กสุดมัน ประกอบด้วย “สมบัติ แก้วทิตย์” พี่ชายคนโต ขยี้สายกีตาร์และเป็นหัวหน้าวง, “สมศักดิ์ แก้วทิตย์” พี่ชายคนรอง กระหน่ำกลอง และ “สมคิด แก้วทิตย์” น้องคนสุดท้อง ตะปบเบส แหกปากร้องนำ
สำหรับชื่อวงดอนผีบินนั้น ไม่ได้มาจาก ดอน สอนระเบียบ,ดอน จมูกบาน,ดอนเมือง หรือ ดอนฮวน แต่อย่างใด หากแต่มาจากตำนานเรื่องเล่าอันสุดสะพรึงชนิดที่รายการคนอวดผีน่าจะไปพิสูจน์ กับตำนานของหมู่บ้านดอนตัน แห่ง อ.ท่าวังผา จ.น่าน ณ ดินแดนที่เป็นบ้านเกิดของพวกเขา 3 พี่น้องแก้วทิตย์ ซึ่งว่ากันว่าในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อนบริเวณที่ราบสูงของหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิสู้รบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างชนชาติ ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก
ครั้นเมื่อกาลเลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบันดินแดนแห่งนี้ได้กลายเป็นตำนานเล่าขานแบบปากต่อปากสืบต่อเรื่อยมาของชาวบ้านว่า ยังคงมีวิญญาณคนตายบางส่วนที่ยังไม่ไปผุดไปเกิดยังคงล่องลอยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ในคืนวันเพ็ญเคยมีคนเห็นแสงล่องลอยวนเวียน บางครั้งก็ได้ยินเสียงร้องครวญคร่ำ ครวญคราง จนเป็นเรื่องราวเล่าขานระบือไกลพร้อมกับการเรียกขานดินแดนแห่งนี้ว่า “ดอนผีล่องลอย”...บรื๋อ!?!
2...
3 พี่น้องแก้วทิตย์ เริ่มจับเครื่องดนตรีกันตั้งแต่เด็ก 13-14 ปี โดยมีดนตรีร็อก เฮฟวี่ เป็นพลังในการขับเคลื่อน จากนั้นได้ก่อตั้งวงดอนผีบินขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 แต่กว่าที่พวกเขาจะมีอัลบั้มแรกออกมาก็ต้องผ่านความลำบากยากเย็นมาไม่น้อยทีเดียว
วงดอนผีบินใช้เวลาทำเดโมอยู่หลายปี ควบคู่ไปกับการเก็บเกี่ยวบ่มเพาะประสบการณ์ จากนั้นพวกเขาต้องใช้เวลาอีกนานกว่า 1 ปี ในการออกหาค่ายเพลง (ซึ่งก็ดูเหมือนว่าการออกหาค่ายมวยจะยังง่ายกว่าเสียอีก) แต่ผลปรากฏว่าไม่มีใครรับ โดยแต่ละค่ายต่างก็มีเหตุผลแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น เน้นหน้าตา ต้องการผลงานจากหน้าตาศิลปิน หรือไม่ก็ต้องการให้ศิลปินทำตามแนวทางรูปแบบที่เขาอยากจะได้ แต่งานของดอนผีบินที่นำเสนอไปมันสำเร็จเสร็จเป็นรูปร่างหมดแล้ว
สุดท้าย 3 พี่น้องวงดอนผีบินจึงลงทุนทำเอง บันทึกเสียง ทำปก ออกแบบปก วาดภาพปกเอง ออกเทป และวางขายงานด้วยตัวเองจากเงินเก็บที่มีอยู่ ซึ่งก็กินเวลาไปอีกร่วม 2 ปี เบ็ดเสร็จแล้วต้องใช้เวลาถึงร่วม 8 ปี วงดอนผีบินจึงทำคลอดส่งอัลบั้มชุดแรกออกมา คือ “โลกมืด”
อัลบั้มชุดนี้ทางวงได้เปิดเผยคอนเซ็ปต์(ในภายหลัง)ผ่านเว็บไซต์ดอนผีบิน(http://www.donpheebin.com) ว่า
“คำว่าโลกมืดคือมีภัยมืดรอบตัวเป็นสิ่งที่น่ากลัว เราไม่รู้ว่าภัยนี้จะมาหาเราเมื่อไหร่ การต่อสู้ในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องที่เราจะต้องระวังตลอดเวลา ยิ่งในสังคมเมือง ไม่เฉพาะในกรุงเทพฯนะ กรุงเทพฯนี่อาจจะหนักกว่า แต่ว่าต่างจังหวัดก็มีเรื่องราวเหล่านี้ คนทุกคนเจออยู่ทุกวัน มันน่าจะเป็นเรื่องที่ควรจะเอามานำเสนอแล้วให้เรามีสติ คิดอะไรมั่งก่อนที่จะทำอะไรต่างๆ”...
