“บุ๋ม” เซ็งตำรวจเรียกสอบปากคำ คนร้ายสวมรอยทะเบียนรถก่อเหตุระเบิดที่ปัตตานี เชื่อเป็นมารผจญก่อนแต่งงาน โว “เอก เอกริน” ทุ่มงบงานแต่งไม่อั้น จากหลักหมื่นเป็นหลักล้าน แขก 20 เป็น 200 ชุดแต่งงานสั่งลูกไม้จากฝรั่งเศส ก่อนแต่ง 3 วัน จะถือศีลนุ่งขาวห่มขาว บอกเป็นเคล็ดลับเพื่อชีวิตคู่ ไม่รู้ “ติ๊งโน้ต” ออกรายการบอกรักตนมาก ลั่นปล่อยให้อยู่ในโลกส่วนตัวต่อไป
เรียกได้ว่าปีนี้เป็นปีที่มีสารพัดข่าวเลยจริงๆ สำหรับ “บุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้ายบุ๋มก็กลายเป็นบุคคลที่อยู่ในกระแสตลอดเวลา ล่าสุด เจ้าตัวก็ได้เดินทางไปให้สัมภาษณ์ในรายการ “คันดังนั่งเคลียร์” ณ สตูดิโอช่อง 2 ลาดพร้าว 15 ผู้สื่อข่าวผู้จัดการบันเทิงออนไลน์จึงได้ตามไปอัปเดตความคืบหน้าเรื่องงานแต่งกับแฟนหุ่นล่ำ “เอก เอกริน นิลเศรษฐี” ในวันที่ 18 มกราคม 2558 ที่จะถึงนี้ โดยบุ๋มก็เผยว่าปีนี้ถือเป็นปีแห่งสีสันในชีวิตของเธอจริงๆ เพราะมีเรื่องราวครบรสสุดๆ เชื่อข่าวแย่ๆ เป็นมารผจญก่อนที่ตนจะแต่งงาน
“ปีนี้ถือว่าเป็นปีสีสันมากค่ะ เพราะเป็นปีที่เราเริ่มรณรงค์ข่มขืนด้วย แล้วก็เป็นทั้งปีขอแต่งงาน ปีที่มีเรื่องข่าวต่างๆ เข้ามาโดยที่ตั้งตัวและไม่ตั้งตัว (หัวเราะ) เป็นปีที่เสียน้ำตาด้วย เพราะปกติจะเห็นน้ำตาบุ๋มยากมากนะ ถ้าไม่ใช่ละครไม่มีได้เห็นหรอก แต่ในชีวิตจริงบุ๋มถือว่าคนเรามันต้องเจออะไรกันได้ แต่ครั้งนี้มันเหมือนเครียดมาหลายวันด้วยแหละ พอมันได้พูดก็เลยไม่รู้จะอะไรออกมาก่อนดี แล้วพอมันอยู่หน้ากล้องหน้าไมค์ เราเองก็ไม่อยากจะร้องไห้หรอกนะ กลัวคนจะหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้อีก แต่พอยิ่งอั้นมันยิ่งมา มันยิ่งพรั่งพรูออกมาอย่างที่เห็น แต่ก็พยายามควบคุมสติและพลังให้ได้มากที่สุด เพราะจริงๆ แล้วไม่ได้นอนมา 3 วันจริงๆ”
