ปกติเห็น “หนูอิมอิม ก้าวมหัศจาจรรย์” (ชื่อและนามสกุลเธอสะกดแบบนี้จริงๆ) ก็มักจะมาพร้อมกับรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยแอบสงสัยในใจอยู่บ้างเหมือนกันว่า ในชีวิตของเธอเคยมีเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาเหมือนกับคนอื่นบ้างหรือเปล่า ?
จนเมื่อนักข่าวได้รับหมายเชิญให้ไปร่วมงานแถลงข่าว
...ร่วมเป็นสักขีพยาน หนูอิมอิมตลกไม่ออก น้ำตาแตกแทบเป็นสายเลือด รักซ้ำกรรมซัด เมื่อโดนคนรักหักหลังทางธุรกิจ....
นักข่าวแทบจะทุกสำนักก็เลยให้ความสนใจเป็นพิเศษ จนกระทั่งเมื่อถึงวันแถลงข่าว ก็ได้รับทราบข้อมูลในเบื้องต้นว่า หนูอิมอิมได้เลิกรากับแฟนหนุ่ม ที่ใช้เวลาคบหาดูใจนานกว่า 2 ปี กระทั่งได้ร่วมหุ้นทำธุรกิจรายการโทรทัศน์ “เที่ยวครื้นเครง” ที่ออกอากาศทางททบ. 5 ในวันหยุดนักขัตฤกษ์ ก่อนจะค้นพบความจริงในภายหลังว่าความรักไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด เพราะโดนคน (เคย) รักหักหลังจนยับเยิน ถึงขนาดกินไมได้นอนไม่หลับ โดยได้เปิดเผยเรื่องราวคร่าวๆ ทั้งน้ำตา ว่า
“ตอนนี้ธุรกิจที่อิมได้ทำกับอดีตคนที่อิมเคยรัก ซึ่งก็คือการผลิตรายการ “เที่ยวครื้นเครง” ตอนนี้เรา 2 คนไปด้วยกันไม่ได้แล้ว เพราะตลอดระยะเวลา 4 เดือน ที่เราทำรายการร่วมกันมา อิมได้รับรู้เรื่องราวและปัญหาหลายๆ อย่างเยอะมาก สปอนเซอร์ก็ไม่มี แต่อิมก็อยากทำรายการนี้ต่อไป อิมแบกรับคนเดียวโดยในบางเรื่องที่อิมพูดไม่ได้ อิมเลยอยากแถลงว่าต่อจากนี้ไปอิมกับเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กันแล้วทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือทุกๆ อย่างเกี่ยวกับรายการที่เราทำร่วมกัน”
ย้ำทัศนคติไปกันไม่ได้ แต่ไม่ได้ขยายความในรายละเอียด ยอมรับว่าแม่เคยเตือน แต่ยังรั้น เพราะคิดว่า “เอาอยู่”
“จริงๆ เรื่องนี้คุณแม่หนูเขาก็เคยเตือนหนูหลายครั้งแล้วว่าถ้าคบต่อไปจะต้องเจอปัญหาหนัก แต่พี่ก็รู้นิสัยหนู ถ้าหนูรักใครหนูก็จะรักมาก หนูรักด้วยหัวใจ ก่อนหน้านี้ แม่หนูบินมาหาหนู แล้วบอกกับหนูประโยคหนึ่งว่าถ้ายังฝืนคบต่อ หนูจะล้มทั้งยืนเลยนะ และจะเจ็บมากกับสิ่งที่เขาทำกับหนู แต่หนูก็ตอบกับแม่ไปว่าหนูรับไหว หนูคิดว่าตัวหนูจะสามารถเปลี่ยนเรื่องราวอะไรบางอย่างได้ แต่สุดท้ายแล้วเรื่องมันก็กลายเป็นแบบที่แม่บอก มันเป็นกรรมของหนู เป็นกรรมเวรของหนูที่หนูเลือกเอง
