xs
xsm
sm
md
lg

เร็วทะลุเร็ว : ความทะเยอทะยานของปรมาจารย์คิวบู๊ “พันนา ฤทธิไกร”

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


สำหรับคอหนังบู๊แอ็กชั่นบ้านเรา คงได้ยินข่าวคราวการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของหนึ่งตำนานปรมาจารย์คิวบู๊ที่ชื่อ พันนา ฤทธิไกร เมื่อไม่กี่เดือนก่อน อย่างไรก็ตาม ก่อนการอำลา คุณพันนายังมีผลงานเรื่องสุดท้ายฝากไว้ให้เราได้ชม แทนการคารวะ แทนความระลึกนึกถึง เรื่อง “เร็วทะลุเร็ว”

ชื่อชั้นของคุณพันนา ฤทธิไกร คงไม่ต้องสาธยายอะไรมาก เพราะนอกจากจะเป็นต้นตำรับที่นำพาคนดูหนังโลดล่องท่องทะยานไปในโลกแห่งการต่อสู้ผ่านหนังบู๊แอ็กชั่นมาตั้งแต่ยุคหนังสายเฟื่องฟู ชนิดที่ว่ามีงานวัดงานโรงเรียนหรืองานอะไรก็ตามตามต่างจังหวัด เป็นต้องมีหนังของคุณพันนา “ภูมิใจนำเสนอ” อย่างน้อยก็หนึ่งเรื่องต่องาน

นอกจากนั้นแล้ว ก็เป็นที่รู้กันดีว่า คุณพันนามีส่วนอย่างสำคัญในการปั้นดาราซูเปอร์สตาร์สายแอ็กชั่นมาแล้วหลายต่อหลายคน ไม่เว้นแม้กระทั่งจา พนม ผู้โด่งดัง ก็กล่าวได้ว่าเป็นศิษย์ก้นกุฏิคนสำคัญของคุณพันนา

เอกลักษณ์ในความเป็นหนังของคุณพันนา ฤทธิไกร ส่วนใหญ่จะสะท้อนให้เห็นถึงความซื่อใสแบบไม่ค่อยมีจริตจะก้านอะไรมากมายนัก โดยเฉพาะเรื่องของบทภาพยนตร์ที่ไม่ค่อยได้เน้นความพิถีพิถันอะไรมาก ตั้งโครงเรื่องไว้โครงหนึ่งและเส้นเรื่องเส้นหนึ่งให้ตัวละครเตาะไต่ไปตาม และระหว่างนั้นก็มีสถานการณ์ให้ต้องต่อยตีต่อสู้ ซึ่งเป็นหมุดหมายสำคัญในหนังบู๊สไตล์คุณพันนา และเอาเข้าจริง สไตล์แบบนี้อาจจะถูกมองว่า “ตกยุค” ไปแล้ว เนื่องจากหนังสมัยใหม่ แม้กระทั่งพวกหนังแอ็กชั่น ก็พยายามจะใส่ความฉลาดของตัวบท ความซับซ้อนของเรื่องราว ซึ่งถ้าเอาตรงนี้มาจับ หนังของคุณพันนา ฤทธิไกร ก็อาจกลายเป็นหนังซึ่งทำหน้าที่ได้เพียงการแสดงโชว์ฉากแอ็กชั่น

กระนั้นก็ดี มาถึงเรื่องนี้ “เร็วทะลุเร็ว” ผมกลับมีความเห็นว่า คุณพันนาเองก็พยายามที่จะผสมผสานความเชี่ยวชาญส่วนตัวเข้ากับกระแสของยุคสมัย นั่นหมายความว่า ถ้าหนังเรื่องก่อนหน้า อย่าง “โคตรสู้ โคตรโส” จะโชว์ศักยภาพในการคิดฉากแอ็กชั่นและศิลปะการต่อสู้ของตำนานคิวบู๊คนหนึ่ง งานอย่าง “เร็วทะลุเร็ว” ก็คือการก้าวไปอีกหนึ่งสเตปต์ นั่นคือ นอกเหนือจากคิวบู๊ ยังมีการให้น้ำหนักกับตัวเนื้อหาเรื่องราว ที่ว่ากันตามจริง มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าหนัง “แอ็กชั่นดราม่า” หลายต่อเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาในโลกใบนี้