“แต่ถามว่าโดยรวมโอเคไหม ก็โอเคเลยนะ เพราะจะมีช่วงหนึ่งที่งานหนักมาก จนกระทั่งเราคิดว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ เรากำลังใช้ชีวิตยังไงอยู่ ทำไมวันๆ หนึ่งยังไม่ทันเห็นแสงพระอาทิตย์เลยอยู่แต่ในสตูดิโอกว่าจะกลับบ้านพระอาทิตย์หายไปอีกแล้ว เห็นแต่กล้อง เห็นแต่ไฟ นี่ฉันใช้ชีวิตอะไรของฉันอยู่ วันหยุดก็ไม่ได้หยุดเหมือนคนอื่นเขา ไปไหนก็ไม่ได้เดินแบบปกติเพราะต้องโดนถ่ายรูป ความเป็นส่วนตัวก็ไม่มี แถมทำอะไรก็โดนวิพากษ์วิจารณ์ตลอดว่าแต่งหน้าหนาบ้างล่ะ ขนาดออกไปช่วยคนยังมีมาแซวเลยว่าแต่งหน้าแน่นตลอดอะไรอย่างนี้ บางทีก็คิดนะว่ามันไม่มีจุดอื่นจะมาสนใจกันหรือไงมาสนใจเรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ”
“จนเรารู้สึกว่าชีวิตมันเริ่มไร้สาระ หรือตัวเราเองก็กำลังทำสิ่งไร้สาระอยู่ มันรู้สึกอย่างนั้นนะ จนอยากจะลาออกจากวงการบันเทิงแล้วก็ไปเป็นอาจารย์ของเราเหมือนเดิม คิดอย่างนั้น เพราะเราจบดอกเตอร์แล้วด้วยมันก็เลยพอดีกับจุดนั้น ซึ่งปีนี้ก็เป็นปีที่จบด็อกเตอร์ด้วย มันก็เลยหนักเรื่องเรียนพอสมควร มันก็เลยมีหลากหลายสีสันเกิดขึ้น มันเป็นปีแห่งสีสันของบุ๋มจริงๆ ค่ะ คือบทจะขึ้นก็ขึ้น จะลงก็ลง แต่พอเราได้มาทำองค์กรทำดี มันเลยรู้สึกว่าคำว่าเป็นดาราที่มันเหนื่อยแสนเหนื่อยเนี่ย การเป็นคนของประชาชน การเป็นดารามันดีอย่างนี้นี่เอง มันก็มีอะไรดีๆ ในจุดของความเหนื่อยของมันเหมือนกันค่ะ (ยิ้ม)”
ความซวยประดังส่งท้ายปีก่อนแต่ง โดนตำรวจส่งจดหมายเรียกตัว
“ใช่ ไม่รู้ทำไมนะ ก็มีคนบอกว่ายิ่งใกล้จะแต่งงาน หรือมีงานดีๆ มันจะมีอะไรร้ายๆ มา นี่ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. เลยค่ะ ดิฉันเพิ่งได้รับจดหมายจากตำรวจเรียกตัวดิฉันค่ะ คือรถคันเก่าของบุ๋มที่บุ๋มขายไปแล้วน่ะ ดันมีคนเอาทะเบียนรถคันนั้นไปใช้ก่อเหตุระเบิดที่ปัตตานี ปีนี้มันเป็นปีอะไรเนี่ย ก็คิดอยู่ว่าฉันเพิ่งเคลียร์กับ EFM เสร็จก็มาเจอวันนี้อีก จะน็อกอยู่แล้ว แต่เรามีหลักฐานในการขายของเราอยู่แล้ว ซึ่งรถคันนี้ก็ขายไปเกือบ 2 ปีแล้วค่ะ เป็นศูนย์ดีลเลอร์ใหญ่ที่เขารับไป แล้วมันมีการโอนลอย เพราะคันนั้นเขายังไม่ได้ขายไป ยังอยู่ที่ศูนย์ ซึ่งมันก็เกินความรับผิดชอบของเราแล้ว เพราะว่าเรามีหลักฐานในการขายหมดทุกอย่าง เพราะบุ๋มก็ขับคันใหม่มาตั้งปีกว่าแล้วนะ แต่วันนี้ (3 ธ.ค. 57) จะต้องเข้าไปที่สถานีตำรวจเพื่อชี้แจงว่าเราไม่ได้เป็นคนวางระเบิดนะ (หัวเราะ)”
