xs
xsm
sm
md
lg

โศกนาฏกรรม “แตงโม-โตโน่” รักที่แลกด้วยชีวิต !?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


การประกาศสถานะ “โสด” ของพระเอก นักร้องหนุ่มมาดเซอร์ “โตโน่-ภาคิน คำวิลัยศักดิ์” กลางเวทีคอนเสิร์ต 7 Wonder เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเพราะพูดตามสคริปต์ เพราะคะนองปาก หรือจะด้วยเพราะอยากจะสื่อสารอะไรบางอย่างกับสังคมก็ตามที แต่วาทกรรมนั้น ก็นำพามาซึ่งข่าวคราวอันน่าตระหนกตกใจไม่น้อย เมื่อนางเอกสาว “แตงโม-ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์” อดีตคนใกล้ตัว ได้กระทำอัตนิวิบาตกรรมด้วยการกินยานอนหลับเกินขนาด หวังปลิดชีพตัวเอง เหตุเพราะผิดหวังอย่างรุนแรงกับความรัก

ข่าวดังกล่าว กระฉ่อนในโลกไซเบอร์ ทันทีที่มีการเผยแพร่ภาพ และคลิปขณะนางเอกสาวถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล และแพทย์กำลังยื้อชีวิตอย่างสุดความสามารถ ผ่านอินสตาแกรมของเจ้าของนาม paezaa_pb ที่ระบุว่าเป็นเพื่อนรักของแตงโม

“เพื่อนผมใส่เสื้อโตโน่ตลอดเวลาที่เขาคิดว่าเขากำลังจะไปโดยไม่กลับมาอีก ขอพระเจ้าอภัยให้เขาด้วย #รักมึงนะเพื่อน”

“อย่าให้ผมพูดเลยว่าเขาทำอะไรลงไปเมื่อเช้านี้ แต่ขอบคุณพระเจ้าในขณะที่เขาอ่อนแอที่สุด พระเจ้ามาทันเสมอ โมรู้สึกผิดต่อพระเจ้า ต่อพ่อแม่ของเขามาก เมื่อเขาได้สติได้โปรดอย่าซ้ำเติมเลยนะครับ ผมเชื่อแล้วว่าเพื่อนผมเป็นคนบูชาความรักจริงๆ รักจนยอมแลกกระทั่งชีวิตของเขาให้กับโตโน่ได้#รักมึงนะเพื่อน”

“จากใจผมนะครับ ตั้งแต่ผมรู้จักโมมา โมอาจจะมีผิดบ้างแต่ส่วนดีที่ผมสัมผัสโมก็มี มาถึงวันนี้เรื่องปัญหาครอบครัวของโมที่ผมไม่อยากเข้าไปยุ่งนัก ผมทนไม่ไหวที่ผมเห็นเพื่อนผมเป็นแบบนี้ ผมขอนะครับ ใครอยากจะด่าจะว่าเชิญเลย แต่หลังจากความสะใจของพวกคุณแล้ว ขอให้สงสารและเห็นใจเพื่อนผม ไม่มากแต่น้อยนิดก็ยังดี ขอบคุณครับ”

ก่อนที่สังคมจะตั้งคำถามกลับไปยังเจ้าของโพสต์ว่า ที่นำภาพที่ไม่ควรเผยแพร่ออกมานำเสนอในสื่อออนไลน์นั้น แท้แล้วมีจุดประสงค์อะไร ?

หวังดี? เป็นห่วง? หรือเหตุผลอื่นใด ?

ถ้าลองคาดเดา น่าจะมีเหตุจูงใจมาจาก 2 เหตุผลใหญ่ๆ

1.โพสต์เพื่อให้โตโน่ เห็นภาพดังกล่าว หวังใจว่าฝ่ายชายเห็นภาพแล้วจะเกิดความเห็นอกเห็นใจแตงโม

2.หรือโพสต์เพื่อยืมมือสังคมรุมประณามโตโน่

จะบอกว่าเรื่องของความรักนั้น คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของคน 2 คน และที่สำคัญ ถ้าลองว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด “หมดใจ” แล้วจริงๆ ต่อให้อีกฝ่ายมาตายตรงหน้า ก็ยื้อให้กลับมาอยู่ต่อไม่ได้ หรือต่อให้กลับมา เพราะแค่รู้สึกผิด ก็ใช่ว่าชีวิตรักจะกลับมาหวานชื่นเหมือนเดิม

