xs
xsm
sm
md
lg

“ใบเฟิร์น” ปัดละคร 2 เรื่องลังเลต่อสัญญาช่อง 7 โยนผู้ใหญ่ตัดสินใจ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ใบเฟิร์น” ปัดเล่นละคร 2 เรื่อง ลังเลเรื่องต่อสัญญากับช่อง 7 โยนให้ผู้ใหญ่เป็นคนตัดสินใจ บอกตนทำงานที่ไหนก็ได้ขอให้ได้เงิน ปลื้มใกล้เรียนจบแล้วเตรียมเรียนต่อเมืองนอก

มีข่าวแว่วออกมาสักพักแล้วว่านางเอกหน้าหวาน “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” มีแววจะไม่ต่อสัญญากับช่อง 7 เหตุเพราะน้อยใจที่ช่องไม่ค่อยป้อนงานให้ โดยเจ้าตัวบอกว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ เพราะสัญญายังเหลืออยู่ และติดเรื่องเรียนด้วย

“ละครตอนนี้ยังไม่มีค่ะ ขอทำธีซิสก่อนเหลืออีกอึดใจเดียวจะจบแล้วค่ะ ธีซิสของหนูเป็นละครเวทีค่ะ เล่นเดือนมีนาคมนี้ ถ้าอันนี้จบก็เหลือแค่ทำบุ๊คส่งอาจารย์ก็จบแล้วไม่น่าเกินพฤษภาคมค่ะ สบายแล้วทีนี้พ่อเลิกด่าแล้วเล่นละครได้แล้วทำงานได้แล้วเต็มที่ คือพ่อชอบขู่ว่าเรียนสิเรียนชอบกดดัน หนูเองก็ตั้งใจด้วยค่ะ อยากให้เขารู้ว่าเราทำงานด้านนี้ได้ไม่ใช่ว่าหนูจะทำเรื่องเรียนไม่ได้นะ ไม่อยากให้เขาคิดว่าสู้ญาติไม่ได้สู้พี่น้องที่จบหมอไม่ได้ไม่ใช่นะ ก็พิสูจน์ตัวเองว่าหนูทำได้นะ คือเราก็ลูกคนจีนเนอะส่วนใหญ่เขาก็เรียนหมอกัน ที่บ้านก็สมัยใหม่นะคะตัวพ่อน่ะเข้าใจแต่หนูไม่รู้ว่าคนอื่นคิดยังไง แต่อย่างน้อยเราก็พิสูจน์ว่าหนูเรียนจบนะ จบตามเกณฑ์นะเกรดโอเคนะ (ยิ้ม)”

“พ่อควบคุมเรื่องการเรียนมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ ตั้งแต่แคสงานตามโมเดลลิ่งแรกๆ เลย เขาก็บอกว่าถ้าเรียนตกจะไม่ให้ทำไม่ให้แคสไม่ให้อะไรเลยทั้งนั้น แต่เราอยากได้งานไงก็เลยต้องมุ่งมั่นเรียนหนักเลย ซึ่งผลการเรียนก็โอเคมาตลอดนะคะพ่อเลยปล่อยมาได้ถึงตอนนี้ คือไม่ได้เก่งหรอกนะแต่มันค้ำคอ (หัวเราะ) ตอนนี้จะจบแล้วหนูเดินเชิดหน้าอยู่บ้านเลยค่ะ(หัวเราะ) บอกว่าพ่อหนูจะจบแล้วนะ อวดทุกวัน ของขวัญจบเหรอ ไม่เคยซะหรอก พ่อไม่เคยมีของขวัญให้เลย ไม่เคยได้ของขวัญสักปี”

เผยอยากเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก แต่ขอทำงานเก็บเงินเรียนเอง
“ก็กลัวพ่อจะให้เรียนต่ออยู่เหมือนกัน แต่พ่อก็พูดนะเขาอยากให้ไปเรียนต่อที่เมืองนอก หนูก็บอกว่าเรียนนอกก็ได้แต่ขอทำงานเก็บตังค์ส่งตัวเองเรียนจะได้ไม่กวนพ่อนะ พ่อเขาก็ถามนะอยากไปเรียนต่อที่ไหนหรือเปล่า แต่ตอนนี้เขาก็คงเคารพการตัดสินใจของหนูเพราะว่าสุดท้ายหนูก็เรียนจบแล้ว ก็คงแล้วแต่หนู แต่จริงๆ หนูก็อยากเรียนต่อนะจะได้มีข้ออ้างที่จะทำตัวเป็นเด็กว่ายังเรียนอยู่นะ ไม่ได้ทำงานอย่างเดียว (หัวเราะ) คือพอเราเรียนแล้วต้องทำงานไปด้วยลึกๆ ก็รู้สึกว่าเราต้องรับผิดชอบอะไรบางอย่าง ก็เหมือนว่าเราต้องโตขึ้นด้วย”