...เดี่ยว-ชูพงษ์ ช่างปรุง เด็กปั้นคนดังของคุณพันนา ไล่ๆ กับจา พนม แพ็กคู่มากับ “วุฒิ-นันทวุฒิ บุญรับทรัพย์” นักแสดงผู้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเด็กปั้นคนสุดท้ายของพันนา ฤทธิไกร ทั้งสองคนมาในบทบาทของเด็กหนุ่มกำพร้าที่อาศัยอยู่กับน้าในอู่ซ่อมรถ อย่างไม่รู้หัวนอนปลายตีนว่าตนเองเป็นใครมาจากไหนตั้งแต่เด็ก ทั้งสองเก็บความสงสัยนั้นไว้กระทั่งเติบใหญ่เป็นหนุ่ม “ธี” ผู้พี่ (เดี่ยว-ชูพงษ์) ได้ค้นพบความลับที่ถูกเก็บงำมาเนิ่นนาน และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการตามล้างตามผลาญดุเดือดเลือดพล่าน เกิดการล้มตายกันเป็นเบือ...

ในแง่ของแอ็กชั่น ไม่มีอันใดให้ต้องสงสัย เพราะคุณพันนา ฤทธิไกร คือต้นแบบในเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว การออกแบบคิวบู๊แบบนี้ เรามักจะเห็นได้ในหนังแอ็กชั่นไทยแทบทุกเรื่อง ซึ่งมีคุณพันนาไปรับดีไซน์ให้ การเล่นกับสิ่งของต่างๆ ไม่เว้นกระทั่งการเล่นกับมอเตอร์ไซค์ในเรื่ององก์บากภาคสาม เอาเข้าจริง ก็คือแนวทางแบบคุณพันนา ซึ่งในเรื่องเร็วทะลุเร็ว เราจะเห็นคิวบู๊ในหลายๆ บริบท เล่นกับโรงเก็บของเก่า เล่นกับเตาถ่านที่ไฟกำลังคุ เล่นกับลวดสลิง เล่นกับลูกฟุตบอล หรือแม้แต่เล่นกับความเร็วความแรงของเครื่องยนต์ ซึ่งคิดว่าไม่มากก็น้อย คงได้รับอิทธิพลมาจากหนังแอ็กชั่นสมัยใหม่ของพวกหนังดังๆ อย่างฟาสต์แอนด์ฟิวเรียส ที่ชื่อหนัง “เร็วทะลุเร็ว” ก็น่าจะบอกได้ถึงการผ่องถ่ายอิทธิพลบางอย่างมาจากหนังนอก

แต่สิ่งแรกสิ่งหนึ่งซึ่งผมเห็นว่ามีความต่างออกไปจากหนังเรื่องก่อนๆ ของคุณพันนา คือความแอ็กชั่นที่ได้รสชาติ “โหดและดิบ” มากยิ่งขึ้น ภาพชวนหวาดเสียวมีมากขึ้น ซึ่งถ้าจะให้เทียบชัดๆ แม้จะทำไม่ถึงขนาดนั้นก็คือหนังดังจากอินโดนีเซีย เรื่อง The Raid เรารู้กันว่าหนังเรื่องดังกล่าว เรตแห่งความหวาดเสียวนั้นสูงมาก แม้ “เร็วทะลุเร็ว” อาจไม่ได้ไปถึงขั้นนั้น แต่มันก็มีประกายบางอย่างที่ทำให้รู้สึกว่าแอ็กชั่นแบบคุณพันนาได้รับการคลี่คลายและผสมผสานแล้ว

อย่างไรก็ตาม ส่วนที่สองซึ่งสำคัญกว่ามากกว่าส่วนแรก และผมพยายามนึกว่า ถ้าหากคุณพันนาจะมีชีวิตยืนยาวกว่านี้และทำหนังต่อไป ผลงานของเขาจะยิ่งทรงคุณค่าในสายตาของคนซึ่งเทิดทูนคุณภาพของหนังกันที่บทภาพยนตร์