“เพลงทั้งหมดที่บรรจุอยู่ใน โลกมืด ส่วนใหญ่นี่จะเป็นข้อมูลรอบตัวเรามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นความเป็นอยู่ การเลี้ยงชีพ อะไรต่างๆ เราได้ตรงนี้เยอะ เพราะในสภาพบ้านนอกนี่ก็มีอะไรที่เด่นชัด พูดง่ายๆ คือ หยิบตรงนั้นมาทำเป็นเพลง ระบายความรู้สึกออกมา เราอยากทำอะไรออกมาให้มีสาระ แล้วก็เป็นประโยชน์ต่อสังคมให้มาก...”(จากบทสัมภาษณ์ครั้งที่ 1 โลกมืด จาก นิตยสารสีสัน)
3...
“โลกมืด” เป็นอัลบั้มชุดแรกของวงดอนผีบิน ถูกส่งออกมาในช่วงปีพ.ศ. 2535 ที่วงการเพลงเฮฟวี่เมทัล(โดยเฉพาะจากเมืองนอก) กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในบ้านเรา แต่วงการเพลงแทรช เพลงใต้ดินในบ้านเรา ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่
โลกมืดเป็นอัลบั้มที่ทางวงดอนผีบิน ทำเอง ขายเอง มีทั้งหมด 10 เพลงตามสมัยนิยม เริ่มกันด้วย “ต่างคน”ที่กระหน่ำใส่กันมาไม่ยั้ง แต่เมโลดี้โน้ตกีตาร์สวย และภาคกีตาร์ในเพลงนี้ก็มันมาก ทั้งริทึ่ม กระชากคอร์ด ท่อนโซโลลูกนิ้วเร็วบรื๋อทางออกไปพวกนีโอ-คลาสสิกโน่น ขณะที่ภาคเนื้อหาดีทีนั้นว่าด้วยต่างคนก็ต่างมีความหลากหลาย ดีเลวปนเป แถมมีการนำคำพระ “...อัตตาหิ อัตโน นาโถ อัตตาหิ อัตโน นาโถ...” มาร้องแบบคำสวดในเพลง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเพลงไป
ถัดไปเป็น “โลกันต์โลกา” ชื่อเพลงเล่นคำดีทีเดียว เปิดเพลงมากับกีตาร์เล่นโน้ตเท่ๆ จากนั้นอัดกระหน่ำกันไม่ยั้ง หนักแน่น ดุดัน รวดเร็ว ก่อนจะมีเปลี่ยนพาร์ทมาเล่นบัลลาดผ่อนคลายกันนิดหน่อยแล้วไปอัดมันกันอีกครั้ง(โครงสร้างคล้ายเพลง Master Of Puppets ของเมทัลลิก้า ที่มีการดึงผ่อนกับบัลลาดเพราะในช่วงกลางเพลง)
“เพียงหนึ่งเดียว” นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงมันๆของวง เนื้อหาน่าฟังกับการต่อสู่จากภายในจิตใจของตัวเอง แล้วมาเบรกอารมณ์กันด้วย “ผ่านวัน” เพลงบัลลาดชั้นดีที่ตอนหลังกลายเป็นอีกหนึ่งเพลงฮิตของวง กีตาร์เล่นโซโลได้หวานแต่มีพลังและเด่นไปด้วยลูกอาเปจิโอตามแนวทางนีโอ-คลาสสิก
จากนั้นเป็น 2 เพลงบรรเลงมันๆ คือ “When the sun is going down” และ “Street of Life” ที่ตามต่ออารมณ์กันได้ดีทีเดียว กีตาร์โชว์ฝีมือเยี่ยมจนเป็นที่น่าจับตาในวงการ
ต่อมาเป็น “ลีลาลวง” ขึ้นนำมาด้วยลูกปิ๊กกิ้งกีตาร์ก่อนโอเวอร์ดับอัดทับอีกทีกับตัวโน้ตพลิ้วๆชวนให้เห็นภาพแห่งธรรมชาติ แล้วต่อด้วยลูกอาเปจิโอเมโลดี้สวยๆอันเป็นทางถนัดของวง ก่อนนำส่งเข้าท่อนร้องที่ใช้ภาษาเขียนเพลงออกมาได้เยี่ยม ดังตัวอย่าง “ดินแดนใดสดใสสวยงาม ดินแดนใดสดใสเริงร่า ผ่ามาหาไม่มี ผ่ามาหาไม่เจอ...” หรือท่อน “...ลีลาลวง ลีลาลีลาลีลาลวง ไม่เคยมีเลยสักคราเลยผ่านมาในดวงใจ เคยใฝ่ฝันหา วันเวลาผ่านมาลบเลือนเลือนลางร้างลา...”
