xs
xsm
sm
md
lg

ฝูงบินร็อก“ฟู ไฟเตอร์ส” อัลบั้มชั้นยอด จากคนฝีมือเยี่ยม “เดฟ โกรห์ล”/บอน บอระเพ็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
เดฟ โกรห์ล
สมัยที่ “เดฟ โกรห์ล”(Dave Grohl) ยังตีกลองให้กับวง“เนอร์วานา”(Nirvana) ฝีมือและชื่อเสียงของเขาอาจถูกบดบังโดย “เคิร์ท โคเบน”(Kurt Cobain)

แต่ยอดคนยังไงย่อมเป็นยอดคนอยู่วันยังค่ำ

เมื่อเคิร์ทฆ่าตัวตายลาโลกสู่นิพพาน ส่งผลให้วงเนอร์วานาแยกย้าย เดฟ โกรห์ล ผู้มีพลังไฟดนตรีเต็มเปี่ยมก็ได้ออกไปสร้างสรรค์งานของตัวเองในนามวง “ฟู ไฟเตอร์ส”(Foo Fighters) ที่ชื่อวงนำมาจากเหตุการณ์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่บรรดานักบินฝ่ายสัมพันธมิตร ได้เห็น(และรายงาน)ปรากฏการณ์ประหลาดเหนือน่านฟ้า เกี่ยวกับจานบิน ต่างดาว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในนาม “ฟู ไฟเตอร์ส”

วงฟู ไฟเตอร์ส เป็นวงดนตรีในแนวร็อก อัลเทอร์เนตีฟ และกรันซ์ ทางวงได้ส่งอัลบั้มแรก ในชื่อเดียวกับวง คือ “Foo Fighters” ออกมาใน ปี ค.ศ. 1995

แต่ให้ตายเถอะ!!! อัลบั้มชุดนี้แม้ออกในชื่อวงฟู ไฟเตอร์ แต่จริงๆแล้วมันคือผลงานจากฝีมือของโกรห์ลคนเดียว พี่แกเหมามันหมดทุกอย่างทั้ง ร้อง เล่นกีตาร์ หวดกลอง ทึ้งเบส ร่วมโปรดิวซ์ และทำโปรดักชั่นเอง
วงฟู ไฟเตอร์ส
เมื่ออัลบั้มแรกไปได้สวย โกรห์ลจึงฟอร์มวงตามมา มีการดึงสมาชิกในตำแหน่งต่างๆเข้ามาร่วมวง โดยที่มันสมองและกำลังหลักของฟู ไฟเตอร์สยังคงเป็นโกรห์ล บุรุษผู้บ้าพลังทางดนตรี เพราะนอกจากเขาจะมีผลงานกับวงฟู ไฟเตอร์สแล้ว โกรห์ลยังไปร่วมสร้างสรรค์ผลงานดนตรีกับศิลปินอีกเป็นจำนวนมาก มีอัลบั้มออกมาไม่น้อย

ขณะที่ในนามวงฟู ไฟเตอร์สนั้น ผลงานสตูดิโออัลบั้ม 1-7 กับผลงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น อีพี การแสดงสด รวมฮิต นั้นขายอัลบั้มรวมในอเมริกาได้มากกว่า 10 ล้านชุด และขายได้มากกว่า 30 ล้านชุดทั่วโลก

นอกจากฝีมือรอบด้านและรอบจัดจนหลายคนยกให้เขาเป็นอัจฉริยะดนตรีคนหนึ่ง โกรห์ลยังมีความสามารถยอดเยี่ยมทางด้านงานภาพยนตร์อีกด้วย ปี 2013 เขาเป็นทั้งผู้สร้างและผู้กำกับงานหนังสารคดีเรื่อง “Sound City” นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับสตูดิโอในแวน นายส์ ที่วงดนตรีร็อกชื่อดังจำนวนมากใช้บันทึกเสียง โดยหนึ่งในนั้นก็คือวงเนอร์วานา อดีตวงกรันจ์อันดับหนึ่งของโลกที่โกรห์ลเคยร่วมสร้างชื่อฝากฝีมือการหวดกลองจารึกไว้เป็นตำนานร่วมกับเคิร์ท โคเบน และ คริส โนโวเซลิก(มือเบส)

