ไม่บ่อยครั้งนักที่สื่อมวลชนในสายบันเทิง จะประกาศตนเป็นฝั่งตรงข้ามกับนักแสดง ที่เคยพึ่งพาอาศัยกันมาแบบ “น้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า” กันมาตลอด
ครั้งหนึ่งเคยเกิดเหตุในลักษณะนี้กับพระเอก “พีท ทองเจือ” ที่แสดงกิริยาที่ถูกมองว่าไม่เหมาะสม อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ “อุ้มนักข่าว” ออกจากงานแต่งงาน ครานั้นถึงกับมีประกาศในนามของสมาคมผู้สื่อข่าวบันเทิงให้ “แบน” หมายถึงงดการนำเสนอข่าวคราวของพีท 2 ปี จนกระทั่งพีท ต้องออกมากล่าวคำขอโทษ เรื่องราวจึงสงบลง และพีทก็ยังคงมีข่าวคราว และผลงานนับเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน แถมยังคงสถานะเป็นพระเอก แม้ว่าอายุอานามจะล่วงเลยผ่านหลัก 4 ไปแล้วก็ตามที
ล่าสุดเหตุการณ์อันไม่ควรเกิด ก็เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้ง กับกรณีของนางเอกแห่งวิก 3 พระราม 4 “พลอย-เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์” ที่แสดงกิริยา “ดึง” นักข่าว นสพ. ฉบับหนึ่ง ให้ออกมาหน้ากล้องทีวี ภายหลังถูกสัมภาษณ์ซักไซร้กรณีโพสต์ภาพนิ้วกลางทิ่มขนมเค้กลงในไอจีส่วนตัว ว่าตั้งใจพาดพิงถึงคู่กรณีไฮโซ “อุ๊-มณฑ์ลัชชา สกุลไทย” ตามที่”เป็นข่าว” จริงรึเปล่า ?
กิริยาการตอบโต้นักข่าวครั้งนั้น พลอยให้เหตุผลว่า....เมื่อกล้าถามเพื่อโยงให้คนตีกัน ก็ต้องกล้าที่จะโผล่หน้าให้คนเห็นทางทีวี. ว่าเป็นแหล่งข่าวไหน มาจากสำนักใด.... ซึ่งเป็นกิริยาที่นักข่าวมองว่าผู้ที่มีวุฒิภาวะไม่พึงกระทำต่อกัน
ขณะที่พลอยก็มองว่านั่นคือสิทธิ์อันชอบธรรมที่เธอสามารถกระทำได้ เพราะอยู่บนพื้นฐานของความเป็นคน – ตรงไปตรงมา - อันเป็นคำที่เธอนิยมนำมาใช้จำกัดความตัวเองทุกครั้งที่เกิดกรณีพิพาทในลักษณะคล้ายคลึงกัน
แต่พลอยคงลืมไปว่าความแตกต่างระหว่างคำว่า “ตรง” กับ “แรง” นั้น มีเส้นแบ่งบางๆ กั้นอยู่ เพียงก้าวข้ามเส้นแบ่งนี้ไปนิดเดียว จะถูกตีความพฤติกรรมต่างออกไปทันที
กรณีนี้นักข่าวมองว่าพลอยทำ “เกินกว่าเหตุ” และไม่ให้เกียรติต่ออาชีพนักข่าว รวมถึงไม่เคารพบทบาทซึ่งกันและกัน แต่พลอยก็ยืนกรานว่า...พลอยไม่ผิด และไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องขอโทษ