นับได้ว่าเพลงลีลาลวงนั้นค่อนข้างลงตัวทั้งภาคดนตรี เนื้อหา ภาษา รวมไปถึงการสอดแทรกนัยยะทางความคิด ซึ่งหลังจากนั้นเพลงนี้ได้กลายเป็นเพลงเด็ดของวง และเป็นหนึ่งในสุดยอดเพลงเมทัลบัลลาดอมตะของบ้านเรา
“Back to the Nature” เพลงบรรเลงบัลลาดเพราะๆที่ฟังแล้วให้อารมณ์ต่อเนื่องกับลีลาลวงได้เป็นอย่างดี ทั้งลูกอาเปจิโอ ลูกโซโลอะคูสติกกีตาร์ หรือซาวนด์ของเสียงกีตาร์อ้วนๆในเพลง
ส่วน“ไกลบ้าน” ยังคงเป็นเพลงบัลลาดเพราะๆที่ดึงอารมณ์ให้กระชับขึ้นมาหน่อย นี่เป็นอีกหนึ่งเพลงดัง เพลงเจ๋งของวง เนื้อหาภาษาดี ขณะที่ท่วงทำนองติดหูง่าย ไม่ต่างจากทำนองเพลงป็อบเลยทีเดียว
ปิดท้ายกันด้วย “ทำไม” มีเสียงปืนกลบางๆขึ้นนำมา เสียงร้องไห้ของหนูน้อย ก่อนนำเข้าเพลงแบบบัลลาดหวานเศร้า(อีกแล้ว)กับอะคูสติกกีตาร์เสียงใสๆ จนอดคิดไม่ได้ว่าในช่วงครึ่งหลังของชุดนี่มันช่างเต็มไปด้วยเพลงบัลลาดเสียจริงๆ
แต่ว่าอารมณ์บัลลาดในเพลงนี้มีแค่พักเดียว เพราะพอท่อนเปลี่ยนพาร์ท พวกจัดหนักเล่นอัดใส่ในอารมณ์แทรชผสมสปีดมาเต็มๆ ทั้งดนตรี กีตาร์ เบส กลอง ซาวนด์ของเสียงร้อง ลูกริฟฟ์ ขณะที่เนื้อหาของเพลงนี้ก็ค่อนข้างสอดคล้องกับตำนานชื่อดอนผีบินไม่น้อยเลย
4...
ผ่านพ้นไปกับ 10 บทเพลงจาก“โลกมืด” อัลบั้มชุดแรกของวงดอนผีบิน ที่ช่วงครึ่งแรกจะเด่นในเรื่องของเพลงหนักๆ เพลงเร็วๆ ส่วนในช่วงครึ่งหลังจะออกไปทางเพลงช้า เพลงบัลลาดเสียมาก
โดยส่วนที่เป็นจุดด้อยสำคัญของอัลบั้มชุดนี้เห็นจะเป็นระบบอัดเสียงที่ไม่สมบูรณ์(ในสมัยที่ยังเป็นเทปคลาสเซ็ท) อันเนื่องมาปัญหาเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ ห้องอัด เนื่องจากเป็นเงินของศิลปินเอง ย่อมสู้ระบบบันทึกเสียงของค่ายเพลงไม่ได้
หันมาดูในส่วนที่เป็นจุดเด่นของอัลบั้มจุดนี้กันบ้าง โลกมืดเป็นอัลบั้มที่ถือว่ามีจุดเด่นอยู่ไม่น้อย ในหลายส่วนด้วยกัน
เริ่มจากความเป็นวงเมโลดิกที่เก่งในด้านการสร้างสรรค์ท่วงทำนอง สร้างสรรค์เมโลดี้อันสวยงาม
ขณะที่เรื่องของฝีมือนั้น นำดนตรีแต่ละคนฝีมือหายห่วง ภาคริทึ่ม เบส กลอง เล่นได้แน่นปึ้ก และเล่นเข้าขาเป็นทีมเวิร์คที่ลงตัว(อาจจะเนื่องเพราะเป็นพี่น้องกัน รู้ทางกันมาตั้งแต่เด็ก) ส่วนภาคกีตาร์ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเสียงพระเอกของวง ทางกีตาร์ในแต่ละเพลงเจ๋งไม่เบา แถมมีครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ลูกริฟฟ์ ริทึ่ม สับคอร์ด โซโล ปิ๊กกิ้ง กับหลากหลายอารมณ์ขึ้นอยู่กับตัวเพลง ทั้ง ดุดัน หนักแน่น รวดเร็ว หวานเศร้า ที่เด่นมากกับทางกีตาร์สวยๆเท่ๆ มีวรรคตอนและมีเมโลดี้อันสวยงาม