จริงอยู่ที่สังคมส่วนหนึ่งอาจจะคาดโทษว่าฝ่ายชายผิด ที่เป็นต้นเหตุให้นางเอกสาวช้ำรัก และคิดมากจนถึงขนาดจะฆ่าตัวตาย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ต้องกลับมาย้อนดูที่สาเหตุหลักๆ ของการเลิกรากันในครั้งนี้ เพราะดูเหมือนที่ผ่านมา ยังไม่มีการเล่าแจ้งแถลงไขกันถึงสาเหตุอย่างแท้จริง

เท็จจริงอย่างไรไม่รู้ ? แต่จากการพูดคุยกับคนใกล้ตัวของโตโน่ บอกว่าสาเหตุของการเลิกรากันในครั้งนี้นั้น มีเรื่อง “บางเรื่อง” ที่รุนแรงถึงขั้นที่ทำให้โตโน่ ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ที่จะเป็นฝ่ายเดินออกจากบ้านของแตงโม และก็แน่นอนว่าลูกผู้ชายอย่างโตโน่ ก็ไม่สามารถพูดเรื่องนี้ต่อสาธารณชนได้ แม้กระทั่งการแถลงข่าวครั้งล่าสุดของเขา ก็ยังงดเว้นที่จะพูดถึงสาเหตุที่แท้จริง ด้วยเห็นว่าไม่มีประโยชน์อันใดที่จะไปรื้อฟื้น แต่การที่เขาเลือกที่จะกดไลค์คำคมโดนใจในไอจีที่ว่า

“ลองใช้หัวใจคิดดูนะว่าไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันโคตรจะรักผู้หญิงคนหนึ่งจนยอมทิ้งทุกอย่าง ตัดสินใจ “เดินออกมา” มันจะเป็นเพราะอะไร?”

นั่นก็สะท้อนให้เห็นว่าคำคมดังกล่าวนั้น กระแทกใจเขาตรงๆ

ในมุมของแตงโมนั้น หลายคนอาจจะมองว่าเธอคิดสั้น ยอมแลกชีวิตด้วยความรัก กระทำการโดยขาดสติ ซึ่งผิดวิสัยของคนที่อยู่ใกล้ชิดกับศาสนา อยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า ซึ่งน่าจะมีสติสัมปชัญญะ รู้ผิด ชอบ ชั่ว ดี มากกว่านี้ แต่ถ้าลองให้ความเป็นธรรมกับเธอบ้าง ต้องไม่ลืมว่าเธอเป็นโรคซึมเศร้าตั้งแต่อายุ 18 ปี อันเป็นผลมาจากการที่มีครอบครัวที่แตกร้าว ซึ่งผู้ที่เป็นโรคซึมเศร้านั้น ต้องได้รับการเยียวยา และดูแลอย่างใกล้ชิด และหากมีเรื่องมากระทบกระทั่งจิตใจ ก็สุ่มเสี่ยงกับการที่จะเกิดภาวะคิดสั้นได้ ดังกรณีของแตงโมที่เพิ่งรอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชมาแบบฉิวเฉียด ซึ่งก็สอดคล้องกับคำพูดของแหล่งข่าวใกล้ตัวของโตโน่ที่กล่าวไว้ข้างต้น ว่าสาเหตุที่ทำให้รักร้าวนั้นเป็นเรื่องใหญ่ และรุนแรงถึงขนาดที่โตโน่รับไม่ได้ และแม้ว่าแตงโมจะเพียรพยายามงอนง้อเป็นแรมเดือน แต่โตโน่ก็ไม่ยอมใจอ่อน เมื่อไม่มืทางเลือกอื่นใดแล้ว เธอจึงเลือกทางเดินสุดท้าย โดยการพยายามปลิดชีพตัวเอง เพราะไม่อยากมีชีวิตอยู่โดยปราศจากเขา แม้ว่าที่ผ่านมาแตงโมจะเคยผ่านการเลิกราจากแฟนหนุ่มมาหลายคน แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องรุนแรงถึงเพียงนี้ แสดงว่าสาเหตุแห่งรักร้างในครั้งนี้ ต้องสะเทือนใจเธออย่างถึงที่สุดจริงๆ

