“กาละแมร์” เผยเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ ถึงแม้หน้าไม่สวยแต่มั่นใจรูปร่างและสุขภาพดีไม่เป็นรองใคร ปัดหวังลบคำสบประมาทขี้เหร่ บอกทำเพื่อตัวเอง เล็งทำหนังสือรวมเล่มเรื่องการออกกำลังกาย และการทำอาหารเพื่อสุขภาพ
กลายเป็นพิธีกรที่มีภาพลักษณ์ของสาวเฮลท์ตี้อย่างเต็มตัว สำหรับพิธีกรสาวฝีปากกล้า “กาละแมร์ พัชรศรี เบญจมาศ” เพราะสังเกตได้ว่าปีที่ผ่านมา เธอมุ่งมั่นต่อการออกกำลังกายเป็นพิเศษ แถมยังใส่ชุดโชว์บอดี้ให้เห็นอยู่บ่อยๆ ต่อการเปลี่ยนแปลงของรูปร่างที่ดีวันดีคืนถึงขนาดทำให้มีคนเอาชื่อเจ้าตัวไปแอบอ้างขายยาลดความอ้วน จนเจ้าตัวต้องออกมาจัดการกันไปแล้ว โดยสาวกาละแมร์ เผยว่า แม้หน้าตาจะไม่ได้สวยเหมือนใครเพราะคนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่ตนเลือกที่จะมีรูปร่าง และสุขภาพที่ดีให้แก่ตัวเองมากกว่า
“คือสุขภาพมันเป็นสิ่งที่เงินซื้อไม่ได้นะ รวยกว่าเราเป็นร้อยล้านพันล้านจ้างเทรนเนอร์มาก็ไม่ได้กับตัวเองนะ ของแบบนี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องทำด้วยตัวเอง หน้าแม่ให้มา ร่างตั้งใจทำ (ยิ้ม) เรารู้สึกว่าคนเรามันเลือกเกิดไม่ได้ บางคนก็บอกว่าเกิดมาไม่ได้สวย ไม่ได้รูปร่างดี เกิดมาตัวดำโน่นนี่นั่น แต่ทุกคนสามารถที่จะเป็นได้ เพราะฉะนั้นจึงอยากให้ทุกคนได้ลองว่าถ้าครั้งหนึ่งในชีวิตน่ะ อยากดู Best version ของตัวเองไหม (ยิ้ม) ดูซิว่าเวอร์ชันที่ดีที่สุดของรูปร่างตัวเองจะเป็นยังไง”
“เรารู้สึกว่าเราอยากท้าทายตัวเอง ไม่ชอบแข่งกับใครนะ เราชอบแข่งกับตัวเอง เพราะว่าการแข่งกับตัวเองมันยากที่สุดแล้ว คนเราชอบอ่อนข้อให้ตัวเองเสมอ อย่างคิดว่ากินแค่นี้ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวค่อยไปออกกำลังกายเอา ฉะนั้นสิ่งที่ยากที่สุดคือ การเอาชนะตัวเอง แต่การลดน้ำหนักไม่ใช่ว่าพอน้ำหนักลง ผอมลงแล้วจบนะ ไม่ใช่ แต่นี่คือการต้องอยู่อย่างนั้นให้ได้ตลอดไป นี่คือความยากของมัน และคนที่ทำได้แล้วจะรู้เลยว่ากว่าที่จะทำได้ขนาดนี้มันยากนะ เราเชื่อว่าพอถึงตรงนั้นแล้วทุกคนก็คงอยากจะรักษาให้มันอยู่ต่อไปให้ได้”
ยันไม่ได้ทำเพราะต้องการลบคำสบประมาทว่าไม่สวย และยังจะทำต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าซิกซ์แพกต์จะชัดเจน
“ที่ทำทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะแคร์คำพูดใครที่มาว่าเรานะ เราไม่แคร์คำพูดเหล่านั้นเลย แค่รู้สึกว่าอยากจะทำเพื่อตัวเองมากกว่า คือเราอยากมีสุขภาพที่ดี อยากมีรูปร่างที่ดี เราอยากรู้ว่าถ้าเราทำให้ดีที่สุดผลมันจะออกมาเป็นอย่างไร ไม่ได้คิดว่าอยากจะทำไปเพื่ออะไรด้วยนะ จะต้องมีผู้ชายไหม จะต้องไปถ่ายชุดว่ายน้ำ หรือมีงานโฆษณา ไม่เกี่ยวเลย แต่เราอยากทำเพื่อตัวเอง อยากสุขภาพดี อยากจะมีชีวิตที่เดินทางไปไหนต่อไหนได้โดยที่เรายังไหวอยู่ อยู่ดูแลคนที่เรารัก อยู่ทำงานที่เรารัก อยู่ทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อไปได้โดยที่ไม่ออดๆ แอดๆ ไม่ใช่ทำงานวันหนึ่งไปหาหมอวันหนึ่ง”
“ตลอดปีที่ผ่านมา ค่อนข้างทุ่มต่อการออกกำลังกายมากค่ะ รู้สึกว่ามันคือส่วนหนึ่งในชีวิตเราไปแล้ว ที่โดนถามเยอะที่สุดคือ เอาเวลาที่ไหนไปออกกำลังกาย เราบอกว่าทุกคนมีเวลาเท่ากัน เราบรรจุมันไว้ในตารางชีวิตของเรา ตื่นมาล้างหน้าใส่ชุดแล้วออกกำลังกาย หลังจากนั้นจะทำอะไรทำไป บรรจุให้มันเป็นหนึ่งในตารางชีวิต คือตื่นขึ้นมาก็ทำเลย ตอนนี้ทำอยู่ 6 วันต่อสัปดาห์ บางทีก็เต็ม 7 วันเลยนะถ้าไม่มีงานเช้าต้องไปต่างจังหวัดหรือธุระอื่นๆ ก็จะทำทุกวัน ทำวันละ 1 ชั่วโมงเอง”
“เอาจริงๆ ก็ยังไม่ถึงจุดที่พอใจนะ (หัวเราะ) ซิกซ์แพกต์ยังไม่ชัดเลย เราว่ามันทำได้อีก ตอนนี้ตั้งเป้าคืออยากให้ซิกซ์แพกต์มันชัดกว่านี้ ตอนนี้มันแค่เห็นลางๆ ไม่ได้เอาผอมนะ ไม่ต้องการผอม เทรนเนอร์ก็ไม่ได้อยากให้ผอม ไม่ได้สนใจเรื่องน้ำหนักจะต้องลงหรืออะไร แค่สนใจกล้ามเนื้อว่าให้มันเฟิร์ม แต่ก็ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ไม่ได้หักโหม”
“เราเคยต่อต้านการมีซิกซ์แพกต์มาตลอดนะ เพราะรู้สึกว่าชีวิตต้องไม่มีความสุขแน่นอน พวกนี้ต้องไม่ได้กินในสิ่งที่อยากกินแน่นอน พวกนี้น่าสงสาร คิดแบบนี้มาตลอดเลย แต่พอมาทำเองมันไม่จริงเลย มันอยู่ที่การปรับตัวในชีวิต คนเราเกิดมาปุ๊บรู้จักการกินหวาน กินเค็ม กินรสจัดเลยเหรอ ก็ไม่ใช่ แต่เราเรียนรู้มันเอง ฉะนั้นถ้าเรารู้ว่ากินอะไรแล้วดี และกินอะไรที่มันจะไปทำร้ายร่างกาย มันก็แค่นี้แหละ เมื่อเราเรียนรู้มัน เราก็จะเปลี่ยนตัวเองไปเอง”
เผยหันมาทำอาหารเพื่อสุขภาพทานเองทุกมื้อ บอกอาจทำรวมเล่มทั้งเรื่องออกกำลังกายและอาหาร
“เราเป็นคนไม่เคยทำอาหารเองเลย คือ ทำก็ทำกระด๊อกกระแด็กไม่ได้อะไรมาก แต่พอได้มาดูแลตัวเองอาหารมันสำคัญถึง 70% เลยนะ ออกกำลังกายแค่ 30% เมื่อก่อนเราออกกำลังกายแต่ไม่คุมอาหารเลย เราก็คิดว่าเราออกกำลังกายแล้วก็กินทุกอย่างที่ขวางหน้าได้สิ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ พอเรามีเทรนเนอร์เขาก็บอกว่าต้องเลือกอาหารที่จะกินด้วย เพราะฉะนั้นมันต้องกินดี ซึ่งไม่ใช่ว่าต้องกินของแพง และไม่ใช่ว่าอด แต่ว่ามันต้องเลือกอาหารที่จะกินว่าเราจะเอาอะไรเข้าปาก ปรุงอย่างไร วัตถุดิบอย่างไร ฉะนั้นถ้าให้ดีที่สุดเราต้องทำเอง เพราะเราก็ไม่รู้ว่าตามร้านอาหารเขาปรุงอะไรบ้าง เกิดเราจะไปเรื่องมากใส่ เขาก็คงบอกว่าคุณไปทำเองเหอะ ก็เลยต้องกลับมาทำเองนี่แหละ (ยิ้ม) ตอนนี้ก็จะมีความสุขกับการได้ทำอาหารเอง”
“พอเราทำแล้วมันดี ก็เลยอยากจะแบ่งปันให้กับคนอื่นด้วย อย่างที่ทำ #HealthyMary ขึ้นมาในอินสตาแกรมมันเกิดจากว่าพอเราเริ่มทำอาหารแล้ว เราก็คิดเมนูไม่ออกว่าเราจะทำอะไรกันดี ทำเมนูสุขภาพให้มันอร่อยด้วย คือเป็นคนต้องกินของอร่อยด้วยนะ จะมากินอะไรฝืดๆ ก็ไม่ได้นะ แต่จะทำอะไรดีล่ะ เราก็ไม่ได้เป็นเชฟ ไม่ได้มีความรู้เรื่องอาหารขนาดนั้น พอทำแฮชแท็กอันนี้ขึ้นมาคนส่งเมนูอาหารเฮลท์ตี้มาให้เยอะมาก พร้อมวิธีการทำด้วย ก็เลยรู้สึกว่ามันมีประโยชน์ มันไม่ใช่แค่เรา พอคนได้ดูเยอะๆ ก็จะเริ่มรู้สึกแล้วว่าอาหารเฮลท์ตี้ไม่ใช่อาหารน่าเบื่อ ไม่ใช่อาหารกินไม่ได้ หน้าตาดีกว่าอาหารปกติบางอันอีก อร่อยด้วย กินแล้วสุขภาพดีด้วย”
“ตั้งแต่เริ่มทำอาหารเองถือเป็นการใช้ครัวที่เยอะที่สุดเท่าที่มีครัวมาเลยนะ โคตรคุ้มเลย (หัวเราะ) ที่ทำๆ กินนี่ก็ไม่ได้ไปเรียนที่ไหนมาเลยนะ เราก็อาศัยดูจากแฮชแท็กที่คนส่งมานี่แหละ ดูจากยูทูปบ้าง คือ ในแฮชแท็กนี่มีแต่คนทำอาหารมือระดับเทพทั้งนั้นเลยนะ บางเมนูเรายังงงเลยว่าคิดได้ยังไง เอาอันนั้นมาผสมอันนี้แต่อร่อย น่ากินและมีประโยชน์ด้วย เราก็เลยลองทำบ้าง และบอกเลยว่าเมนูที่เราทำไม่ยากเลย เพราะถ้ายากเราก็ทำไม่ได้เหมือนกัน คือถ้าเราทำได้ทุกคนบนโลกนี้ก็ทำได้แหละ (หัวเราะ)”
“ทุกวันนี้ก็จะทำอาหารกินเองตลอด อย่างถ้ามีงานเช้าเราก็จะทำทิ้งไว้ตั้งแต่กลางคืนพอเช้าก็อุ่นเอา และถ้ามีเวลาก็จะทำอาหารกลางวันใส่กล่อง แต่ถ้ามีงานต้องมาห้างเราก็ยังพอหาร้านที่เราทานได้อยู่ก็โอเค แต่ถ้าสมมติว่าไปกองเราก็ไม่อยากจะรบกวนกองเขามาก เราก็ทำไปเอง หรือบางทีง่ายๆ ก็คือเอาผักสดไปเลย แล้วก็บอกให้แม่ครัวลวกให้ ไข่ต้มลูกหนึ่งกับน้ำจิ้มสุกี้เราก็อยู่ได้แล้ว”
“โอกาสจะทำรวมเล่มคงต้องขอเก่งกว่านี้อีกหน่อยนะ ให้หน้าตาเมนูมันออกมาสวยกว่านี้ ดีกว่านี้ก็อาจจะทำ เพราะเราก็ยังไม่ได้เก่งมากขนาดนั้น แต่ก็ดูๆ อยู่ค่ะ (ยิ้ม) ก็อาจจะรวมการออกกำลังกายไปด้วยเลย เพราะคนก็ถามถึงกันเยอะ ก็อยากจะถามกลับว่าถ้ารวมแล้ว ซื้อแล้วจะทำตามไหมล่ะ ถ้าทำเราก็จะทำเลยนะ เราก็อยากให้ทุกคนมีสุขภาพที่แข็งแรงนะ ขอให้ทำเหอะ”
“หรืออย่าง #MaryFitty ก็ทำเพื่ออยากให้คนออกกำลังกาย แค่ 2 นาทีง่ายๆ ทำเลย ไม่ได้ยาก ไม่ต้องเดินทางไปไหน ไม่ต้องมีอุปกรณ์อะไรมากมาย เอาของในบ้านนี่แหละ คือมันอยู่ในรายการกาละแมร์แหละ แต่เราก็หยิบยกออกมา คนก็ทำกันนะ สนุกสนาน พอคนเริ่มทำ และเห็นถึงประโยชน์ เราก็เลยเห็นว่ามันมีประโยชน์ต่อเขานะ อย่างน้อยๆ ไอจีนอกเหนือจากดูว่าเราทำอะไร งานเราทำอะไรแล้วก็ให้มีประโยชน์จากการดูไอจีด้วย อย่างน้อยๆ ก็คือเกิดแรงบันดาลใจให้ลุกขึ้นมาดูแลตัวเอง ถ้าคนที่รู้จัก หรือเห็นเรามาตลอดก็จะรู้เลยว่ากาละแมร์เมื่อก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้นะ ดูเมื่อก่อนสิสังขาร หนังหน้า สภาพร่างเป็นยังไง แต่ตอนนี้พอตั้งใจทำก็ดีขึ้นได้นะ”