xs
xsm
sm
md
lg

“โป๊งเหน่ง” ลั่นไม่เคยทอดทิ้งแม่ สุดช้ำถูกตราหน้าลูกเนรคุณ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ตลกดัง “โป๊งเหน่ง” ควงเมียเคลียร์ข่าวทิ้งแม่บังเกิดเกล้าไม่ยอมดูแลจนมีสภาพสุดอนาถ ลั่นไม่เคยเนรคุณ ส่วนคนที่ถ่ายภาพมาแชร์ว่อนเน็ตไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ยันตนทำดีไม่เคยต้องป่าวประกาศ



กลายเป็นประเด็นร้อนสนั่นโลกออนไลน์ทันที หลังจากที่มีการแชร์ภาพจากเพจ “บ้าน น้ำฟ้า” เป็นภาพหญิงชราถูกทอดทิ้งให้อยู่ในสภาพสุดอนาถ ร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล อาศัยอยู่ที่วัดพระยาสุเรนทร์ ก่อนระบุว่าเป็น “แม่อ้อย” แม่ของตลกดัง “โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม” สาเหตุที่ต้องมาอาศัยอยู่วัดเพราะมีปัญหากับลูกสะใภ้ ก่อนจะลื่นล้มหน้าห้องน้ำทำให้ต้องผ่าตัดที่บริเวณหัวเข่า เดินไม่ได้ ประกอบกับเป็นโรคเบาหวานและความดันไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ทำให้นอนจมบนกองอุจจาระและปัสสาวะเป็นภาพที่น่าเวทนา โดยภายหลังแผลลุกลามเน่าอักเสบ ทางวัดจึงโทรศัพท์ไปหาโป้งเหน่ง แต่ภรรยาเป็นคนรับสาย ก่อนสวนกลับว่าต้องการเงินเท่าไหร่ และไม่มีการช่วยเหลือใดๆ จากครอบครัวตลกดัง ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก

ล่าสุด วันนี้ (6 ตุลาคม 2557) ตลกดังก็ได้ควงแขนภรรยามาเคลียร์ในงานแถลงข่าวเปิดตัวช่อง 2 ณ ห้องฉัตรา โรงแรมสยามเคมเปนสกี้ ยันไม่เคยทอดทิ้งแม่ ที่ผ่านมาดูแลตลอด แต่ไม่เคยต้องออกมาป่าวประกาศ

“ตอนนี้ในโลกของโซเชียลเน็ตเวิร์กเขาเอาไปลง อย่าว่าผมแก้ตัวนะ แต่ผมก็ต้องพูดบ้าง ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณเฟซบุ๊กช่วยเหลือไลน์มา บางคนก็ให้กำลังใจ แต่บางคนที่ไม่รู้ตื้นลึกหนาบางในครอบครัวก็ไลน์มาด่าว่าบ้าง แต่ไม่เป็นไร ผมไม่โกรธ เพราะทุกคนมีสิทธิที่จะวิจารณ์เพราะเราเป็นคนของสังคม”