พล็อตเรื่องอาจดูโบราณ หรือเชยล้าสมัย หรือสไตล์พวกหนังกำลังภายในยุคเก่าก่อน ที่มักจะโยนโจทย์ให้แก่ตัวละครทำนองว่า ใครฆ่าท่านพ่อ ใครฆ่าท่านแม่ แล้วก็ต้องตามล่าตามล้าง แต่ส่วนสำคัญที่ทำให้บทของ “เร็วทะลุเร็ว” ดูมีอะไรมากกว่าการเป็นแค่หนังนิทรรศการฉากแอ็กชั่นก็คือ ความมีมิติของตัวละคร... ผมไม่ได้จะบอกว่ามันเลิศเลอขนาดนั้น แต่การเล่นกับตัวละครได้มีมิติแบบนี้ แนวโน้มของความสะเทือนใจมันมีสูงมาก บางฉากอาจจะดูล้นๆ เกินๆ หรือฟูมฟายจนเกินเหตุ แต่ถ้าพูดถึงด้านลึกของตัวละครนั้น ผมว่าใครก็ตามที่ได้ดูคงจะสัมผัสได้

ไม่ใช่จะมายกยอคนตาย หรือสดุดีส่งท้ายก่อนสู่ปรโลก แต่เชื่อเถอะครับว่า คนแบบนี้ หนึ่งร้อยปีอาจมีแค่หนึ่งคน ก่อนไปสู่โลกอื่น คุณพันนา ฤทธิไกร นั้นดังไกลไประดับโลกก่อนหน้านี้แล้ว ถามว่าคนทำหนังบ้านเราจะมีสักกี่คนที่ไปดังแบบนั้นได้ นอกจากสายหนังอาร์ตหนังทดลองซึ่งก็ต้องไปหาชื่อเสียงในเทศกาลหนังเมืองนอกตามปกติ แต่สำหรับพันนา ฤทธิไกร ถ้าใครยังจำได้ ตอนที่เขาเสียชีวิต มีการไว้อาลัยในหลายพื้นที่ทั่วโลก นั่นจะเป็นเพราะอะไรอย่างอื่นไปได้ ถ้าไม่ใช่เพราะผลงานของเขาเอง

เร็วทะลุเร็ว มีดีในตัวเองแน่นอนครับ บทหนังธรรมดาๆ ที่ว่าด้วยการตามหาตัวร้ายที่ตามฆ่าพ่อแม่ แต่เขาทำให้มันออกมาได้ขนาดนี้ ผมว่าก็น่าชม จริงๆ หนังแอ็กชั่นอาจไม่ต้องอะไรมาก แค่คิดฉากคิวบู๊ออกมาให้ดุเด็ดเผ็ดมันก็พอผ่านแล้ว

แต่นี่คือความทะเยอทะยานของปรจารย์คิวบู๊อย่างปฏิเสธได้ยาก เพราะมันสะท้อนให้เห็นถึงความเพียรพยายามที่จะก้าวข้ามจากหนังแอ็กชั่นธรรมดาๆ ไปสู่การเป็นหนัง “ดราม่าแอ็กชั่น” กระแทกกระทั้นทั้งหมัดทั้งศอก และตีตอกความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ของคนดูผู้ชมด้วย



ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม



เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก









เปิดใจ "วุฒิ-นันทวุฒิ" แอ็กชั่นสตาร์ดาวรุ่ง ศิษย์เอกคนสุดท้ายของ "พันนา ฤทธิไกร"
เปิดใจ "วุฒิ-นันทวุฒิ" แอ็กชั่นสตาร์ดาวรุ่ง ศิษย์เอกคนสุดท้ายของ "พันนา ฤทธิไกร"
รับบทเป็น “ธาร” ก็เป็นวัยรุ่นใช้ชีวิตตามปกติธรรมดาครับ มีพี่ชายที่ชื่อ นที (เดี่ยว ชูพงษ์) ธารเห็นพี่ชายแล้วรู้สึกว่าเท่ อยากจะกล้าอยากจะเก่งแบบพี่ชาย แล้วนทีกับธารก็สูญเสียพ่อกับแม่ไปตั้งแต่เด็ก อาศัยอยู่ในอู่ซ่อมรถกับอา ก็ใช้ชีวิตเป็นเด็กอู่ คอยช่วยอาซ่อมรถ แล้วอยู่วันหนึ่งพี่นทีก็หายไป โผล่มาอีกทีก็พาผุ้หญิงคนหนึ่งมามา เหมือนหนีอะไรมาสักอย่างหนึ่ง เหมือนกับโดนไล่ล่าจากที่อื่นมา แล้วคนที่ตามล่าก็ตามมาเหมือนกัน ธารก็เลยต้องพี่ชายหนีแล้วก็แก้แค้นคนที่ฆ่าพ่อแม่ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น