“คือเราก็ทำบุญตลอดนะ ทำเยอะมาก แต่มันก็พิสูจน์ให้เห็นอย่างหนึ่งนะ คือกรรมก็ส่วนกรรม บุญก็ส่วนบุญ แต่พอเราทำบุญเยอะ สิ่งที่เป็นกรรมมันเลยไม่หนักหนานาน ปกติแล้วอย่างข่าวโดนใส่ความบุ๋มโดนมาตลอด แต่มันไม่ได้เคลียร์ได้เร็วเหมือนช่วงที่ผ่านมา ก็อาจจะคิดในแง่บวกให้กับมันได้บ้างว่าอาจจะเป็นเพราะเราทำบุญ อาจจะเป็นเพราะเราทำสิ่งดีๆ เยอะ คนที่ไม่เชื่อเรื่องสิ่งที่เขาเมาท์กันว่าจะไปชี้หน้าด่ากราดมันไม่เป็นความจริงก็เลยเยอะขึ้น ก็เลยค่อนข้างจะเคลียร์อะไรได้เร็วขึ้น ถ้ามองในแง่ดีมันก็ดีนะ เพราะว่าชีวิตคนมันคงจะไม่ได้มีความสุข มีรอยยิ้มได้ตลอดหรอก มันก็ต้องมีน้ำตามีความเครียดกันบ้าง ก็เป็นความโชคดีที่มีคนสงสารเรานะ เพราะเขาสงสารก็เลยมีอะไรมาบอกเราพอสมควร มันเลยจับทางได้ถูก (ยิ้ม)”
บอกเป็นคนไม่กล้าดูดวง แต่ปลื้มมีหมอดูทักว่าปีหน้าดวงงานจะพุ่งสุดขีด
“บุ๋มไม่เคยได้ดูดวงเลย ไม่กล้าดู กลัวเขาบอกว่าเป็นปีที่บาดเจ็บ ล้มป่วย งานไม่ดี เรากลัวจะเครียด (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นจะดีหรือไม่ดีไม่รู้แหละ แต่ฉันก้มหน้าก้มตาทำงานดีกว่า ทำให้เต็มที่ดีกว่า จะชงไม่ชงไม่รู้ เห็นบอกปีนี้เป็นปีดี แต่ทำไมมันยังมีเรื่องขนาดนี้ บุ๋มเลยไม่เชื่อเรื่องนี้แล้ว เราคงชงทุกปี เพราะเรามีข่าวทุกปี (หัวเราะ) ก็เลยไม่กล้าดูดวง จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้บอกว่าเราจะมีผัว แต่ก็ได้แต่งงานเนี่ย ก็ยังงงๆ อยู่ (หัวเราะ)”
“แต่ก็มีคนมาทักเหมือนกันว่าดวงงานจะรุ่งมากปีหน้า (ยิ้ม) จะได้ทำอะไรใหญ่ๆ มากเกินตัวที่ไม่เคยฝันมาก่อน เราก็โอเคฟังไว้ เพราะเรื่องธุรกิจที่จะไปเปิดที่กัมพูชาก็ยังดำเนินการอยู่ แต่บุ๋มไม่คิดว่าจะใช่อันนี้นะ อาจจะมีอะไรมากกว่านี้ เป็นระดับประเทศ (ยิ้ม) แต่ที่กัมพูชาบุ๋มอยากจะทำให้มันชัวร์ที่สุด เพราะว่าเงินเราก็ไม่ใช่น้อยๆ ที่ไปลงตรงนั้น ถ้าเอกสารมันผิดพลาด หรือโดนยึดตังค์ไปเราคงจบเหมือนกัน เราก็ไม่อยากให้มันพลาด ก็ไม่เป็นไร รอได้ ไม่รีบ ตอนนี้ก็ติดเรื่องเอกสารทางราชการในการเปิดร้านค้า พอเปิดร้านเสร็จก็ลงได้เลย คิดว่าน่าจะเรียบร้อยประมาณต้นปีหน้า น่าจะช่วงหลังแต่งงาน”