งานนี้กระแสสังคมจึงแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เป็น 2 ขั้วอย่างชัดเจน

คือฝั่งหนึ่ง สงสารแตงโม และก่นด่าโตโน่

กับอีกฝ่าย ที่เห็นใจโตโน่ และไม่เห็นด้วยกับการกระทำของแตงโม

เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องของคน 2 คน อีกต่อไป แต่โยงใยไปถึงสังคมรอบข้าง และคนใกล้ตัว โดยเฉพาะคนในครอบครัว ดังเช่นน้องสาวของโตโน่ "ต้องตา-แสงรวี คำวิลัยศักดิ์" ที่ได้ออกมาโพสต์ข้อความระบายความในใจสวนกลับบรรดาคนที่ก่นด่าพี่ชายตัวเอง ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว "Saengrawee Kumwilaisuk" ว่า

"ปวดประสาท มีแต่คนมาถาม ด่ากันสนุกสนาน คือพี่โน่ทำไรผิด คิดว่าพี่โน่อยากให้พี่โมตายเหรอ ไม่มีใครอยากให้ใครตายหรอกเว้ย ถ้าว่าเรื่องพูดว่าโสด ตอนพี่โมประกาศว่าโสด ทำไมพี่โน่เงียบ ตั้งแต่เป็นน้องมาเห็นแต่พี่โน่ต้องเป็นคนอดทน ทุกครั้งที่มีข่าวไร พี่โน่ก็โดนตลอด ที่ผ่านมาเคยมีข่าวไรออกจากทางพี่โน่บ้างมั้ย ถ้าจะว่าไม่ให้เกียรติฝ่ายหญิง พี่โน่ก็เป็นแฟนที่ดีมาตลอดนะ ไม่เห็นเคยทำเรื่องให้ฝ่ายหญิงเสียหาย

ตอนคบกัน มีร้อยพี่โน่ให้เกินที่ร้อย เลิกกันพี่โมไม่ได้เสียใจคนเดียว พี่โน่ก็เสียใจ คนไปให้กำลังใจพี่โมก็เป็นเรื่องดี แต่มาด่าพี่โน่ทำไม รู้เหรอว่าที่ผ่านมาพี่กุต้องเจออะไรบ้าง เรื่องโรคซึมเศร้าน่ะแม่ต้องตาก็เป็น ช่วงที่โดนข่าวแรงๆหลายๆ เรื่องที่พี่โน่ไม่ได้เป็นคนสร้างแต่ต้องมาโดนไปด้วย แม่ก็ต้องเข้าโรงบาล แล้วครอบครัวเราเคยทำให้เป็นเรื่องมั้ย เคยทำให้ใครต้องไปด่าใครมั้ย ครอบครัวเขาก็ต้องเป็นห่วงลูกเขา ครอบครัวเราก็ต้องเป็นห่วงคนของตัวเองเหมือนกัน

#ไม่รู้หรอกว่าเรื่องจริงเป็นไงไม่ได้คุยกับพี่โน่เลยสักคำที่พูดมาทั้งหมดคือความรู้สึกของต้องตาคนเดียวล้วนๆ"

ขณะที่ทางฝั่ง “พ่อโส-โสภณ พัชรวีระพงษ์” พ่อของนางเอกดัง ก็มีการโพสต์ภาพในอินสตาแกรมเป็นภาพสาวแตงโมนอนอยู่บนเตียงคนไข้ และเขียนข้อความสั้นๆ แต่สะเทือนใจคนอ่านสุดๆ ว่า

“เจ็บแทน หัวอกคนเป็นพ่อพูดได้สั้น ๆ แค่นี้”

กระทั่ง “ดีเจ. พี่อ้อย-นภาพร ไตรวิทย์วารีกุล” ผู้สันทัดกรณีเรื่องชีวิต และความรัก แห่งคลับฟรายเดย์ ก็ได้โพสต์ข้อความ ผ่านทางแฟนเพจ Club Friday Fanpage ว่า