รวมไปถึงยังมีส่วนที่ถือว่าเป็นทั้งจุดเด่นและจุดด้อยของภาคกีตาร์ในอัลบั้มชุดนี้(ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน)นั่นก็คือ ลูกอาเปจิโอที่มีอย่างล้นหลาม ชนิดที่บางคนบอกว่ามันมากไปจนเฝือ(แถมบางคนยังแอบเหน็บว่าพี่ได้รับอิทธิพลของอิงวี่(Yngwi J. Malmsteen)มาเยอะไปหน่อย) แต่แฟนเพลงอีกกลุ่มหนึ่งกับชื่นชอบมันเป็นพิเศษ เพราะนี่ถือเป็นจุดเด่นและเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของวง
นอกจากนี้อัลบั้มชุดโลกมืดยังเด่นในเรื่องของด้านเนื้อหา ภาษา คำร้อง ที่ทางวงสามารถเขียนเพลงออกมาได้เข้าขั้นยอดเยี่ยม บางเพลงออกไปทางภาษากวีด้วยซ้ำ อีกทั้งยังมีซาวนด์เป็นเอกลักษณ์
ที่สำคัญคือนี่เป็นอัลบั้มที่ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการเพลงบ้านเราในยุคนั้น เป็นอัลบั้มที่มีความกล้าในการนำเสนอความหนักหน่วงของดนตรีแทรชเมทัลผ่านงานเพลง ฝีมือ ลูกเล่น และเนื้อหา ภาษางามๆ จากการเขียนเพลงที่ไม่ธรรมดา ส่งผลให้อัลบั้มโลกมืด อัลบั้มชุดแรกของวงดอนผีบินประสบความสำเร็จในวงการเพลงได้ดินเป็นอย่างดี
นับได้ว่า“โลกมืด”เป็นดังหนทางสว่างของวง“ดอนผีบิน” ที่งานเพลงชุดนี้ได้ฝากผลงานและชื่อเสียงของวง 3 พี่น้องวงนี้ นับเป็นหนึ่งในอัลบั้มสำคัญที่ช่วยหนุนส่งให้ดนตรีสุดโหดสายนี้เดินจากนรก!!! ขึ้นจากใต้ดิน มาอาละวาดประกาศศักดาสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
พร้อมกันนี้ยังได้ฝากผลงานและชื่อเสียงของวงดอนผีบินให้กลายเป็นอีกหนึ่งวงเมทัลระดับตำนานตัวพ่อของเมืองไทย
ฟังเพลงลีลาลวง
อ่านเรื่องราวของวงดอนผีบินเพิ่มเติมได้ที่ www.donpheebin.com
ในโลกของดนตรีหนักกะโหลก “เฮฟวี่ เมทัล” มีข้อมูล(ที่เกือบจะเป็นทางการ)ระบุว่า วงเฮฟวี่ภาคภาษาไทยวงแรกของเมืองไทยคือคณะ“เนื้อกับหนัง”(Fresh And Skin) พวกเขาได้ส่งอัลบั้มชุดแรกออกมาคือ “ฆาต-กัญชา”ซึ่งเอาไว้โอกาสเหมาะๆ ผมจะหาโอกาสเขียนถึงพวกเขาอีกที
ขณะที่ในโลกของดนตรีหลักกะโหลก(กว่า)อย่าง“แทรชเมทัล”(รวมถึงสปีด-เดธ)นั้น มีข้อมูล(ที่เกือบจะเป็นทางการเช่นกัน)ระบุว่า ผู้แผ้วทางบุกเบิกแนวทางดนตรีแทรชในบ้านเรานั่นก็คือวง“ดอนผีบิน” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากแค่เพียงอัลบั้มชุดแรกของพวกเขา
1…
ดอนผีบิน เป็นวงดนตรีทรีโอ 3 หนุ่ม 3 สม 3 พี่น้องตระกูล“แก้วทิตย์”กับเครื่องดนตรี 3 ชิ้น ที่เล่นกันได้อย่างแน่นปึ้กสุดมัน ประกอบด้วย “สมบัติ แก้วทิตย์” พี่ชายคนโต ขยี้สายกีตาร์และเป็นหัวหน้าวง, “สมศักดิ์ แก้วทิตย์” พี่ชายคนรอง กระหน่ำกลอง และ “สมคิด แก้วทิตย์” น้องคนสุดท้อง ตะปบเบส แหกปากร้องนำ