บอกแพลนงานแต่งมีการเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว แถมงบบานปลายจากแค่หมื่นเดียว กลายเป็นเกินล้าน
“ล่าสุดเพิ่งไปดูสถานที่มาค่ะ ไปดูกำหนดการ แล้วมันก็มีอะไรเปลี่ยนแปลงกับชีวิตบุ๋มมากอีกแล้ว คือตอนแรกตั้งใจว่าตอนเช้าจะถวายเพลแล้วก็จบ เราก็จะบินกลับกรุงเทพฯ เลย แต่พระอาจารย์ไม่ยอม พระอาจารย์บอกว่าวันนั้นเป็นวันของเรา ต้องให้เต็มที่กับสิ่งที่เราทำ เพราะบุ๋มจะต้องมีไปถือศีลภาวนา 2 วันก่อนหน้าวันแต่งงาน เพราะตัวบุ๋มเองก็อยากนิ่ง อยากพักผ่อนมากกว่าด้วย เพราะบุ๋มเชื่อว่าวันแต่งคงค่อนข้างจะวุ่นพอสมควร เพราะตอนนี้เราก็ไม่ได้จำกัด ใครจะมาก็ได้ ดังนั้นช่วงเช้าก็จะเป็นพิธีสงฆ์ค่ะ แล้วจะมีเลี้ยงขันโตกช่วงเย็น”
“ตอนนี้แพลนที่เคยวางไว้ว่าเสร็จพิธีเช้า เราก็จะบินกลับมาทำงานต่อ ตอนนี้ก็เลยไม่ได้แล้ว (หัวเราะ) เพราะแขกส่วนใหญ่ก็แขกท่านทั้งนั้นเลยนะ ไม่ใช่แขกเราเลย (หัวเราะ) ก็คงต้องกลับวันรุ่งขึ้นเลยค่ะ ก็คงจะทำพิธีให้เสร็จสิ้น ให้เป็นพิธีทางเหนือที่สวยงามที่สุด (ยิ้ม)”
“งานครั้งนี้ก็คงต้องอลังการแล้วล่ะ เพราะจากที่ตอนแรกเราก็อยากจะทำแบบธรรมดาๆ นะ แต่งานนี้ก็คงจะอลังตรงแขกค่ะ ไม่ใช่จำนวนเยอะนะคะ เราจำกัดคนช่วงงานขันโตกตอนเย็น เพราะสถานที่มันจำกัด ไม่ให้เกิน 200 คนค่ะ ยังไงก็ไม่ให้เกิน เพราะถ้ามากกว่านั้นเราก็ไม่ไหว กลัวดูแลไม่ไหว ดังนั้นตอนนี้ก็เลยกลายเป็นว่า VIP ONLY รู้สึกจะเป็นเจ้าทางเหนือซะส่วนใหญ่ที่มา และเพราะว่าเป็นขันโตกด้วย มันก็เลยจำกัดพื้นที่ แล้วก็จะมีนางรำมาฟ้อน มีดอกทิวลิปประดับเป็นพันดอก เพราะว่าท่านทำสวนดอกทิวลิปที่นั่น แขกก็จะได้ชมดอกทิวลิปที่สวยงาม แล้วก็มีโคมไฟดอกไม้เป็นพันโคม มีประดับตลอดทางยาวเลย (ยิ้ม)”
“งบประมาณตอนนี้ไปเรื่อยๆ แล้วค่ะ (หัวเราะ) ตอนแรกกะไว้แค่ไม่ถึงหมื่น (หัวเราะ) นี่เรื่องจริงนะ เพราะตอนแรกคิดว่าจะแค่พิธีเช้าไง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นหลายแสนแล้ว เกินล้านแล้วด้วย (หัวเราะ) มันหมดไปกับค่าเครื่องบินของแขกที่จะมาค่ะ แล้วก็ค่าที่พัก