เรื่องเงินเกี่ยวไหมมันพูดไม่ได้จริงๆ ค่ะพี่ เอาเป็นว่าเรา 2 คนไม่สามารถเข้ากันได้จริงๆ เรื่องรายการตอนนี้เรายังติดสัญญากับทางช่องค่ะ ทำให้ต้องต่อสู้กันต่อไป ค่าใช้จ่ายหลังจากนี้ที่เกี่ยวกับรายการหนูจะรับผิดชอบทุกอย่างเองค่ะ เพราะหนูเป็นคนเริ่มต้นคิดรายการ ดังนั้นหนูก็จะรับผิดชอบทุกๆ อย่าง และหนูก็สัญญาว่าหนูจะทำให้มันออกมาดีที่สุดค่ะ
ส่วนการฟ้องร้องกำลังอยู่ในขั้นตอนของการพูดคุยกันอยู่ค่ะ จุดแตกหักคือความจริงค่ะ ความจริงมันเปิดเผยขึ้นมาเรื่อยๆ ซึ่งพอเรารู้ปุ๊บเราก็น็อกเลย”
จากการแถลงข่าวในครั้งนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามของคู่กรณีว่าคือใคร ? นอกจากแฟนรายการ “เที่ยวครื้นเครง” ที่น่าจะรู้ดี เพราะทั้งคู่ทำรายการร่วมกันอยู่ จนเมื่อหนูอิมอิมได้มาเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมในรายการ “ปากโป้ง” ทางช่อง 8 ดิจิตอล คราวนี้มีการระบุชื่อเสียงเรียงนามของฝ่ายชายเต็มๆ นักข่าวหลายสำนักก็เลยจัดหนักกันไปเรียบร้อยแล้ว แต่สุดท้ายก็ได้รับการร้องขอจากประชาสัมพันธ์ของสถานี ว่า “หนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” ในฐานะเจ้าของรายการ และพิธีกร ขอให้ลบชื่อฝ่ายชายออก เพราะเกรงจะมีปัญหาในเรื่องการฟ้องร้องกันเกิดขึ้น แต่ก็ทำให้สื่อทุกสำนักรู้กระจ่างแล้วว่า อดีตคนเคยรักของหนูอิมอิมนั้น ที่แท้ก็คือนักแสดงหนุ่มชื่อ อ. นามสกุลดัง ซึ่งเป็นเด็กในคาถาของเจ้าแม่วงการทีวีคนหนึ่ง เคยมีผลงานละครทางช่อง วิกมากสีมาแล้วประปราย ก่อนหน้านี้ทางต้นสังกัดเคยหมายมั่นจะปั้นให้ดังสุดโต่งเป็นพระเอก แต่ก็ระงับความตั้งใจนั้นไปก่อน เพราะไม่ค่อยปลื้มกับพฤติกรรมหลายๆ อย่าง จนหนูอิมอิม ต้องอุ้มชูมาทำรายการร่วมกัน โดยแนะนำขั้นตอนการทำงานทุกอย่าง ตั้งแต่การทำแผนเสนอรายการ พาไปพบลูกค้าเพื่อเสนองาน พาไปช่องเพื่อคุยงาน ถึงขนาดวางใจให้ฝ่ายชายสานงานต่อ
โดยจุดเริ่มต้นของการคบหากันนั้น เริ่มจาก
“กับแฟนคนที่เพิ่งประกาศเลิกกันนั้น เริ่มรู้จักกันนานแล้วเริ่มจากตอนนั้นหนูทำธุรกิจขายเคสต์มือถือใน
อินสตาแกรม แล้วเขาก็เข้ามาเป็นลูกค้าก็เลยทำได้มีโอกาสรู้จักกัน จากนั้นก็ได้คุยกันมาเรื่อยๆ ตอนนั้นก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาเป็นนักแสดงหน้าใหม่ จนคุยกันและก็จีบกันตลอด บวกกับตอนนั้นเราโสดด้วย ยอมรับว่าอยากมีแฟน เลยตัดสินใจคบกันเป็นแฟน เลยรู้ว่าเขาก็เป็นนักแสดงด้วยเหมือนกัน”
ปัญหาคือฝ่ายชายอ้างว่าไม่สามารถเปิดเผยว่าเป็นแฟนกันได้ เพราะทางต้นสังกัดขอไว้