“เรื่องเก่าๆ ผมไม่ขอพูดแล้วกันนะครับ เอาเรื่องปัจจุบันนี้เลยว่าทำไมมันคุกรุ่นขึ้นมาอีก เอาเป็นว่าพอผมไปรับแม่มาแล้วก็กลับมาอยู่บ้าน แม่มาอยู่ได้ประมาณเดือนกว่าๆ คุณแม่ก็รับไม่ได้ อยู่ไม่ได้ คือเหงาและแกไม่มีความผูกพันกับครอบครัวผม เพราะเขาไม่เคยเลี้ยงลูกผม เขาไม่เคยดูแลกัน ใกล้ชิดกันน่ะ แกก็เหงาแล้วบอกเบื่อ แล้วแกก็หนีไป เราก็ไปตาม แกก็กลับไปที่เก่าคือที่วัดพระยาสุเรนทร์ ไปตามให้กลับบ้านแกก็ไม่กลับ ผมก็เลยต้องพึ่งหลวงพ่อโสซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัด ผมก็เล่าเหตุการณ์ให้ท่านฟังว่าแม่ผมอยู่ไม่ได้ แกเหงาและแกไม่มีความผูกพันบางทีผมไปทำงานกับภรรยา ลูกไปทำงาน ลูกอีกคนก็ไปโรงเรียน ไม่มีใครอยู่บ้าน แกก็เปิดบ้านทิ้งไว้ 3-4 ทุ่ม แกก็ยังไม่กลับก็เปิดบ้านทิ้งไว้อย่างนั้นน่ะ ก็ไม่รู้จะทำยังไง หลวงพ่อก็เลยบอกว่าในเมื่อเขาอยากอยู่ที่วัด เดี๋ยวหลวงพ่อจัดการดูแลให้เอง ผมก็บอกว่าจะดีเหรอครับ ผมก็บอกว่าพาเขาไปพักที่บ้านคนชราบางแคดีไหม ผมก็เลยโทร.ติดต่อไป แล้วบอกเลยว่าบ้านพักคนชรานี่ไม่ใช่อยู่ๆ จะเข้าไปได้เลยนะ นึกจะเข้าก็เข้านึกจะออกก็ออกไม่ได้นะ ต้องติดต่อกันเป็นเดือนนะครับ เพราะยังมีอีก 30-40 รายที่รอจะเข้าไปอยู่ที่นั่น”

ซึ่งผมก็ได้รับความกรุณาจากบ้านบางแค 2 เขาบอกว่าเขาจะลัดคิวให้ ผมก็ดีใจมาก ก็รีบมาหาแม่ เอารถตู้บางแคมารับอย่างดีเลย สรุปไม่ไปแม่ขออยู่ที่วัด หลวงพ่อก็เลยบอกว่าโป๊งเหน่งเอ็งไปทำงาน ไม่ต้องห่วง หลวงพ่อจะดูแลเอง จากวันนั้นที่มีข่าวฮือฮากันมาแกก็อยู่วัดมาเกือบ 6-7 ปีแหละครับ ปัญหาไม่เคยเกิด ลูกผมไป ผมไปบ้าง ล่าสุดวันแม่ที่ผ่านมาภรรยาผมเป็นคนบังคับผม เพราะผมทำงานจนลืมไปว่าแม่อยู่ที่วัดให้ไปกราบเท้าแม่ ผมมีรูปมีหลักฐาน ผมถ่ายเอาไว้ แต่ก็คิดไว้แล้วว่าบางวันเรื่องแบบนี้จะต้องเกิดกับผมอีก วันนั้นผมก็กราบเท้าแม่ เอาน้ำมาล้างหน้าล้างหัว นี่ข้อหนึ่งนะครับที่ว่าไม่ไปดูไม่ไปแล ลูกชายก็ไปเป็นประจำ ทีนี้ผมจะบอกว่าการที่เราไปเยี่ยมแม่เราต้องไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านรู้ด้วยเหรอครับ เราต้องเอานักข่าวไปด้วยไหม มันก็ไม่ได้จำเป็น”

“ข้อที่สองที่มีภาพในเฟซบุ๊กดูรุนแรง น่ากลัว เน่าแล้ว มดขึ้นยังงั้นยังงี้ เราก็ไปสืบ คือก่อนหน้านี้ 3 วันแม่ผมลื่นในห้องน้ำ ต้องผ่าเข่า ทีนี้โรงพยาบาลเขาก็ไม่ผ่าให้หรอกครับถ้าไม่มีญาติมาเซ็นรับรอง หลวงพ่อก็เลยโทร.หาผม แต่ผมถ่ายละครอยู่ที่ปากช่อง 3 วัน ภรรยาก็รับโทรศัพท์ ภรรยาผมก็บอกว่ารู้แล้วเดี๋ยวจะติดต่อโป๊งเหน่งให้กลับมา หลวงพ่อก็เลยตัดสินใจด้วยตัวเองเพราะสนิทกับโป๊งเหน่งแล้ว ซี้กันแล้ว หลวงพ่อก็เลยบอกว่าผ่าไปเลย ฉันรับผิดชอบเอง พอผ่าเสร็จก็ต้องมาพักฟื้นที่วัด คือในระหว่างที่แกอยู่มีคนดูแลคนหนึ่งครับ เป็นหลานของหลวงพ่อชื่อน้องแอน น้องแอนจะดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง ทีนี้คนแก่นอนมากๆ ก็เป็นแผลกดทับ คือแกไม่ดูแลตัวเองน่ะ ตอนนี้ฉี่ก็ลุกเองไม่ได้ อุจจาระก็ลุกไม่ได้ แต่ก็ได้น้องแอนดูแลอยู่ตลอด ลูกผมก็เอาตังค์ไปฝากไว้ให้ที่พี่แอน ทีนี้ในระหว่าง 3 วันที่ผมไม่ได้กลับมา หลวงพ่อก็ให้คนที่อนามัยมาดูแลทำแผลให้ เพราะอนามัยอยู่ข้างวัด ผมก็ไม่เข้าใจว่าเขาชอบผมหรือเขาเกลียดผม เขาก็โทร.มาแล้วภรรยาผมเป็นคนรับ เขาบอกว่าทำไมไม่มาดูแม่ แล้วน้องแอนก็มาบอกผมว่ามีคนมาถ่ายรูปแม่ไป ซึ่งแผลนั้นเพิ่งผ่าตัดมาก็เป็นแผลสด เป็นเบาหวานด้วย ถ้าล้างแผล พันแผลมันก็ไม่น่ากลัวขนาดนั้นหรอก ครับ แต่เขาแหกแผลแม่ผมออก ถ่ายรูปแผลที่กำลังเฟะๆ แล้วก็เอาลงเฟซบุ๊ก แล้วก็มีมดขึ้นเยอะ ทำไมจะไม่ขึ้นล่ะ ไม่รู้มาจากหมอไหน เอาน้ำผึ้งผสมวาสลีนมาทา เขาบอกว่าแผลจะได้ไม่แข็ง น้ำผึ้งนะครับ มดมันก็มาซิครับ พอมันขึ้นแผลก็ถ่ายรูปเก็บไว้อีก แล้วก็เอาลงเฟซบุ๊กอีก”

“ผมก็เพิ่งไปหาแม่มาเมื่อวาน ไปกับลูกชาย คือเกิดเรื่องพอดี ไปถึงวัดตอน 2 ทุ่ม แม่ก็หลับแล้ว เจ้าอาวาสนั่งรออยู่ผมก็เข้าไปคุย ท่านก็บอกว่าที่สำคัญตอนนี้แม่เอ็งต้องการคนดูแล เพราะฉี่เองไม่ได้ อุจจาระเองไม่ได้ แอนก็ดูแลได้เฉพาะกลางวัน เพราะเขามีครอบครัว มีลูก มีสามี เราจะต้องหาคนมาดูแล ซึ่งหลวงพ่อก็จัดการให้แล้ว แต่หลวงพ่อบอกว่าเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้โป๊งเหน่งต้องเป็นคนจัดการนะ เอ็งจะช่วยข้าเท่าไหร่ ผมก็บอกว่าเอาอย่างนี้แล้วกัน เขาจะคิดเท่าไหร่ผมไม่รู้ ผมก็เลยช่วยเขาไปหนึ่งหมื่นบาทต่อเดือน เพราะหลวงพ่อจะรับผิดชอบกลางวัน ผมก็รับผิดชอบคนที่ดูแลตอนกลางคืน เพราะว่าเขาจะต้องนอนกับแม่ผม”

“แต่ล่าสุดมีเรื่องอีกแล้ว มีกระทรวงสังคมอะไรนี่แหละครับเป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ และเขาก็เห็นภาพในเฟซบุ๊ก เขาก็อยากจะช่วยเหลือ เขาก็มารับไป หลวงพ่อก็ตกใจโทร.หาผมบอกว่าแม่โดนขโมยมีมูลนิธิอะไรมาเอาไป ผมก็งง หลวงพ่อบอกโทร.ไปหาเอ็งตั้งแต่เช้าเอ็งไม่รับสาย เพราะผมไปทำงานอยู่ที่บางแค แล้วก็มีถ่ายรายการ เสร็จแล้วก็เลยโทร.กลับหาหลวงพ่อถามเรื่องราวว่ามันเป็นยังไง เขาก็บอกว่าลูกศิษย์ข้าเอง เขาเอาไปรักษา เขาจะดูแลให้เห็นหลวงพ่อวุ่นวาย หลวงพ่อก็ถามว่าจะรักษายังไง เขาก็บอกว่าต้องแอดมิด ล้างแผล ดูแผลเรียบร้อยเขาก็จะพากลับมาที่วัด หลวงพ่อก็เลยบอกว่าเอ็งรอ เดี๋ยวข้าโทร.ไปบอก เรื่องราวก็เป็นอย่างนี้”

รับเหวอไปทั้งวันหลังเป็นข่าว ยันชีวิตบอบช้ำเพราะโดนตราหน้าว่าเป็นลูกเนรคุณ
“พูดง่ายๆ ว่าข่าวนี้ทำผมเหวอทั้งวัน ถ่ายละครไม่รู้เรื่องเลย ขับรถใจลอยเลย ก็มาคิดว่าทำไมมันมาเกิดขึ้นกับเราอีกแล้ว ไม่ใช่ว่าผมไม่ดูแล แต่ผมต้องทำงานนะครับ ผมเลี้ยงลูก 6 คน ผมต้องดูแล ผมต้องทำงาน แม่ผมถึงผมไม่ได้ไปเองผมก็ต้องให้ลูกผมไป ลูกผมก็คือหลานเขาไม่ใช่คนอื่น ดูแลนะครับไม่ได้ทิ้ง”

“แต่ตอนนี้ก็ดีที่นักข่าวเขาไม่ได้ลงอะไรเต็มๆ เพราะยังไม่รู้จากผม หลายๆ ท่านก็เป็นกลางก็ช่วยๆ กันนิดหนึ่ง เพราะชีวิตผมตอนนี้พูดตรงๆ ว่าบอบช้ำมาก เมื่อคืนสดๆ ร้อนลงไปกินข้าว เจอเมาทั้งโต๊ะเลยบอกนั่นโป๊งเหน่งนี่หว่าแล้วก็พูดต่างๆ นานา ไม่นึกว่าเรื่องจะรุนแรงขนาดนี้ ไปตลาดซื้อของแม่ค้าก็รุมด่า ไม่น่าเชื่อเลยว่าเรื่องมันจะถึงขนาดนี้”

“ตอนนี้ก็อยากจะบอกไปทางสื่อยืนยันเลยว่าผมไม่ได้ทิ้งแม่ ถ้าผมโกหกก็ไปถามหลวงพ่อโสกับน้องแอนที่วัดแล้วกัน ในเฟซบุ๊กก็จะบอกว่าน้องแอนโดนผมจ้างให้พูดเข้าข้าง ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันไปถามเขาเอาเอง ผมพยายามไปรับแม่แล้ว แต่เขาไม่มา เขาอยู่ไม่ได้ อีกอย่างหลวงพ่อก็ไม่อยากให้แม่ผมไปอยู่ที่อื่น เขาบอกว่าคนแก่อยู่วัดสบายที่สุดแล้ว ลุกขึ้นมาก็ได้ยินเสียงสวดมนต์ คือแกพูดในลักษณะว่าแกเป็นพระ ซึ่งหลวงพ่อก็ดูแลดีมากนะครับ ผมพูดตรงๆ ว่าหลวงพ่อเป็นคนดีมาก แม่ผมอยากได้โทรศัพท์มือถือ แกก็ซื้อให้ แม่ผมอยากดูทีวี แกก็ซื้อจอแบนไว้ให้ดูในห้อง อยู่สบายมากเลยครับ”

สำหรับคนที่ลงรูปผมว่าก็คงไม่ได้ประสงค์ร้ายอะไรหรอก เพราะเขาก็มีพ่อมีแม่ แต่ว่าเขาไม่รู้ตื้นลึกหนาบาง ผมก็ขอบคุณถึงเขาจะลงว่าผม และขอโทษทุกๆ คนด้วยที่เข้าใจผมผิด อีกอย่างคือผมสงสารภรรยาผมมากเลย อย่างในละครก็เห็นกันประจำนะครับแม่ผัวลูกสะใภ้ คือสงสารเมีย หาว่าเมียผมไล่ออกจากบ้านบ้างอะไรบ้าง ทำไมหลงเมียลืมแม่ ซึ่งความจริงแล้วมันไม่ใช่นะครับ ผมไม่ได้ทิ้งแม่นะครับ เข้าใจผมแค่นี้ก็โอเคแล้วครับ”

“แต่ตอนนี้ผมยังไม่ทราบเลยว่าทางมูลนิธิเขาพาแม่ผมไปที่นี่ เพราะผมเพิ่งทราบก่อนมานี่เอง แต่เดี๋ยวหลวงพ่อจะโทร.หาผม คือตอนนี้แกเป็นหลายโรคมาก แต่ผมก็ยังไม่ทราบอะไรจากทางนั้นเลย เพราะหลวงพ่อเขาอาสาจะจัดการเอง แล้วคนที่พาไปรู้สึกว่าจะเป็นปลัดด้วย แต่ถ้าผมไปรับกลับไม่ได้ ผมก็ต้องให้เมียกับลูกไปครับ เพราะว่าผมทำงาน ผมพูดตรงๆ ผมรับงานเขาไว้แล้วจะไม่ไปก็ไม่ได้ แต่ถ้าเขาโทร.มาบอกว่าคุณแม่คุณไม่ไหวแล้วอันนั้นผมจะรีบไปเลย”

ด้านภรรยาของโป๊งเหน่งก็ได้เปิดใจว่าที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหากับแม่ของสามีและไม่เคยเกลียดกัน
เมีย : “เราไม่เคยมีปัญหากับแกเลยนะ แต่เรื่องคือมีพยาบาลโทร.มาแล้วก็บอกว่าไม่มีคนมาดูแลเลย เราก็บอกว่าพี่ ลูกชายหนูก็ไปแล้วนะ เขาก็บอกว่าเหรอ แต่ไม่มีคนมาดูแลแกเลย แกลุกไม่ได้ คือเราก็ต้องมีค่าใช้จ่ายให้กับคนดูแลนั่นแหละ เราก็ถามว่าแล้วเขาจะเอาเท่าไหร่ล่ะคะ เราก็ยินดีที่จะให้ แต่แกเอาไปพูดอีกอย่างหนึ่ง”

โป้งเหน่ง : “กลายเป็นว่าเมียผมไม่พอใจ เอาเงินฟาดหัว”

เมีย : “พยาบาลพูดว่าจะเอาเดือนละหมื่นห้า เราก็บอกว่าโอ้โห เดี๋ยวรอปรึกษาโป๊งเหน่งดูก่อนนะ เพราะว่าลูกเราก็หลายคน เพราะลูกทุกคนก็ยังไม่มีรายได้อะไรมากมาย ต้องเรียนหนังสือด้วย เราก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกับแกนะ ไม่เคยเกลียด ถ้าเกลียดจะให้พี่โป๊งเหน่งไปหา ไปดูอะไรทำไม ตอนอยู่ที่บ้านก็ไม่เคยมีปากเสียงอะไรกัน”

โป้งเหน่ง : “ที่ไม่มีเพราะอยู่คนละที่ คนละห้อง”











ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live

ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม



เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

กำลังโหลดความคิดเห็น