แม้จะข้ามสายมากำกับภาพยนตร์ แต่โกรห์ลก็ยังคงไว้ลายยอดฝีมือ สารคดีเรื่อง Sound City สามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ ปี 2014 (Best Soundtrack 2014)

หลังประสบความสำเร็จจาก Sound City โกรห์ลเดินหน้าทำหนังสารคดีต่อทันทีกับบันทึกเรื่องเล่าผ่านวงฟู ไฟเตอร์สในการไปสัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมและดนตรีใน 8 เมืองของสหรัฐอเมริกา โดยสารคดีชุดนี้มีการฉายทางช่อง HBO เพื่อร่วมเฉลิมฉลองครบรอบ 20 ปีของวงฟู ไฟเตอร์สที่จะมาถึงในปีหน้านี้(2515)

ในการทำชุดสารคดีนี้นอกจากการถ่ายทำแล้ว ทางวงยังได้แต่งเพลงใหม่ 1 เพลงในแต่ละเมืองที่ไป ถ่ายทอดเรื่องราวน่าสนใจของเมืองนั้นๆ(ในมุมมองของโกรห์ล) และทั้ง 8 เพลงใหม่นี้ได้ถูกนำมาทำเป็นผลงานใหม่ของวงฟู ไฟเตอร์สกับอัลบั้มชุด “Sonic Highways”(2014) ซึ่งเป็นผลงานเพลงที่มีวิธีคิดในการทำงานน่าสนใจไม่น้อยเลย
ปกอัลบั้มชุดใหม่ของฟู ไฟเตอร์ส Sonic Highways
โซนิก ไฮต์เวย์ส เป็นสตูดิโออัลบั้มลำดับที่ 8 ของวง มีสมาชิกชองวงนำโดย “เดฟ โกรห์ล”(Dave Grohl) : ร้องนำ แต่งเพลง กีตาร์, คริส ชิเฟล็ต(Chris Shiflett) : กีตาร์นำ,“แพท สเมียร์”(Pat Smear) ริทึ่ม กีตาร์, “เนท เมนเดล” (Nate Mendel) : ตะปบเบส และ “เทเลอร์ ฮอว์กินส์”(Taylor Hawkins) กระหน่ำกลอง โดยมี “บุทช์ วิก”(Butch Vig) โปรดิวเซอร์มือรางวัลแกรมมี่ 2012 จากชุดที่แล้ว(Wasting Light : 2011) มาเป็นโปรดิวซ์เหมือนเดิม

ส่วนที่พิเศษเพิ่มเติมเข้ามาก็คือชุดนี้มีศิลปินรับเชิญเพียบ โดยทางวงได้นำศิลปินเด่นๆใน 8 เมืองนั้นๆ มาเป็นแขกรับเชิญ อาทิ เบน กิบบาร์ด จาก เดธ แค็บ ฟอร์ คิวตี, โจ วอลช์ ของดิ อีเกิลส์, ริค เนลสัน แห่งชีพ ทริค และ แกรี คลาร์ค จูเนียร์ เป็นต้น

โซนิก ไฮต์เวย์ส เปิดอัลบั้มกันด้วยเพลง “Something From Nothing”(Chicago, IL) ซิงเกิ้ลแรกที่ทางวงส่งออกมา เพลงนี้โกรห์ลได้รับอิทธิพลมาจากเหตุการณ์ไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ชิคาโกเมื่อปี 1871 มีคุณปู่ “ริค นีลเซ่น” (Rick Nielsen)จากวงชีพ ทริค มาร่วมเล่นกีตาร์