สำหรับชื่อวงดอนผีบินนั้น ไม่ได้มาจาก ดอน สอนระเบียบ,ดอน จมูกบาน,ดอนเมือง หรือ ดอนฮวน แต่อย่างใด หากแต่มาจากตำนานเรื่องเล่าอันสุดสะพรึงชนิดที่รายการคนอวดผีน่าจะไปพิสูจน์ กับตำนานของหมู่บ้านดอนตัน แห่ง อ.ท่าวังผา จ.น่าน ณ ดินแดนที่เป็นบ้านเกิดของพวกเขา 3 พี่น้องแก้วทิตย์ ซึ่งว่ากันว่าในอดีตเมื่อหลายร้อยปีก่อนบริเวณที่ราบสูงของหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิสู้รบฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ระหว่างชนชาติ ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก
ครั้นเมื่อกาลเลาล่วงเลยมาถึงปัจจุบันดินแดนแห่งนี้ได้กลายเป็นตำนานเล่าขานแบบปากต่อปากสืบต่อเรื่อยมาของชาวบ้านว่า ยังคงมีวิญญาณคนตายบางส่วนที่ยังไม่ไปผุดไปเกิดยังคงล่องลอยอยู่ในบริเวณดังกล่าว ในคืนวันเพ็ญเคยมีคนเห็นแสงล่องลอยวนเวียน บางครั้งก็ได้ยินเสียงร้องครวญคร่ำ ครวญคราง จนเป็นเรื่องราวเล่าขานระบือไกลพร้อมกับการเรียกขานดินแดนแห่งนี้ว่า “ดอนผีล่องลอย”...บรื๋อ!?!
2...
3 พี่น้องแก้วทิตย์ เริ่มจับเครื่องดนตรีกันตั้งแต่เด็ก 13-14 ปี โดยมีดนตรีร็อก เฮฟวี่ เป็นพลังในการขับเคลื่อน จากนั้นได้ก่อตั้งวงดอนผีบินขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528 แต่กว่าที่พวกเขาจะมีอัลบั้มแรกออกมาก็ต้องผ่านความลำบากยากเย็นมาไม่น้อยทีเดียว
วงดอนผีบินใช้เวลาทำเดโมอยู่หลายปี ควบคู่ไปกับการเก็บเกี่ยวบ่มเพาะประสบการณ์ จากนั้นพวกเขาต้องใช้เวลาอีกนานกว่า 1 ปี ในการออกหาค่ายเพลง (ซึ่งก็ดูเหมือนว่าการออกหาค่ายมวยจะยังง่ายกว่าเสียอีก) แต่ผลปรากฏว่าไม่มีใครรับ โดยแต่ละค่ายต่างก็มีเหตุผลแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น เน้นหน้าตา ต้องการผลงานจากหน้าตาศิลปิน หรือไม่ก็ต้องการให้ศิลปินทำตามแนวทางรูปแบบที่เขาอยากจะได้ แต่งานของดอนผีบินที่นำเสนอไปมันสำเร็จเสร็จเป็นรูปร่างหมดแล้ว
สุดท้าย 3 พี่น้องวงดอนผีบินจึงลงทุนทำเอง บันทึกเสียง ทำปก ออกแบบปก วาดภาพปกเอง ออกเทป และวางขายงานด้วยตัวเองจากเงินเก็บที่มีอยู่ ซึ่งก็กินเวลาไปอีกร่วม 2 ปี เบ็ดเสร็จแล้วต้องใช้เวลาถึงร่วม 8 ปี วงดอนผีบินจึงทำคลอดส่งอัลบั้มชุดแรกออกมา คือ “โลกมืด”
อัลบั้มชุดนี้ทางวงได้เปิดเผยคอนเซ็ปต์(ในภายหลัง)ผ่านเว็บไซต์ดอนผีบิน(http://www.donpheebin.com) ว่า
“คำว่าโลกมืดคือมีภัยมืดรอบตัวเป็นสิ่งที่น่ากลัว เราไม่รู้ว่าภัยนี้จะมาหาเราเมื่อไหร่ การต่อสู้ในชีวิตประจำวัน เป็นเรื่องที่เราจะต้องระวังตลอดเวลา ยิ่งในสังคมเมือง ไม่เฉพาะในกรุงเทพฯนะ กรุงเทพฯนี่อาจจะหนักกว่า แต่ว่าต่างจังหวัดก็มีเรื่องราวเหล่านี้ คนทุกคนเจออยู่ทุกวัน มันน่าจะเป็นเรื่องที่ควรจะเอามานำเสนอแล้วให้เรามีสติ คิดอะไรมั่งก่อนที่จะทำอะไรต่างๆ”...