“แต่หลังจากที่ตัดสินใจคบกันได้สักพัก เขาบอกว่าเราไม่สามารถที่จะเปิดตัวเราเป็นแฟนได้นะ เพราะทาง ต้นสังกัดเขาจะปั้นเขาเป็นพระเอก เลยไม่สามารถที่จะเปิดตัวหนูได้ว่าเป็นแฟน แต่หนูบอกว่าหนูไม่ปิดนะ เพราะเราเป็นคนเปิดเผยแต่อาจจะไม่ได้บอกว่าเขาเป็นใคร จากนั้นไม่นานเขามาบอกกับเราว่าตอนนี้ทางต้นสังกัดไม่พอใจอิมมาก เพราะอิมเป็นคนนักแสดงโลว์ทำให้เขาดูแย่ พอเราได้ยินก็เลยรู้สึกว่าเราแย่ขนาดนั้นเลยหรือ”
หลังจากที่วางใจให้ฝ่ายชายดำเนินงานรายการไปได้ระยะหนึ่ง ลายก็เริ่มออก
“เขามาบอกว่าตอนนี้ทางช่องไม่ต้องการให้อิมเป็นพิธีกรรายการนี้แล้วเพราะหน้าไม่ชัดเจนกับเรื่องของท่องเที่ยว ตอนนั้นงงเหมือนกันว่าหน้าเราไม่ตรงกับท่องเที่ยวอย่างไง เพราะเราก็ทำอยู่ตั้งหลายรายการ จบจากเรื่องช่องเขาก็มาบอกอีกว่าตอนนี้ลูกค้าจะไม่อยากให้เราเป็นพิธีกรแล้วอีก เขาบอกลูกค้าต้องการเขาคนเดียวเท่านั้น ตอนนั้นอิมยังถามเขาเลยว่าลูกค้าไม่รู้หรือว่ารายการนี้อิมเป็นเจ้าของ อิมรู้สึกแย่มากเลยตัดสินใจเข้าไปคุยกับช่องว่าไม่อยากได้เราเป็นพิธีกรแล้วหรือ ซึ่งคำตอบที่ได้จากช่องคือช่องบอกว่าไม่เคยบอกเลย ถ้าเราทำดีหรือว่าไม่ดีจะมีหนังสือเตือนไป ไม่ใช่บอกแบบนี้ พอโทร.ไปหาลูกค้าที่จะตัดเราออกจากรายการ ลูกค้าบอกว่าไม่เคยพูดเหมือนกัน เลยทำให้อิมเริ่มรู้สึกว่าเขาทำแบบนี้เพื่ออะไร จนตอนหลังอิมก็รู้อะไรหลายอย่างว่าสิ่งที่เขาทำนั้นเขาไม่ได้โกงเรา แต่เขาต้องการจะบีบเราออกจากรายการที่เป็นของเราเอง เพื่อผลประโยชน์บางสิ่งบางอย่างของตัวเขา”
ที่เจ็บปวดที่สุด คือถูกบอกเลิกต่อหน้าแม่
“ตอนหลังเขามาบอกกับอิมว่าเขาไม่ได้รักเราเป็นปีแล้ว บอกต่อหน้าแม่ของอิมด้วย เลยทำให้เรารู้สึกเสียใจมากว่าทำกับเราแบบนี้ได้อย่างไร เรารักเขาหวังดีกับเขาทุกอย่างแล้วทำไมต้องทำแบบนี้กับเรา
สิ่งที่อิมออกมาพูดไม่ได้ต้องการให้คนเห็นใจไม่ต้องสงสาร อิมล้มแล้วเดียวลุกขึ้นมายืนได้แต่ขอเวลาสักพัก แต่สิ่งที่อยากจะบอกกับทุกคนรวมถึงสังคมว่าจากนี้ไปอิมกับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกแล้วร่วมถึงเรื่องของธุรกิจก็ไม่เกี่ยวข้องกัน ถ้าเขาจะเอาชื่อของอิมไปทำอะไรขอบอกเลยว่าไม่เกี่ยวข้องกันตัดขาดกันทุกสิ่ง ต่างคนต่างอยู่ และอิมก็พร้อมที่จะเคลียร์เงินทุกอย่างเพื่อจะได้จบสิ้นต่อกัน”
หลังจากนี้ก็คงจะต้องมาจับตาดูความเคลื่อนไหวของนักแสดงหนุ่ม อ. กับต้นสังกัด ว่าจะออกมาเล่าแจ้งแถลงไข หรือตอบโต้ข้อกล่าวหานี้อย่างไร ?
ที่มา นิตยสารASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 286 25 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2558