ดนตรีเปิดตัวกันด้วยลูกปิ๊กกิ้งกีตาร์ขึ้นมาแบบหน่วงๆลอยๆ มีสไลด์กีตาร์เล่นสอดเสริมมา ก่อนจะค่อยๆเพิ่มดีกรีเข้มข้นขึ้นเป็นร็อกมันๆดนตรีแน่นๆ กีตาร์สับริทึ่มคอร์ดได้เท่มาก และต่อจากนั้นก็เป็นช่วงพีคของการระเบิดอารมณ์ โกรห์ลแหกปากตะโกนแบบสุดติ่ง ดนตรีอัดหนักจัดมันใส่กันมาแบบไม่ยั้งไปจนจบเพลง

The Feast and the Famine” (Arlington, VA) กีตาร์เล่นโน้ตเป็นทำนองเท่ๆนำมา ก่อนที่ดนตรีจะพาไปสนุกมันๆกันต่ออารมณ์จากเพลงแรกได้อย่างสะใจ

Congregation”(Nashville, TN) เพลงนี้ได้“แซก บราวน์”(Zac Brown) มาเป็นศิลปินรับเชิญ อารมณ์เพลงถูกดึงลงมาเบรกกรันจ์ร็อกหนักๆใน 2 เพลงแรกได้ดีพอตัว กับเพลงแนวอัลเทอร์ผสมกลิ่นคันทรีร็อกตามเอกลักษณ์ของแนชวิลล์ เมืองคันทรี แต่กระนั้น Congregation ก็ยังไม่วายมีลูกหนักๆดุๆให้แหกปากแบบไม่ให้เสียยี่ห้อฟู ไฟเตอร์ส
วงฟู ไฟเตอร์ส
ต่อกันด้วย “What Did I Do? / God As My Witness”(Austin, TX) อีกหนึ่งเพลงร็อกมันๆออกแนวย้อนยุค ดนตรีเน้นลูกดิบ โฉ่งฉ่าง มี “แกรี คลาร์ค จูเนียร์”(Gary Clark, Jr.) มาเป็นแขกรับเชิญร่วมโซโลในทางบลูส์ร็อกกับดนตรีที่สลับอารมณ์ช้า-เร็ว ที่ทำออกมาได้เจ๋งมาก

Outside”(Joshua Tree, CA) อีกหนึ่งอารมณ์อัลเทอร์ผสมร็อกแอนด์โรลย้อนยุคที่ได้คุณปู่ , โจ วอลช์(Joe Walsh) จากดิ อีเกิลส์ มาวาดลวดลายโซโลกีตาร์แบบลืมแก่ ภาคกีตาร์ในเพลงนี้มีผ่อนหนัก ผ่อนเบา และลูกโซโลเล่าเรื่องราวที่สวยงาม เด็ดสะแด่วจริงๆครับพี่น้อง

In the Clear”(New Orleans, LA) มาเมืองแจ๊ซ แม้ไม่เล่นแบบแจ๊ซ แต่โกรห์ลก็นำวง “Preservation Hall Jazz Band” มาร่วมสร้างอารมณ์ด้วยเสียงเครื่องเป่าแน่นๆ ซาวนด์ออกอลังการนิดๆ ดนตรีเป็นร็อกโจ๊ะๆเจือกลิ่นป็อบ ฟังติดหูง่ายดีทีเดียว

Subterranean” (Seattle, WA) ดนตรีเน้นแนวอะคูสติก เป็นเพลงช้า เพราะๆ หวานซึ้งปนเศร้าประจำอัลบั้ม

จากนั้นปิดท้ายกันด้วย “I Am a River”(New York, NY) บทเพลงยาว 7 นาทีกว่าๆออกแนวมหากาพย์นิดๆ

ดนตรีเพลงนี้เปิดตัวสวยกับซาวนด์ใสๆเคลียร์ กีตาร์เล่นปิ๊กกิ้งพลิ้วไหว แล้วค่อยๆเพิ่มดีกรีขึ้นมาทีละนิด โดยมีเครื่องสายเล่นคลอเคลียไป โกรห์ลร้องเพลงนี้ได้ถึงอารมณ์มาก โดยเฉพาะท่อนฮุค I Am a River นี่ถ้าเล่นคอนเสิร์ต แฟนเพลงร้องตามกระหึ่มแน่