“รักแลกด้วยรัก ไม่ได้แลกด้วยชีวิต หลายครั้งเราทำร้ายตัวเอง เพื่อคนที่เค้าหมดรัก เพื่อมาทำร้ายหัวใจคนที่รักเราเท่าชีวิต ยังดีที่น้องปลอดภัย ขอให้หัวใจเข้มแข็งขึ้นในเร็ววันจ๊ะ” ...พี่อ้อย

ส่วนตัวของแตงโมงเอง หลังจากที่ทีมแพทย์ได้ยื้อชีวิตกลับมาได้ ก็มีการโพสต์ข้อความกลับไปยัง
อินสตาแกรมของ “อ้วน รีเทิร์น” ว่า

“แม่ชีวิตหนูพังแล้ว”

โดยอีกฝ่าย ก็ให้กำลังกลับมา ว่า “มีชั้นอยู่ ไม่ต้องกลัว”

แม้ว่าจะรอดเงื้อมมือมัจจุราชมาได้แล้ว แต่สภาพจิตใจของนางเอกสาว ก็ยังไม่สมบูรณ์เต็มร้อยนัก แม้กระทั่งเมื่อทีมแพทย์ได้แถลงข่าวเรื่องอาการต่อหน้าสื่อมวลชน เธอก็ยังร่ำไห้สะอึกสะอื้นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสิ่งที่ทีมแพทย์ยังคงเป็นห่วง ก็คืออาการซึมเศร้าของแตงโม ที่ยังคงต้องได้รับการเยียวยาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนแตงโม ก็ได้กล่าวขอโทษต่อผู้เกี่ยวข้องถึงกรณีที่มีภาพอันไม่เหมาะสมหลุดออกมาทางสื่อออนไลน์ ซึ่งส่งผลกระทบถึงหลายๆ ส่วน โดยเฉพาะสถานพยาบาลดังกล่าว

“ในส่วนเหตุผลของเพื่อนหนู เป็นช่วงที่เขาก็ทนรับทนเห็นหนูในสภาพนั้นไม่ไหวเหมือนกัน เขาอยากจะให้ได้เห็นในอีกมุมหนึ่ง มุมที่หนูอ่อนแอมากมันก็มี ส่วนเรื่องของตัวหนูเอง หนูมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว การที่ได้รับคำพูดหรือเหตุการณ์สถานการณ์ในชีวิตต่างๆ ในช่วงนี้มันก็ค่อนข้างที่จะหนักมาก ภายนอกดูเหมือนจะรับไหว ดูเหมือนจะแข็งแรง แต่ว่าข้างในคืออ่อนแอมาก หนูเองไม่ค่อยได้เล่าให้ใครฟังมาก แม้แต่พ่อ ก็ไม่อยากให้ท่านเครียดไปด้วย ก็จะเก็บเอาไว้คนเดียวตลอดเวลา มันก็เลยมีวินาทีที่ขาดความยั้งคิดไปบ้าง มีอารมณ์ชั่ววูบไปบ้าง ณ ตอนนั้นพูดตามตรงเลย ด้วยความน้อยใจหลายๆ อย่างมันทำให้หนูขาดสติ คิดว่าไม่อยากจะอยู่รับกับอะไรหลายๆ เรื่อง”

พร้อมกับยอมรับว่าวาทกรรมของโตโน่บนเวทีคอนเสิร์ตนั้น เป็นส่วนเล็กๆ ของเหตุผลทั้งหมด ที่ทำให้เธอขาดสติ จนคิดสั้น

“ก่อนที่เราจะห่างกัน มันเป็นปัญหาชีวิตคู่ที่เราไม่เข้าใจกัน เราพยายามปรับเข้าหากัน แล้วเราเข้ากันไม่ได้ คุณโตโน่ตัดสินใจแยกออกจากบ้านไป หลังจากออกจากบ้านแต่ก็ยังมีการติดต่อกันอยู่ตลอดเวลา ข้าวของในบ้านทุกอย่างก็ยังวางอยู่เหมือนเดิม แล้วหนูต้องอยู่ในที่เดิมๆ การที่เราต้องนอนคนเดียว จากที่เรานอนอยู่ด้วยกัน เคยมีคนปรับทุกข์ด้วย เคยมีกำลังใจ มันค่อนข้างหนักสำหรับชีวิตหนู หนูเป็นคนที่ตกลงแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่ง แล้วชีวิตครอบครัวมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด หนูว่าคนที่ทุ่มเทกับความรักมากๆ คนที่บูชาความรักมากๆ มีเป็นเรื่องธรรมดาที่จะเกิดการผิดหวังเพราะว่าตลอดเวลาที่เขาหายไป เขาไม่เคยกลับมาอีกเลย เวลาที่หนูส่งอะไรไป มีการอ่านแต่ไม่มีการตอบ เป็นแบบนี้ 2 เดือน