“เพลงทั้งหมดที่บรรจุอยู่ใน โลกมืด ส่วนใหญ่นี่จะเป็นข้อมูลรอบตัวเรามากกว่า ไม่ว่าจะเป็นความเป็นอยู่ การเลี้ยงชีพ อะไรต่างๆ เราได้ตรงนี้เยอะ เพราะในสภาพบ้านนอกนี่ก็มีอะไรที่เด่นชัด พูดง่ายๆ คือ หยิบตรงนั้นมาทำเป็นเพลง ระบายความรู้สึกออกมา เราอยากทำอะไรออกมาให้มีสาระ แล้วก็เป็นประโยชน์ต่อสังคมให้มาก...”(จากบทสัมภาษณ์ครั้งที่ 1 โลกมืด จาก นิตยสารสีสัน)
3...
“โลกมืด” เป็นอัลบั้มชุดแรกของวงดอนผีบิน ถูกส่งออกมาในช่วงปีพ.ศ. 2535 ที่วงการเพลงเฮฟวี่เมทัล(โดยเฉพาะจากเมืองนอก) กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในบ้านเรา แต่วงการเพลงแทรช เพลงใต้ดินในบ้านเรา ยังไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่
โลกมืดเป็นอัลบั้มที่ทางวงดอนผีบิน ทำเอง ขายเอง มีทั้งหมด 10 เพลงตามสมัยนิยม เริ่มกันด้วย “ต่างคน”ที่กระหน่ำใส่กันมาไม่ยั้ง แต่เมโลดี้โน้ตกีตาร์สวย และภาคกีตาร์ในเพลงนี้ก็มันมาก ทั้งริทึ่ม กระชากคอร์ด ท่อนโซโลลูกนิ้วเร็วบรื๋อทางออกไปพวกนีโอ-คลาสสิกโน่น ขณะที่ภาคเนื้อหาดีทีนั้นว่าด้วยต่างคนก็ต่างมีความหลากหลาย ดีเลวปนเป แถมมีการนำคำพระ “...อัตตาหิ อัตโน นาโถ อัตตาหิ อัตโน นาโถ...” มาร้องแบบคำสวดในเพลง จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเพลงไป
ถัดไปเป็น “โลกันต์โลกา” ชื่อเพลงเล่นคำดีทีเดียว เปิดเพลงมากับกีตาร์เล่นโน้ตเท่ๆ จากนั้นอัดกระหน่ำกันไม่ยั้ง หนักแน่น ดุดัน รวดเร็ว ก่อนจะมีเปลี่ยนพาร์ทมาเล่นบัลลาดผ่อนคลายกันนิดหน่อยแล้วไปอัดมันกันอีกครั้ง(โครงสร้างคล้ายเพลง Master Of Puppets ของเมทัลลิก้า ที่มีการดึงผ่อนกับบัลลาดเพราะในช่วงกลางเพลง)
“เพียงหนึ่งเดียว” นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเพลงมันๆของวง เนื้อหาน่าฟังกับการต่อสู่จากภายในจิตใจของตัวเอง แล้วมาเบรกอารมณ์กันด้วย “ผ่านวัน” เพลงบัลลาดชั้นดีที่ตอนหลังกลายเป็นอีกหนึ่งเพลงฮิตของวง กีตาร์เล่นโซโลได้หวานแต่มีพลังและเด่นไปด้วยลูกอาเปจิโอตามแนวทางนีโอ-คลาสสิก