รถตู้รับส่ง จะหมดตรงนั้นมากกว่า เพราะเราอำนวยความสะดวกตรงนี้ให้แขก แล้วตอนนี้จะมีแฟนคลับของบุ๋มเขาจะบินมาจากต่างประเทศด้วย ทั้งจากญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เยอรมัน ฟินแลนด์อะไรประมาณนี้ค่ะ แต่ในส่วนแฟนคลับนี้เรื่องเครื่องบินเขามาเอง แต่เราดูแลเรื่องที่พักในไทยให้ค่ะ”
“แต่จำกัดแค่ 200 จริงๆ ใครมาก่อนได้ก่อน (หัวเราะ) เพราะคงไม่ได้มาเลี้ยงรอบสอง ในกรุงเทพฯ คงไม่ค่ะ ไม่รู้จะจัดที่ไหนด้วย เกรงใจ แต่ก็คงจะไปไหว้ผู้ใหญ่มากกว่า ไปไหว้ขอพรง่ายๆ ดีกว่า ตอนนี้เรื่องงบเราก็เลยยังกะไม่ได้ว่ามันจะหยุดที่เท่าไหร่ เพราะคุณเอกก็บอกว่าเขาก็ยอมเต็มที่เหมือนกัน เงินเก็บทั้งหมด (หัวเราะ) ต้องบอกว่าตรงนี้เงินเขานะคะ ไม่ใช่เงินบุ๋ม ตอนนี้น้ำตาเขาเริ่มไหลไปเรื่อยๆ แล้ว อาจจะเห็นขนหน้าแข้งเริ่มขาว (หัวเราะ)”
ปลื้มได้ชุดแต่งงานสุดอลังการ เวอร์สุดๆ จาก “ปลา ฟินาเล่” ที่ลงทุนจัดเต็มให้เหมือนแต่งเอง
“เรื่องชุดเป็นของพี่ปลา ห้องเสื้อฟินาเล่จัดการให้ค่ะ (ยิ้ม) และโชคดีตรงที่ชุดพรีเวดดิ้งพี่ปลาก็ทำให้เป็นของขวัญ 9 ชุดสุดอลัง ชุดเว่อร์มาก (หัวเราะ) วันที่ถ่ายก็ตั้งแต่เที่ยงยันหกโมงเย็นเลย สนุกสนานมาก เรื่องค่าเช่าบ้านที่ถ่ายพี่ปลาก็ดูแลทุกอย่าง ก็หนึ่งแสนบาทแล้วสำหรับค่าเช่าบ้าน ค่าข้าว ค่ารถ ค่าชุด ซึ่งตัดใหม่หมดเลย เพราะไซส์บุ๋มกับไซส์คุณเอกก็ไม่ธรรมดาเนอะ (หัวเราะ) เขาก็ต้องตัดให้ใหม่ พี่ปลาก็ลงทุนให้เยอะเป็นของขวัญวันแต่ง ก็ออกมาภาพสวยสมใจ (ยิ้ม)”
“ส่วนชุดวันแต่งงานก็ต้องถามพี่ปลาอีกทีว่าเป็นชุดแบบไหน ยังไม่กล้าดูแบบ แต่ไม่เซ็กซี่แน่นอน งานนี้บุ๋มขอเรียบร้อยและสวย เพราะพี่ปลาวางไว้ว่าเป็นแบบไทยๆ สง่างาม ก็รู้สึกว่าจะสั่งลูกไม้มาจากฝรั่งเศส ราคาก็คงจะแพงอยู่เนอะ เพราะเอาลูกไม้มาวางใหม่กันเลย ตอนที่ฟังก็ยังบอกว่าเอาของเก่ามาตัดก็ได้เพราะในร้านเขาก็เยอะ ชุดเก่าๆ เขาก็เยอะแยะ แต่พี่ปลาบอกว่าไม่ได้ เหมือนตัวเองแต่งเองยังไงก็ไม่รู้ เขาดูตื่นเต้นมาก (หัวเราะ) เขาเต็มที่ให้เราจริงๆ พี่ปลาน่ารักมากค่ะ แล้วเขาก็ขนทีมกล้องขึ้นไปให้เอง จนเราเกรงใจเยอะเหมือนกัน”