แต่ทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์เราห่างกันแต่ไม่เคยมีใครออกมาพูดคำว่าหย่าร้างเลย หนูไม่รู้จะทำตัวอย่างไร หนูจะตัดสินใจอย่างไร ในชีวิตคริสเตียน ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งงานกับผู้ชายคนหนึ่งแล้วได้มอบชีวิตคู่ให้กับพระเจ้าผู้นำทาง เมื่อเกิดการหย่าร้างกัน ผู้หญิงไม่สามารถแต่งงานใหม่ได้ หนูยึดถือในคำพูดนี้ และไม่คิดมีใครใหม่ ผิดที่หนูเองตั้งความหวังว่าเขาจะเชื่อเหมือนกันกับเราว่าเราจะกลับมาเป็นครอบครัวเหมือนเดิมได้อีก หนูหันไปทางไหนก็มีแต่ปัญหา โดยที่หนูไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใคร ลืมว่ายังมีคนที่รักเราอีกมากมาย คนที่เจ็บที่สุดก็คือพระเจ้ากับพ่อหนู หนูเชื่อว่าทุกคนที่คิดสั้นไม่คิดว่าตัวเองจะฟื้นขึ้นมาอีก หนูขอโทษทุกคนที่ทำให้ผิดหวัง ขอโทษผู้ใหญ่ที่หนูทำงานด้วย และอาจจะมีผลกระทบกับเขา และขอโทษพ่อ หนูไม่ได้ตั้งใจ

ตอนที่เราเคลียร์กันก่อนหน้าที่จะหายไปนานครั้งนี้ คุณพ่อเคยบอกเขาว่าขอบคุณเขาที่โตโน่ทำหน้าที่ของเขา ที่ดูแลหนูเวลาที่หนูไม่มีใคร หนูก็ขอบคุณเขาที่ครั้งหนึ่งหนูเป็นโรคซึมเศร้า เขาดูแลหนู นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่หนูคิดจะฆ่าตัวตาย ไม่ว่าจะตอนคบกัน หนูก็โดนด่า พอบอกห่างก็โดน บางครั้งหนูเหมือนตกเป็นจำเลยของสังคมไปโดยปริยาย
หนูยังรักเขาเหมือนเดิม ตอนนี้ก็ยังรัก ถามว่าประสบการณ์ชีวิตคู่น้อยไปไหม หนูยอมรับ แต่ถามว่าหนูจะเอาประสบการณ์มาจากไหน ในเมื่อเราต้องแต่งงานแค่ครั้งเดียว”

ก่อนจะย้ำอย่าทำพฤติกรรมโง่ๆ แบบตน เพราะต่อให้ฆ่าตัวตายอีกฝ่ายก็ไม่มีวันกลับมา

หลังจากฝั่งแตงโมออกมาเปิดใจทั้งน้ำตาพรั่งพรู สงครามระหว่างแฟนคลับของทั้ง 2 ฝั่งก็เดือดพล่านขึ้นมาอีกครั้ง โดยเฉพาะแฟนคลับของโตโน่ที่ตอกกลับทางแตงโมทำนองว่าเอาดีเข้าตัว....เอาชั่วให้คนอื่น พร้อมกันนั้นก็มี
ไอจีปริศนาออกมาโพสต์บทสนทนาระหว่างโตโน่กับแตงโม เมื่อครั้งรักยังหวานชื่น โดยทางฝั่งโตโน่ให้คำมั่น ว่าจะรักแตงโม ตราบจนลมหายใจสุดท้าย

ส่วนตัวโตโน่เอง กลับเลือกที่จะนิ่ง สงบ สยบความเคลื่อนไหว ด้วยการอันฟอลโลไอจีของทุกคนแบบไม่เหลือซาก