จากนั้นเป็น 2 เพลงบรรเลงมันๆ คือ “When the sun is going down” และ “Street of Life” ที่ตามต่ออารมณ์กันได้ดีทีเดียว กีตาร์โชว์ฝีมือเยี่ยมจนเป็นที่น่าจับตาในวงการ
ต่อมาเป็น “ลีลาลวง” ขึ้นนำมาด้วยลูกปิ๊กกิ้งกีตาร์ก่อนโอเวอร์ดับอัดทับอีกทีกับตัวโน้ตพลิ้วๆชวนให้เห็นภาพแห่งธรรมชาติ แล้วต่อด้วยลูกอาเปจิโอเมโลดี้สวยๆอันเป็นทางถนัดของวง ก่อนนำส่งเข้าท่อนร้องที่ใช้ภาษาเขียนเพลงออกมาได้เยี่ยม ดังตัวอย่าง “ดินแดนใดสดใสสวยงาม ดินแดนใดสดใสเริงร่า ผ่ามาหาไม่มี ผ่ามาหาไม่เจอ...” หรือท่อน “...ลีลาลวง ลีลาลีลาลีลาลวง ไม่เคยมีเลยสักคราเลยผ่านมาในดวงใจ เคยใฝ่ฝันหา วันเวลาผ่านมาลบเลือนเลือนลางร้างลา...”
นับได้ว่าเพลงลีลาลวงนั้นค่อนข้างลงตัวทั้งภาคดนตรี เนื้อหา ภาษา รวมไปถึงการสอดแทรกนัยยะทางความคิด ซึ่งหลังจากนั้นเพลงนี้ได้กลายเป็นเพลงเด็ดของวง และเป็นหนึ่งในสุดยอดเพลงเมทัลบัลลาดอมตะของบ้านเรา
“Back to the Nature” เพลงบรรเลงบัลลาดเพราะๆที่ฟังแล้วให้อารมณ์ต่อเนื่องกับลีลาลวงได้เป็นอย่างดี ทั้งลูกอาเปจิโอ ลูกโซโลอะคูสติกกีตาร์ หรือซาวนด์ของเสียงกีตาร์อ้วนๆในเพลง
ส่วน“ไกลบ้าน” ยังคงเป็นเพลงบัลลาดเพราะๆที่ดึงอารมณ์ให้กระชับขึ้นมาหน่อย นี่เป็นอีกหนึ่งเพลงดัง เพลงเจ๋งของวง เนื้อหาภาษาดี ขณะที่ท่วงทำนองติดหูง่าย ไม่ต่างจากทำนองเพลงป็อบเลยทีเดียว
ปิดท้ายกันด้วย “ทำไม” มีเสียงปืนกลบางๆขึ้นนำมา เสียงร้องไห้ของหนูน้อย ก่อนนำเข้าเพลงแบบบัลลาดหวานเศร้า(อีกแล้ว)กับอะคูสติกกีตาร์เสียงใสๆ จนอดคิดไม่ได้ว่าในช่วงครึ่งหลังของชุดนี่มันช่างเต็มไปด้วยเพลงบัลลาดเสียจริงๆ
แต่ว่าอารมณ์บัลลาดในเพลงนี้มีแค่พักเดียว เพราะพอท่อนเปลี่ยนพาร์ท พวกจัดหนักเล่นอัดใส่ในอารมณ์แทรชผสมสปีดมาเต็มๆ ทั้งดนตรี กีตาร์ เบส กลอง ซาวนด์ของเสียงร้อง ลูกริฟฟ์ ขณะที่เนื้อหาของเพลงนี้ก็ค่อนข้างสอดคล้องกับตำนานชื่อดอนผีบินไม่น้อยเลย
4...