ท่อนท้ายของเพลงนี้ที่ดนตรีทวีความเข้มข้นนั้น ซาวนด์ยิ่งใหญ่มาก โดยเฉพาะกับไลน์เครื่องสายนี่สวยงามอลังการมากถือเป็นการจบปิดท้ายอัลบั้มอย่างสุดสวย ซึ่งโดยส่วนตัวผมแล้ว I Am a River คือแทรคยอดเยี่ยมที่สุดประจำอัลบั้ม

ขณะที่ผลงานอัลบั้มโดยรวมนั้น แม้จะมีเพลงน้อยไปหน่อยแค่ 8 เพลง แต่เป็น 8 เพลงแบบเนื้อๆเน้นๆ ที่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ อันถือเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มชั้นเยี่ยม ผลงานเพลงชั้นยอด และอาจมีลุ้นรางวัลทางดนตรีใหญ่ๆเหมือนกับอัลบั้มที่แล้ว (Wasting Light) เพราะเริ่มตั้งแต่วิธีคิดในการทำเพลงนั้นก็คือว่าไอเดียเจ๋งและมีความแตกต่างจากที่ผ่านๆมา

ส่วนตัวเพลงทั้ง 8 แทรค แม้จะมีความหลากหลายในพื้นที่ของเมืองทั้ง 8 แต่โกรห์ลก็เลือกหยิบจุดเด่นบางแง่บางมุมมาร้อยเรียงสร้างสรรค์เป็นงานในแบบฉบับของเขาได้อย่างลงตัว มีการทำเพลงสร้างท่วงทำนอง เรียบเรียงได้อย่างยอดเยี่ยมมากสีสัน อีกทั้งยังมีการนำซาวนด์ใหม่ๆผสมผสานเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น เหล่านักดนตรีรับเชิญที่มีสไตล์ของตัวเองเป็นความแปลกใหม่เข้ามาเสริมสีสัน หรือซาวนด์ดนตรีเอกลักษณ์ประจำเมืองนั้นๆ รวมถึงซาวนด์เครื่องเป่าแน่นๆ ซาวนด์เครื่องสายอันอลังการสวยงาม

อย่างไรก็ดีในด้านของความหนักหน่วง ดุดิบ มันสะใจนั้น Sonic Highways อาจมัน หนัก ดิบ สู้ สะใจ สู้ชุดที่แล้วไม่ได้

แต่นี่ถือเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการทางดนตรีของเดฟ โกรห์ล และฟู ไฟเตอร์ส ซึ่งยังคงมีผลงานเพลงดีๆออกมาช่วยกู้สถานการณ์วงการเพลงร็อก ให้มีความเคลื่อนไหว ไม่เงียบหาย ซบเซา ชนิดที่ถูกเพลงป็อบกลบจนโลกลืม

*****************************************

คลิกฟังเพลง I Am A River
คลิกฟังเพลง Something From Nothing
*****************************************

แกะกล่อง

ศิลปิน : Michael Learns To Rock
อัลบั้ม : 25 Michael Learns To Rock : The Complete Single

นับเป็นวงดนตรีจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาเล่นคอนเสิร์ตในบ้านเรามากที่สุดวงหนึ่ง สำหรับ“Michael Learns To Rock” ซึ่งวันนี้พวกเขามีอายุ(วง)ครบเบญจเพส 25 ปีแล้ว ทางค่าย Warner Music จึงออกอัลบั้มนี้มาเพื่อเฉลิมฉลองให้กับวงในแบบแพกเกจซีดี 2 แผ่นคู่ มี 25 เพลง โดยอัดแน่นไปด้วยซิงเกิลฮิตของพวกเขาอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น “Sleeping Child”, “25 Minutes”, “That’s Why You Go Away”,“I’m Gonna Be Around” และ ฯลฯ พร้อมกันนี้ยังมี 2 เพลงใหม่ คือ “Silent Times” และ “Call On Love” ใครที่เป็นแฟนเพลงของวงนี้หรือชอบฟังเพลงป็อบเพราะๆ อัลบั้มชุดนี้สามารถตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
กำลังโหลดความคิดเห็น