เหมือนระเบิดลูกใหญ่ที่รอเวลาระเบิด จากทีท่าที่สงบ นิ่งมาโดยตลอดของโตโน่ เมื่อเขามีโอกาสได้พูดเขาก็พูดอย่างหมดเปลือก เว้นเพียงเหตุผลของการเลิกรากันอย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ทั้งที่เป็นคำถามที่กองทัพสื่อมวลชน และคนทั่วประเทศรอฟังคำตอบอย่างใจจดจ่อ

"จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่เริ่มมาจากความรัก ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมก็จะรัก คน 2 คนเวลารักกัน แต่พอวันนึงไม่ว่าจะด้วยเหตุผลก็ตาม ทั้งเรื่องเวลา มันอาจจะจบลงไม่สวยงามตามที่เราตั้งใจเอาไว้ มันก็เลยมีคนเสียใจ แล้วพอเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา มันก็ไม่มีความสุข ทั้งทางโม พ่อโม ตัวคุณแม่ผม"

ก่อนจะยืดอกพูดแบบลูกผู้ชายว่าไม่ว่ารักครั้งนี้จะจบด้วยเหตุผลอะไร ก็ขอยอมรับผิดทุกอย่าง

"ยอมรับว่าสาเหตุมาจากผมเอง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตามแต่ จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ไปกระทบใจใครทั้งตัวผม ผมยอมรับผิดเอง"

ทั้งย้ำว่าสาเหตุที่มาตั้งโต๊ะแถลงข่าวนั้น ไม่ได้ตั้งใจจะให้ใครมาเข้าใจ เข้าข้าง หรือแม้กระทั่งสงสาร และยอมรับได้ในเรื่องกระแสที่ถูกโจมตี ส่วนเรื่องของความสัมพันธ์นั้น ยืนยันว่าต่อให้กลับไป ก็ไม่เหมือนเดิม !!
“ผมยังภูมิใจว่าได้รักเขา วันนึงมันเลิกมันก็คือเลิก ถามว่าวันที่ผมพูดบนคอนเสิร์ตมันเป็นต้นเหตุของเหตุการณ์นี้ไหม ผมยอมรับว่าผมผิดครับ ถึงเป็นสคริปต์ผมก็ผิด ทำไมถ้าเป็นสคริปต์ผมจะไม่พูดก็ได้ แต่เพราะผมโง่ ผมคิดน้อย ผมคิดว่าเลิกกันแล้ว จากกันแล้ว ผมเลยพูด แต่พอมาคิดถึงความรู้สึกของเขา ผมผิดเต็มๆ ผมไม่ควรทำ ต่อให้เลิกกันไปแล้ว ยิ่งมีเสียงเฮ เป็นใครก็เจ็บ ผมผิดครับ ที่ไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของเขาที่ต้องรับฟัง"

งานนี้จบลงแบบ..... ....
คนหนึ่งยอมแลกชีวิตเพื่อยื้อให้รักกลับมา
ส่วนอีกคน เมื่อหมดรัก ต่อให้ยื้อด้วยชีวิต ก็ไม่หันหลังกลับไป
แต่สุดท้ายทั้งคู่ก็ต้องมีชีวิตเพื่อก้าวต่อไป โดยหยุดเรื่องทุกอย่างไว้เพียงคำสัมภาษณ์ครั้งล่าสุดของโตโน่ ที่แม้แต่พ่อของแตงโมยังออกปากชื่นชมกับการให้สัมภาษณ์ของ (อดีต) ลูกเขย

ขณะที่เมื่อส่องไปที่ภาพในไอจีล่าสุดของทั้งคู่ ก็พบภาพของแตงโมที่ชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ พร้อมข้อความ “วันนี้โมกับโน่ยิ้มได้แล้วนะคะ สิ้นสุดการเสียใจ.......”

ส่วนของโตโน่ก็เป็นรูปขณะกำลังแสดงคอนเสิร์ต พร้อมข้อความ “ทำงานกันเถอะพวกเรา”

ทั้งคู่ “จาก” และ “จบ” กันด้วยดีแล้ว เหลือแต่บรรดาแฟนคลับของแต่ละฝ่าย ว่าพร้อมจะจบรึยัง ?

ที่มานิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 297 11-17 กรกฏาคม 2558


































กำลังโหลดความคิดเห็น