ผ่านพ้นไปกับ 10 บทเพลงจาก“โลกมืด” อัลบั้มชุดแรกของวงดอนผีบิน ที่ช่วงครึ่งแรกจะเด่นในเรื่องของเพลงหนักๆ เพลงเร็วๆ ส่วนในช่วงครึ่งหลังจะออกไปทางเพลงช้า เพลงบัลลาดเสียมาก
โดยส่วนที่เป็นจุดด้อยสำคัญของอัลบั้มชุดนี้เห็นจะเป็นระบบอัดเสียงที่ไม่สมบูรณ์(ในสมัยที่ยังเป็นเทปคลาสเซ็ท) อันเนื่องมาปัญหาเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ ห้องอัด เนื่องจากเป็นเงินของศิลปินเอง ย่อมสู้ระบบบันทึกเสียงของค่ายเพลงไม่ได้
หันมาดูในส่วนที่เป็นจุดเด่นของอัลบั้มจุดนี้กันบ้าง โลกมืดเป็นอัลบั้มที่ถือว่ามีจุดเด่นอยู่ไม่น้อย ในหลายส่วนด้วยกัน
เริ่มจากความเป็นวงเมโลดิกที่เก่งในด้านการสร้างสรรค์ท่วงทำนอง สร้างสรรค์เมโลดี้อันสวยงาม
ขณะที่เรื่องของฝีมือนั้น นำดนตรีแต่ละคนฝีมือหายห่วง ภาคริทึ่ม เบส กลอง เล่นได้แน่นปึ้ก และเล่นเข้าขาเป็นทีมเวิร์คที่ลงตัว(อาจจะเนื่องเพราะเป็นพี่น้องกัน รู้ทางกันมาตั้งแต่เด็ก) ส่วนภาคกีตาร์ที่ถือเป็นอีกหนึ่งเสียงพระเอกของวง ทางกีตาร์ในแต่ละเพลงเจ๋งไม่เบา แถมมีครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็น ลูกริฟฟ์ ริทึ่ม สับคอร์ด โซโล ปิ๊กกิ้ง กับหลากหลายอารมณ์ขึ้นอยู่กับตัวเพลง ทั้ง ดุดัน หนักแน่น รวดเร็ว หวานเศร้า ที่เด่นมากกับทางกีตาร์สวยๆเท่ๆ มีวรรคตอนและมีเมโลดี้อันสวยงาม
รวมไปถึงยังมีส่วนที่ถือว่าเป็นทั้งจุดเด่นและจุดด้อยของภาคกีตาร์ในอัลบั้มชุดนี้(ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน)นั่นก็คือ ลูกอาเปจิโอที่มีอย่างล้นหลาม ชนิดที่บางคนบอกว่ามันมากไปจนเฝือ(แถมบางคนยังแอบเหน็บว่าพี่ได้รับอิทธิพลของอิงวี่(Yngwi J. Malmsteen)มาเยอะไปหน่อย) แต่แฟนเพลงอีกกลุ่มหนึ่งกับชื่นชอบมันเป็นพิเศษ เพราะนี่ถือเป็นจุดเด่นและเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของวง
นอกจากนี้อัลบั้มชุดโลกมืดยังเด่นในเรื่องของด้านเนื้อหา ภาษา คำร้อง ที่ทางวงสามารถเขียนเพลงออกมาได้เข้าขั้นยอดเยี่ยม บางเพลงออกไปทางภาษากวีด้วยซ้ำ อีกทั้งยังมีซาวนด์เป็นเอกลักษณ์
ที่สำคัญคือนี่เป็นอัลบั้มที่ถือเป็นปรากฏการณ์ใหม่ของวงการเพลงบ้านเราในยุคนั้น เป็นอัลบั้มที่มีความกล้าในการนำเสนอความหนักหน่วงของดนตรีแทรชเมทัลผ่านงานเพลง ฝีมือ ลูกเล่น และเนื้อหา ภาษางามๆ จากการเขียนเพลงที่ไม่ธรรมดา ส่งผลให้อัลบั้มโลกมืด อัลบั้มชุดแรกของวงดอนผีบินประสบความสำเร็จในวงการเพลงได้ดินเป็นอย่างดี
นับได้ว่า“โลกมืด”เป็นดังหนทางสว่างของวง“ดอนผีบิน” ที่งานเพลงชุดนี้ได้ฝากผลงานและชื่อเสียงของวง 3 พี่น้องวงนี้ นับเป็นหนึ่งในอัลบั้มสำคัญที่ช่วยหนุนส่งให้ดนตรีสุดโหดสายนี้เดินจากนรก!!! ขึ้นจากใต้ดิน มาอาละวาดประกาศศักดาสั่นสะเทือนเลื่อนลั่น
พร้อมกันนี้ยังได้ฝากผลงานและชื่อเสียงของวงดอนผีบินให้กลายเป็นอีกหนึ่งวงเมทัลระดับตำนานตัวพ่อของเมืองไทย
ฟังเพลงลีลาลวง
อ่านเรื่องราวของวงดอนผีบินเพิ่มเติมได้ที่ www.donpheebin.com