“แต่สิ่งที่บุ๋มห่วงก็คือเรื่องการดูแลแขกค่ะ กลัวดูแลไม่ดี เพราะเราก็แค่สองคน จริงๆ งานแต่งงานเราก็อยากสวีตกันสองคนเนอะ แล้วก่อนหน้าวันแต่งบุ๋มกับคุณเอกจะไม่ได้เจอกันเลย เพราะเราก็แค่สองคน จริงๆ งานแต่งงานเราก็อยากสวีตกันสองคนเนอะ แล้วก่อนหน้าวันแต่งบุ๋มกับคุณเอกจะไม่ได้เจอกันเลย 3 วันนะ เพราะเราถือเคล็ดอะไรบางอย่าง (ยิ้ม) จะไม่เจอกัน 3 วัน ปิดวาจา ถือศีลนุ่งขาวห่มขาวอยู่กันคนละที่เลยแหละ ก็มีคนแนะนำมานิดหน่อยค่ะ (ยิ้ม) เพื่อที่ว่าทำแล้วจะได้ดีกับชีวิตคู่ คือมันยังต้องมีอะไรปรับกันนิดหนึ่ง ถึงเราจะตื่นเต้นกับงานแต่งขนาดไหนเราก็ต้องนิ่ง วันแต่งก็คงเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ดูนิ่งที่สุด (หัวเราะ) ก็ไปลุ้นกันวันแต่งว่าจะเจอกันสภาพไหนอีกทีหนึ่ง (ยิ้ม)”
เผยเรือนหอ 100 ล้านอยู่ในช่วงตกแต่ง ยอมรับอู้ฟู้ แต่ก็เป็นเงินจากธุรกิจตัวเองทั้งนั้น
“เรื่องเรือนหอจริงๆ ก็ไม่ได้อยากเรียกว่าอลังการอะไรขนาดนั้น เพราะความตั้งใจของเราคืออยากจะให้คุณพ่อคุณแม่มาอยู่ด้วยกัน เพราะบุ๋มอยู่เมืองนอกมาตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเราก็ฝันว่าอยากจะใช้เวลาบั้นปลายของท่าน เราจะได้ดูแลท่านเต็มที่ คือที่ผ่านมาเราก็ทำงานหนักเพื่อครอบครัว คือเราแต่งงานใหม่ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราต้องทิ้งพ่อแม่ เราก็อยากจะดูแลพ่อแม่ให้เต็มที่ ก็เลยรวมบ้านดีกว่า เลยกลายเป็นบ้านที่ค่อนข้างจะหลังใหญ่นิดหนึ่ง แต่มันก็คงทำให้เราดูแลท่านได้เต็มที่มากขึ้น (ยิ้ม)”
“ตอนนี้กำลังคุยเรื่องตกแต่งกันอยู่ว่าจะยังไงค่ะ คงต้องรอตกแต่งให้เรียบร้อยก่อน เพราะบุ๋มก็ไม่อยากเข้าไปแล้วต้องให้ลูกต้องมาดมกลิ่นสี ก็เลยต้องใช้เวลานิดหนึ่ง แต่เราก็ไม่รีบหรอก เพราะบ้านที่อยู่ก็ยังใหม่มาก เพิ่งขึ้นบ้านใหม่ไปเมื่อต้นปีนี่เอง ซึ่งจากที่ประเมินที่เขาว่าก็น่าจะอยู่ที่หลักร้อยล้าน (หัวเราะ) แต่ถ้าคนจะมองว่าบุ๋มอู้ฟู้ อันนี้ต้องบอกว่าเราได้มาจากธุรกิจค่ะ เราก็อู้ฟู้ตามธุรกิจ อย่าลืมว่าบุ๋มทำธุรกิจเยอะมาก ทำเครื่องสำอางค์ ทั้งเสื้อผ้า ทั้งธุรกิจออแกไนซ์ คือเรามีธุรกิจส่วนตัวเยอะ ที่อยู่ได้ทุกวันนี้ก็มาจากธุรกิจทั้งนั้น เงินในวงการบันเทิงน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่เราทำเพราะมัน คือทำเอามัน เราชอบ (หัวเราะ) ก็เลยเหมือนกับเราก็อยู่ได้สบายๆ เมื่อเราหาได้เยอะ เราก็อยากให้ครอบครัวอยู่สบาย”
“คือบุ๋มก็ไม่ใช่เป็นคนที่ชอบซื้อแบรนด์เนม ไม่ได้มีกระเป๋าแบรนด์เนมอะไรมากมาย มีอยู่แค่ 2 ใบเองเพื่อกันคนกัด ก็มีของแท้เอาไว้หน่อย บุ๋มไม่ใช่คนฟุ่มเฟือยเรื่องพวกของแฟชั่นหรืออะไร ดังนั้นเงินเก็บเราก็มี เราทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย ดังนั้นก็เลยมีเงินต่อยอดพอสมควร คือทุกอย่างมันก็เป็นมรดกให้ลูกแหละ และช่วงนี้เรามีพลังในการหาได้ เก็บได้ เราก็อยากเก็บให้เต็มที่ สร้างให้เต็มที่”
ยัน “เอก เอกริน” ไม่ได้เข้าหาตนเพื่อหวังผลประโยชน์แน่ และตนคงไม่โง่ให้ผู้ชายจนลืมลูก
“ถามว่ายังมีคนมองเรื่องคุณเอกจะมาหวังผลประโยชน์อะไรจากบุ๋มไหมก็คงต้องย้อนถามกลับไปว่า แล้วคุณเห็นคุณเอกเอาอะไรจากบุ๋มไปบ้าง เห็นคุณเอกดังขึ้นไหม เข้าวงการไหม ออกงานเฉิดฉายอะไรหรือเปล่า ก็ไม่มีนะ เขาก็เก็บตัวเงียบของเขาไม่ใช่เหรอ เขาก็อยู่ในโลกฟิตเนสของเขาไม่ใช่เหรอ ต่อให้เป็นแฟนเราก็ไม่ใช่ว่าจะขายเวย์โปรตีนได้เพิ่มสักหน่อย ดังนั้นถามว่าอะไรล่ะที่เขาจะได้จากเราไป และถ้าเกิดเราอยู่ในจุดนี้ได้ บุ๋มก็คงไม่โง่ให้อะไรผู้ชายจนลืมลูกหรอก ดังนั้นมันผ่านการคุยกันมาแล้วในระดับหนึ่ง”
“คุณเอกเขายังไม่ได้มาช่วยดูแลในธุรกิจของบุ๋มค่ะ แต่เขาจะมาช่วยดูแลเราในเรื่องอื่นๆ มากกว่า อย่างเช่นภาวะความเครียด เขาก็จะมาช่วยดูแลเราตรงนี้ เพราะบางทีสาวแกร่งมันก็ไม่ได้แกร่งตลอดเวลาหรอกเนอะ อย่างวันแถลงข่าววันก่อนเขาก็ไปยืนให้กำลังใจ แต่คิดว่าจะให้เขาไปช่วยดูธุรกิจที่กัมพูชาค่ะ เพราะบุ๋มคงบินไปไม่ได้บ่อย ก็คงโอนอันนั้นให้เขาช่วยดู อาจจะต้องให้เขาบินไปบินมาบ่อยหน่อย เพราะเขาก็พูดภาษาอังกฤษได้”
เผยไม่เข้าใจ “ติ๊งโน้ต ฐิติพงศ์ วโรกร” มาออกรายการทำไม