“จะเรียนต่อเลยมั้ยเหรอ ไม่รู้เหมือนกัน แอบเสียดายตังค์เหมือนกันค่ะ ถ้ากลับมาอาจจะไม่มีงานทำแล้วก็ได้ เพราะหนูอยากไปเรียนเมืองนอก ถ้าเมืองไทยภาษาก็คงไม่ได้สักที ตอนนี้หนูยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย จะเรียนถึงปริญญาเอกเลยมั้ยเหรอ อันนี้พ่อไม่ได้ซีเรียสนะคะ เพราะการเรียนมันก็เหมือนกับการเปิดโลกทัศน์หลายๆ อย่างมันก็น่าจะดี เฟิร์นอาจจะมองเห็นอะไรใหม่ๆ มากขึ้นก็ได้ คือถ้าเกิดไม่มีงานทำก็อาจจะไปเรียนก็ได้ค่ะ (ยิ้ม)”

บอกปัดละครที่ช่องเสนอไปถึง 2 เรื่อง เหตุเพราะติดซ้อมละครเวทีธีซิส
“ละครตอนนี้ยังค่ะ จริงๆ ช่องก็มีให้ 2 เรื่องนะคะ แต่มันตรงกับธีซิสพอดีเลย ช่องก็เข้าใจว่าถ้าทำโปรเจ็คจบหลังจากนี้หนูก็จะได้เล่นละครอย่างเต็มที่ แต่ละครเวทีมันไม่ได้หาได้ง่ายๆ สำหรับตัวเองนะคะ ก็เลยคิดว่าเงินทองเอาไว้ก่อนดีกว่า เพราะเดี๋ยวก็ต้องหาเงินอีกทั้งชีวิตที่เหลืออยู่แล้วตอนเรียนจบ ก็เลยอยากทำอะไรที่อยากทำก่อน หนูก็เลยไม่ได้รับทั้ง 2 เรื่องเลยค่ะ เพราะเวลามันก้ำกึ่งจริงๆ คือเฟิร์นก็ไม่รู้ว่าถ้าเกิดเราต้องไปซ้อมขึ้นมาจริงๆ แล้วเราก็อยากเต็มที่กับละครเวที แต่พอเราไปรับเงินเขาแล้วมันก็เหมือนกับเราต้องรับผิดชอบ ก็เลยต้องเลือก”

“คือละครเวทีเรื่องนี้เราต้องซ้อมกัน 6 เดือนเลยค่ะ เป็นหนึ่งปีของปี 4 เลย ก็เลยตัดสินใจว่าตังค์ไม่ได้ก็ไม่เป็นไรกัดฟันก่อน แต่ถามว่าเสียดายมั้ยเสียดายมากค่ะ แต่สุดท้ายถ้าเฟิร์นเลือกที่จะไปทำละครแล้วทิ้งละครเวทีเฟิร์นคงเสียดายกว่าเดิมอีกแน่ๆ ช่องก็เข้าใจนะคะ เพราะนางเอกในช่องก็มีเยอะ แต่หนูกลัวอย่างเดียวว่าพอปฏิเสธไปแล้วอาจจะไม่ได้เล่นอีกยาวหรือเปล่า แต่เขาก็เข้าใจนะเพราะตั้งแต่เข้ามาเขาก็รู้ว่าหนูเลือกเรียนมาตลอด”

เผยยังไม่รู้จะต่อสัญญาหรือเปล่า แต่บอกตนอยู่ที่ไหนก็ได้ เพราะทำงานที่ไหนก็ได้ตังค์
“สัญญาตอนนี้ยังไม่หมดค่ะ แต่เหลือไม่เยอะเท่าไหร่ น่าจะประมาณกลางปี แต่จะต่อหรือไม่ยังไงคงต้องให้ผู้จัดการดูให้ค่ะ เพราะหนูไม่รู้เรื่องรายละเอียดอะไรยังไงเลยค่ะ แต่ที่มีข่าวว่าจะไปช่อง 3 จริงๆ ยังไม่ได้มีการคุยกันเลยนะคะว่าจะไปไหนหรืออะไร และทางช่องก็ไม่ได้มีการติดต่อมาคุยอะไรกับหนูด้วย แต่ถามตัวหนูเองมันก็เป็นงานเนอะ หนูไม่ได้ซีเรียสว่ายังไง แค่รู้ตัวเองว่าตอนนี้อยากทำอะไร อยากเล่นละครหรืออยากทำละครเวทีมากกว่า หนูโฟกัสแค่ตรงนี้เองค่ะ”

“ถ้าถามตัวเฟิร์นยังไงก็ได้ค่ะ เพราะจริงๆ มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ต้องคุยกัน หนูไม่มีสิทธิไปยุ่งออกความคิดเห็น ถ้าพูดอะไรออกไปตอนนี้หนูก็ไม่ชัวร์ว่ามันจะเป็นจริงอย่างนั้นหรือเปล่า ตอนนี้หนูคงพูดอะไรไม่ได้ อันนี้คงต้องถามพี่ผู้จัดการกับคุณแม่ค่ะ แต่ตัวหนูทำอะไรก็ได้หมดอยู่แล้วที่ได้ตังค์น่ะ (หัวเราะ) แต่ถามว่าอยากจะเป็นนักแสดงอิสระตามรุ่นพี่มั้ย คือมันก็คงแล้วแต่มุมมองเนอะว่าอันไหนดีอันไหนไม่ดี แต่ถามว่าหนูรู้เยอะขนาดที่ว่าอิสระดีกว่าหรือสังกัดดีกว่า หนูก็ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วอยู่ที่ไหนมันจะดีกว่ากัน”

รับเป็นเด็กดื้อ แต่ปลื้มที่มีผู้จัดการส่วนตัวคอยดูแล
“ถ้าไม่รับละครแล้วช่องจะไม่ต่อสัญญาคิดว่าไม่น่านะคะ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็น่าจะบอกหนู ต้องมีการเตือน แต่ทุกครั้งก็เหมือนเขาเข้าใจก็คอยถามว่าเรียนเหรอ เรียนวันไหนอะไรยังไง หรือหนูคงไม่ค่อยได้คุยกับผู้ใหญ่โดยตรงด้วยมั้ง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่คุย พี่เขาก็ไม่ได้มาบอกอะไรนะคะ พี่เขาก็เข้าใจที่เฟิร์นไม่ขอรับละครเพราะเราก็ปีสุดท้ายแล้ว อย่างบางทีพี่บอกว่ามีอีเว้นท์ แต่หนูก็ขอว่าติดเรียนอาจารย์ดุมาก พี่ก็จะบอกว่าเฟิร์น พี่ต้องกินต้องใช้นะลูก โดนเหน็บๆ นิดหน่อย แต่พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร (หัวเราะ)”

“หนูจะขอถ้ามันจำเป็นจริงๆ ค่ะ เพราะกับผู้จัดการส่วนตัวหนูจะฟังทั้งหมด เพราะรู้สึกว่าที่เฟิร์นมาอยู่ตรงนี้ได้ทุกวันนี้มันเป็นเพราะพี่เขาด้วย พี่เขาดูแลงานให้เฟิร์นดูแลภาพลักษณ์ ดูแลลุคทุกอย่าง เฟิร์นรู้สึกว่าเฟิร์นคงไม่มีงานต่อหรือไม่มีงานอะไรถ้าเฟิร์นไม่มีพี่เขาดูแล แล้วเฟิร์นไม่รู้เรื่องแฟชั่นเลย เฟิร์นแต่งตัวไม่เก่ง ไม่รู้ว่าแต่งหน้าทำผมควรจะเป็นยังไงที่เหมาะกับเรา แต่เฟิร์นโชคดีที่มีพี่เขาดูแลให้จริงๆ (ยิ้ม) เพราะฉะนั้นถ้ามันไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง หรือมันไม่ใช่เรื่องเรียนจริงๆ เฟิร์นก็ฟังพี่เขาหมดค่ะ”




กำลังโหลดความคิดเห็น