การเคารพบทบาทซึ่งกันและกันนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนควรตระหนัก ในกรณีนี้นักข่าวก็ถามไปตามบทบาทหน้าที่ ที่ต้องการ “ข้อมูล” ไปนำเสนอ พลอยเองก็มีสิทธิ์ที่จะกำหนดบทบาทตัวเอง ว่าคำถามไหนจะตอบ และคำถามไหนจะไม่ตอบ ด้วยท่าทีที่สุภาพและละมุนละม่อม
นักข่าวบันเทิงไม่ใช่ศาล หรือตุลาการ ที่จะต้องมาตั้งหน้าตั้งตาซักฟอก เจาะลึก หาคนถูกคนผิดชนิดเป็นเอาตาย บ่อยครั้งที่นักแสดงจงใจให้สัมภาษณ์ในข้อมูลที่นักข่าวทุกคนรู้ดีแก่ใจว่าเป็นเท็จ แต่ก็ยินดีที่จะลงตามคำสัมภาษณ์นั้นๆ และถ้าจะสังเกตให้ดี สิ่งที่นักข่าวรู้มาจากแหล่งข่าวใดก็ตาม มักจะมี “มูล” เสมอ ดังเช่นกรณีของ “เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ” ที่เคยปฏิเสธเสียงแข็งเมื่อนักข่าวถามถึงความสัมพันธ์กับ “ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม” ก่อนหน้าที่จะ “ฟ้องด้วยภาพ” การจดทะเบียนสมรสในเวลาถัดมาอีกไม่นาน
ย้อนกลับมาที่พลอย ในวันเกิดเหตุถ้าเพียงแต่พลอยยอมลดท่าทีก้าวร้าว แล้วตอบปฏิเสธหรือขออนุญาตที่จะไม่ตอบคำถามนี้ เธอก็ย่อมทำได้ และนักข่าวก็คงยินดีมากกว่าที่เธอจะตอบโต้คำถามนั้นด้วยกิริยาดังที่กล่าวมา
แทนที่จะมองว่านักข่าวคุดคุ้ย และโยงให้คนตีกัน ทำไมไม่ “มองต่างมุม” ว่า นักข่าวเปิดโอกาสให้เธอได้ออกมาพูด ออกมาเคลียร์ ถ้าเป็นคน “ตรง” จริงอย่างที่ปากว่า ทำไมจึงไม่เลือกที่ตอบคำถามแบบตรงไป ตรงมา โดยปราศจากอารมณ์
ครั้งนี้จึงนับเป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่นักข่าวในสายบันเทิงรวมพลังกัน “ต่อต้าน” พฤติกรรมของพลอย ถึงขนาดมีการก่อตั้งกลุ่ม #Support Reporter กันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แม้จะไม่ถึงขนาดออกมาเป็นคำสั่ง “แบน” อย่างเป็นทางการก็ตาม
กระนั้นเมื่อเรื่องราวจะลุกลามบานปลายมาถึงขนาดนี้ พลอยก็ยังยืนยันคำเดิมว่า...พลอยไม่ผิด และใม่สนด้วยซ้ำว่าจะถูก “แบน” หรือไม่ ?
แต่พลอยคงลืมไปอีกเช่นกันว่า เรื่องนี้พลอยจะ “ไม่สน” ไม่ได้ !!! ตราบเท่าที่ยังรักที่จะยึดอาชีพนี้อยู่ จริงอยู่ถ้าพลอยจะคิดว่าตัวเอง “ดังแล้ว” ไม่จำเป็นต้องพึ่งพานักข่าวก็ได้ แต่คนที่จะจ้างพลอยนั้นคิดเหมือนพลอยด้วยรึเปล่า ?
คงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก สำหรับเจ้าของสินค้าที่จะจ้างพลอยเป็นพรีเซ็นเตอร์ ผู้จัดละครที่จะติดต่อให้พลอยไปแสดง ที่จะไม่มีพื้นที่ข่าวให้ประชาสัมพันธ์ผลงาน แม้กระทั่งตัวพลอยเองก็ตาม ก่อนหน้านี้ที่หันมาจับธุรกิจอาหารเสริมความงาม ก็มิใช่พื้นที่ข่าวที่บอกว่าไม่จำเป็นต้องพึ่งพานี้หรอกหรือ ที่ช่วยกระพือข่าวให้
พลอยต้องไม่ลืมว่า กว่าจะก้าวมาเป็น “เบอร์หนึ่ง” ได้นั้น เคยผ่านอะไรมาบ้าง หนักหนาสาหัสขนาดไหน ไต่เต้ามานานเท่าไหร่ ความสำเร็จที่ไม่ใช่ว่าจะได้มาเพราะโชคช่วย แต่ต้องอาศัยความมุ่งมั่น ตั้งใจ พยายาม และกัดฟันสู้ แล้วทำไมจึงจะปล่อยให้หลุดมือไปง่ายๆ เพียงเพราะอัตตาที่มีอยู่เกินพอดี
วันนี้พลอยอาจจะทระนงตนว่าเป็นนางเอกยอดฝีมือ แต่ก็ต้องไม่ลืมอีกเช่นกันว่าก่อนหน้านี้
สินจัย เปล่งพานิช , จินตหรา สุขพัฒน์ , จริยา แอนโฟเน่ หรือแม้กระทั่งรุ่นใหญ่อย่าง เดือนเต็ม สาลิตุลย์ , ดวงใจ หทัยกาญจน์ ,พิศมัย วิไลศักดิ์ ฯลฯ ก็ล้วนเคยผ่านช่วงชีวิตของการเป็นนางเอกมาแล้วทั้งสิ้น แต่เมื่อเวลาล่วงผ่าน บทบาททางการแสดง ก็ถูกเลื่อนชั้นไปเป็นพี่ เป็นน้า เป็นแม่ เป็นย่า เป็นยาย ตามลำดับ แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนยังหยัดยืนอยู่ในวงการได้อย่างงดงาม และยาวนานขนาดนี้ ก็คือการได้รับการยอมรับทั้งต่อหน้า และลับหลัง ทั้งบทบาทการแสดง และการดำรงตนที่เหมาะสม ดังเช่น แอน ทองประสม ,อั้ม-พัชรภา ไชยเชื้อ ,ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต ที่ไม่เคยมีปฏิสัมพันธ์ในเชิงลบ และได้รับคำยกย่องจากนักข่าวว่าเป็นแบบอย่างของนักแสดงที่วางตัวได้ดี ฉลาดในการตอบคำถาม ในลักษณะบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ่น นักข่าวก็ได้ข้อมูลกลับไปเขียน นักแสดงเองก็มีพื้นที่ให้นำเสนอผลงาน เรียกว่า Win Win ทั้ง 2 ฝ่าย
สำหรับไฮโซ “อุ๊-มณฑ์ลัชชา สกุลไทย” ที่ถูกโยงว่าเป็นคู่กรณีคนสำคัญของนางเอก จนกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมานั้น เป็นสาวสังคมรุ่นใหญ่ วัย 50 ปี และนับเป็นหนึ่งในผู้ทรงอิทธิด้านแวดวงสื่อสารมวลชน และมีวันเกิดตรงกับวันที่พลอยโพสต์ภาพนิ้วกลางทิ่มเค้ก ยังไม่นับก่อนหน้านี้ ที่พลอยเคยโพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า “I’m not Adele. I don’t wish “nothing but the best” for you DIE BITCH” โดยเขียนบรรยายใต้ภาพว่า “แด่คนที่ชอบพูดถึงคนในด้านลบลับหลัง…ให้ร้ายคนอื่น สกปรกที่สุด… จำไว้นะ” รวมไปถึงยังมีการโพสต์ภาพหญิงวัยรุ่น 2 พร้อมข้อความภาษาอังกฤษในภาพว่า "She′s my best friend because we both know what it′s like to have people be jealous of us" พร้อมใช้คำบรรยายภาพแท็กไปหาไฮโซอุ๊ว่า “@whanpavarisa @ant_whan @au_skulthai ได้รับข้อความแล้วนะคะคุณอุ๊”
เรื่องของพลอยในวันนี้ ประเด็นไม่ได้อยู่ที่พลอยจงใจโพสต์ภาพแขวะใคร ? หากอยู่ที่พฤติกรรม ที่แสดงออก และกระบวนการความคิด ที่จะพิจารณ์ว่าสิ่งที่ทำนั้นเหมาะสมหรือไม่? อย่างไร?
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับดุลยพินิจ ว่าเธอเลือกที่จะเป็น “เพชรแท้” หรือจะเป็นแค่ “พลอย” !!!???