“พูดตามตรงเลยว่ายังไม่ได้ดู แค่ได้ฟังนิดหน่อยจากที่อาจารย์ยิ่งศักดิ์เมาท์ให้ฟังนิดหน่อยในห้องแต่งตัว อาจารย์ก็บอกว่าพูดดีนะ แต่บุ๋มก็ยังไม่ได้ฟังว่ายังไงบ้าง เพราะเราก็ถือว่าเราต้องให้เกียรติคุณเอกมากกว่า บุ๋มไม่อยากให้เป็นประเด็นมาก เพราะกำลังจะแต่งงานด้วย ก็ไม่อยากให้คุณเอกเขาเครียด ก็เลยเลือกที่จะไม่ฟังดีกว่า ให้เขาอยู่ในโลกของเขาไปดีกว่า เขาก็จะมาออกรายการด้วยเหตุผลอะไรเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ก็เอาเหอะ ก็คิดว่าทางรายการเขาก็คงสนใจมั้ง ไม่งั้นเขาคงไม่เอามาออกรายการหรอก แต่บุ๋มเฉยๆ นะ เพราะเราถือว่าเราจบไปนานแล้ว”
“คือเราก็ไม่ได้อยากพูดอะไรมาก เพราะมันก็ไม่เหมาะหรอก เพราะเรากำลังจะมีชีวิตครอบครัว บุ๋มก็อยากจะเคลียร์ชีวิตตัวเองให้ดีที่สุดน่ะค่ะ เราอยากให้เกียรติอีกฝ่ายหนึ่งด้วย ดังนั้นก็เหมือนกับว่ามันจบไปแล้วก็ให้มันจบไป เขาจะพูดอะไรก็ช่างเขา แต่ก็ได้ข่าวว่าเขาก็พูดถึงดี ก็โอเค ขอบคุณจริงๆ”
“(เขาบอกว่าเสียใจมาก เพราะรักมาก) จริงๆ มันก็เสียใจทั้งสองฝ่ายแหละ ไม่ใช่ว่าเขาจะเสียใจอยู่ฝ่ายเดียวหรอก แต่บุ๋มคิดว่า ณ วันนี้เขาอาจจะยังไม่เข้าใจก็ได้ว่าบุ๋มขอเลิกเพราะอะไร (เขาบอกรักมากก็หึงมาก) ก็เป็นเหตุผลหนึ่งด้วย บางทีใครอะไรยังไง เขาก็นั่นหมด แต่เราต้องทำงานน่ะ แต่กับคุณเอกเราไม่เคยมีปัญหากันเรื่องนี้ เพราะเขาจะขอเคลียร์เลยว่าใครยังไง (หัวเราะ) อีตานี่ดุกว่า เขามาตรงเข้าประเด็นเลย เช็กไอจีตลอด ใครมาคอมเมนต์แปลกๆ นี่เอาแล้ว จัดการเองทันที”
“ส่วนเรื่องเซ็กซี่เขาก็ไม่เคยมีปัญหา เพราะเขารู้ว่าเป็นงาน แต่เขาก็บอกว่าถ้าเพลาๆ ได้ก็เพลาๆ แต่ถ้าเกิดเป็นงานเลิฟซีนล่าสุดที่มีจูบกับเจสัน ยัง เขาก็เฉยๆ นะ คือละครส่วนใหญ่เราก็ได้แต่บทเมียน้อยไง ตัวร้าย มันก็ต้องมีบ้าง แต่เราก็เต็มที่กับงานของเราค่ะ (ยิ้ม) ซึ่งเขาก็เข้าใจทุกอย่าง เขาแยกแยะได้ เขาค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่ในความคิดในเรื่องนี้ ส่วนเรื่องอื่นถ้าเขาปกป้องเราได้ เขาก็ทำนะ อย่างในไอจีเวลามีใครมาว่าอะไร เขาก็จะปกป้องเราก่อนทันที นี่ก็เป็นจุดหนึ่งที่ตัดสินใจแต่งงานกับเขาค่ะ (ยิ้ม)”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |