เราจะไม่พูดเรื่องข่าวคราวการแต่งงานครั้งที่ 2 ของ “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” อดีตนางสาวไทย ปี 2543 แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีด้วยก็ตาม แต่เรื่องที่จะหยิบยกมาพูดถึง ก็คือเรื่องที่น่าชื่นชม ในฐานะที่เธอได้อุทิศตนทำเพื่อสังคม และเพื่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
คราแรกนั้น เห็นจะเป็นกรณีของเด็กผู้หญิงวัย 13 ปี ที่ตกเป็นเหยื่อของทุรชนที่ข่มขืน แล้วโยนศพทิ้งจากตู้รถไฟตามที่เป็นข่าว บุ๋ม-ปนัดดา ประกาศตนเป็นตัวตั้งตัวตี รวบรวมรายชื่อเพื่อเรียกร้องขอเปลี่ยนแปลงบทลงโทษของการข่มขืน ให้เป็นประหารชีวิต ในฐานะที่เธอเป็น “แม่” ของลูกสาว จึงรับไม่ได้กับการที่เด็กผู้หญิงต้องกลายเป็นเหยื่อของการกระทำที่ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม และสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศเยี่ยงนี้
หัวอกคนเป็นแม่ย่อมเข้าใจดีกว่าการสูญเสียลูกสาวก่อนวัยอันควรนั้น มันเจ็บปวดขนาดไหน ? และเรื่องแบบนี้ไม่สมควรเกิดขึ้นอีก ไม่ว่ากับผู้หญิงคนไหนก็ตาม เธอจึงไม่เพิกเฉยต่อการออกมาต่อสู้เพื่อให้มีการกำหนดบทลงโทษให้เด็ดขาดกว่าที่เป็นอยู่ เธอเดินหน้าทำในสิ่งที่เธอคิดว่าเหมาะและควร โดยไม่สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา ว่าทำเพื่อ “โหนกระแส-สร้างภาพ” เพราะภาพจน์ของเธอต่อสาธารณชน ที่เน้นหนักไปทางอวดเนื้อหนังมังสาในสไตล์เซ็กซี่นั้น มันช่างไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ และสิ่งที่เธอทำ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คนจะเหมามองเธอใน “แง่ลบ” แต่เธอก็เดินหน้าเอาจริงถึงขนาดประกาศงดถ่ายชุดว่ายน้ำ เพื่อลบล้างภาพลักษณ์ ที่ถูกวิจารณ์ว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นแกนนำกับเรื่องดังกล่าว เรียกว่าทุ่มสุดตัว แม้จะต้องแลกกับการสูญเสียเม็ดเงินจำนวนไม่น้อย เธอก็ยอม
และที่สุดเธอก็สามารถรวบรวมรายชื่อของคนไทยที่เห็นพ้องด้วยกับเธอได้กว่าแสนรายชื่อ นั่นหมายถึงว่าสิ่งที่เธอทำนั้นไม่ได้สูญเปล่า
แต่เมื่อถึงขั้นตอนดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่มีการกระจายข่าวออกสื่อ ก็ไม่วายโดน “จับผิด” ว่าโครงการถูกทิ้งขว้าง คดีเงียบหาย จนเธอต้องออกโรงมาชี้แจงด้วยภาษาที่เผ็ดร้อนตามสไตล์ว่า
"ใครก็ได้ที่รู้จักคนในเฟสนี้ ช่วยบอกให้เค้าหัดเล่นอินสตาแกรมแล้วแอดไอจีบุ๋มที! แล้วช่วยแหกตาดูด้วยว่า อาสาสมัครไม่ได้หลับไม่ได้นอนขนาดไหน? แล้วที่ทำเนี่ยะ คดีน้องแก้ม ศาลจะมีการไต่สวนข้ามคดีอื่นให้แล้ว! ส่วนที่ทำๆเนี่ยะ ไม่ได้เพื่อน้องแก้มคนเดียว แต่เพื่อผู้หญิงอย่างเค้าและลูกหลานได้ตื่นตัวและปลอดภัยมากขึ้น! เรื่องแบบนี้ถ้ามันทำสบายๆในวันสองวัน คนคงทำกันทุกคนแล้ว! อ้อ! ฝากบอกอีกว่า ไม่ต้องมาสำนึกส่งสำเนาเอาตอนนี้! เกินแสนมาเยอะแล้วค่ะ! ขอบคุณที่ติดตามผลงานและการทำงาน! (ตอบได้แค่นี้ มึนยา!) (คำว่า อย่าใส่ใจ อย่าสนใจ ใช้กับบุ๋มไม่ได้หรอก 55 เพราะบุ๋มมันพวกดื้อ ดื้อที่ยังเชื่อว่าทุกคนเป็นคนดี ถ้าเข้าใจผิดแต่ยังเปิดใจรับฟัง น่าจะเข้าใจและมาทำสิ่งดีๆร่วมกันได้ ดังนั้นสังเกตุไหม เวลาบุ๋มเจอคนแบบนี้ บุ๋มจะอธิบายสไตล์บุ๋มกลับไป ไม่หูทวนลม! แต่ถ้าอธิบายแล้วยังหาเรื่องด่า อันนั้นก็อคติ! บุ๋มก็จะไม่ยุ่งด้วยแล้วค่ะ เพราะต่อให้ทำดีด้วยแค่ไหน คนพวกนี้ก็ไม่เห็นค่าเราหรอกค่ะ!) เจ้าของเฟสคะ บุ๋มมาทำตรงนี้ด้วยหัวใจไม่ได้อะไร แต่ไม่ใช่ให้ใครมาด่าฟรี! ติดต่อกลับมาด้วยนะคะ จะได้เคลียร์กัน ขอบคุณค่ะ!"
หนล่าสุดที่เป็นข่าวครึกโครมเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็คือกรณีที่เธอได้เข้าช่วยเหลือเด็กสาวที่ถูกลวงไปค้าประเวณีที่ประเทศบาห์เรนจนสำเร็จ
สืบเนื่องมาจากการที่บุ๋มได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากจากผู้หญิงคนหนึ่งผ่านทางไอจี ว่าถูกหลอกไปขายตัว และถูกกักขังอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในประเทศบาห์เรน บุ๋มก็ไม่รั้งรอที่จะโทร. สอบถามไปยังญาติของเด็กหญิงคนนั้น และได้รับทราบข้อมูลว่าเดินทางไปที่นั่นจริงๆ
“บุ๋มจึงขอข้อมูล พร้อมทั้งโทรศัพท์หาเพื่อนที่ทำธุรกิจอยู่ที่ประเทศบาห์เรน ให้ช่วยประสานตำรวจบาห์เรนรีบเข้าช่วยเหลือ เนื่องจากอีก 1 ชั่วโมงข้างหน้า น้องจะถูกย้ายไปอยู่ที่อื่น รวมถึงยังให้น้องผู้หญิงส่งโลเกชัน หรือสถานที่โรงแรมดังกล่าวทางอินสตาแกรม ซึ่งในภาพเห็นน้องวิ่งอยู่ในห้องมืดๆ แต่แก๊งดังกล่าวจับได้ว่าน้องแอบใช้มือถือ บุ๋มจึงออกอุบายให้น้องส่งโทรศัพท์ให้แก๊งดังกล่าว แล้วก็ทำทีพูดภาษาอังกฤษแบบกระท่อนกระแท่นว่าอยากไปทำงานที่นั่นด้วย เพื่อถ่วงเวลา และให้ตำรวจบาห์เรนไปตรวจสอบ พนักงานโรงแรมกลับอ้างว่าย้ายไปแล้ว แต่บุ๋มไม่เชื่อเพราะยังคุยกับน้องเขาอยู่ จึงบอกเพื่อนให้แจ้งตรวจไปค้นหาอีกครั้ง กระทั่งช่วยเหลือน้องมาได้ขณะถูกขังอยู่ในห้องใต้ดินของโรงแรม”
หลังจากนั้นเด็กผู้หญิงคนดังกล่าว ก็ได้รับการช่วยเหลือ จนสามารถกลับมาถึงประเทศไทยโดยสวัสดิภาพ พร้อมทั้งเปิดเผยถึงการที่ตกเป็นเหยื่อของกระบวนการ “ค้ามนุษย์” ว่า ได้รับการติดต่อมาจากผู้หญิงคนหนึ่ง และได้รับการชักชวนให้ไปทำงานที่โรงแรมที่ประเทศบาห์เรน มีรายได้เดือนละเกือบ 2 แสนบาท ทั้งนี้โดยจะจัดการจองตั๋วเครื่องบินให้ และออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน แล้วจึงค่อยหักเมื่อเงินเดือนออก ตนตอบตกลงไป เพราะเห็นว่ารายได้ดี หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปขึ้นเครื่องของสายการบินกัลฟ์แอร์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
แต่กลายเป็นว่ากลับถูกหลอกให้มาค้าประเวณี ซึ่งถ้าจะเดินทางกลับไทย จะต้องหาเงินมาชำระค่าใช้จ่ายที่ผู้หญิงคนนั้นออกให้ก่อนจำนวน 70,000 บาทมา
“หนูเห็นว่าหมดหนทางแล้ว เงินตั้ง 7 หมื่นจะไปหาที่ไหน จึงโทร.หาแฟน พร้อมเสิร์ชหาสุ่มไปในอินสตาแกรม จนไปเจอไอจีของคุณบุ๋ม ปนัดดา วงศ์ผู้ดี เห็นว่าเป็นคนมีชื่อเสียงน่าจะช่วยได้ และก็ช่วยได้จริงๆ”
นับเป็นอีกหนึ่งวีรกรรมอันยิ่งใหญ่ที่เธอทำเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ …..ด้วยหัวใจ
จริงอยู่ทุกคนยอมรับว่าเธอสวย เพราะมีมงกุฎนางสาวไทยการันตีมาแล้ว แต่นอกเหนือจากความสวย ความงามแล้ว เธอมีสมอง มีสามัญสำนึก และมีความรับผิดชอบต่อสังคม
หัวใจเธอ “สวย” กว่ามงกุฎจริงๆ