By Lady Manager
ฟันโช๊ะเลยว่า ในรอบ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา คนไทยทั้งในประเทศและนอกประเทศ เกิดกระแสติดหนึบยิ่งกว่าละครหลังข่าว กับการตามข่าวมหากาพย์รักร้าวระหองระแหงของอดีตสามีภรรยาคู่ดัง เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ นางเอกซุปตาร์ กับ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นักการเมืองคนดังและรวย เมืองปากน้ำ
ทั้งข่าวสืบ ข่าวลือ ข่าวหลุด ข่าวปล่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิ๊ก, ความขัดแย้งในทรัพย์สินเงินทอง, การใช้ความรุนแรง, กระทั่งบทสนทนาในกลุ่มไลน์ ที่หลุดออกมา ฯลฯ
หย่า เพื่ออิสรภาพ มิใช่ทรัพย์สินเงินทอง
และทุกปมประเด็นก็(เสมือน)เคลียร์ชัดมากขึ้นโดยคู่กรณีไม่ต้องพูดเอง แต่เป็นภาพเจนี่ในเสื้อสีขาวคัตติ้งเนี้ยบตามสไตล์ ถือใบสำคัญการหย่า กับภาพหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุลจาก “เจนี่ อัศวเหม” เป็น “เทียนโพธิ์สุวรรณ” ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 ออกสื่อ
“ก่อนหน้านี้เขาก็มาปรึกษากับผมตลอด เพราะผมสนิทกับแม่ของน้องเจนี่ ก็ปรึกษามาประมาณ 2-3 เดือนแล้ว ตอนนี้ทางคุณแม่สบายใจแล้ว ก็โอเคเหมือนยกภูเขาออกจากอก มันคาอยู่ในอกเหมือนไฟสุมทรวง ก็เกิดเป็นแบบนี้มาประมาณ 4-5 เดือนแล้ว” ทนายความชื่อดัง อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวนิช ให้สัมภาษณ์ อ่าน Super บันเทิง ทนายเผย “เจนี่-เอ๋” เคลียร์กันจะๆ ก่อนหย่า อุบเรื่องโดนซ้อม ไม่เอาเงินเพราะอยากเริ่มชีวิตใหม่
“ถ้าเป็นรายอื่นๆ ก็คงต้องมีการคุยเรื่องทรัพย์สินการเลี้ยงดู แต่น้องเจนี่ไม่เอาอะไรเลย เขาอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถึงไม่เรียกร้องอะไรเลย โดยหลักการเลิกกันก็ต้องคุยเรื่องทรัพย์สินส่วนใหญ่ก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่น้องเจนี่เริ่มต้นชีวิตใหม่ดีกว่า พี่เอ๋ก็ไม่ว่าอะไร น้องเจนี่ ขอคืนแค่รถพอร์ชคันเดียว”
“สำหรับข่าวเรื่องสินสอดที่ว่าคุณเอ๋ขายหมด ก็คงต้องไปถามเขาเองดีกว่า เราไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ แต่ก็พอรู้เรื่องต่างๆ เยอะเหมือนกันเพราะคุยกันมาตลอด แต่เรื่องบางเรื่องควรพูดเรื่องบางเรื่องไม่ควรพูด (เรื่องโดนทำร้ายร่างกาย) ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดครับ”
นอกจากเจนี่ได้เคยลบคำครหาว่า “แย่งสามีชาวบ้าน” ซึ่งในช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ เผยเองว่าแยกกับ ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย มานานแล้ว และไม่เคยจดทะเบียนสมรสด้วย ฝ่ายตู่ ผู้ได้รับฉายา “มาดามเอื้ออาทร” ก็ออกมายอมรับต่อมาว่า แยกทางกับเอ๋นานแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริง
ตอนนี้เจนี่ยังลบข้อกล่าวด้วยว่า “แต่งเพราะเงิน” เนื่องด้วยโพรไฟล์ชนมสวัสดิ์ เป็นถึงนายก อบจ.สมุทรปราการ, ประธานที่ปรึกษาสโมสรฟุตบอล จ.สมุทรปราการ, ธุรกิจอีกกว่า 22 บริษัท มากมายของตระกูลอัศวเหม ทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้นกว่า 1,707.5 ล้านบาท พร้อมทรัพย์สินนับรวมกว่าหมื่นล้านบาท
แหม่ หย่ากับเศรษฐีทั้งที กลับไม่เรียกร้องทรัพย์สินค่าเลี้ยงดูใดๆ เลย ขอแค่รถพอร์ชของตัวเองคืนเท่านั้น!!
ช้ำกายช้ำใจ แต่มืออาชีพ ไปทำงานถ่ายละคร
แม้เจนี่ไม่ได้ออกมายอมรับว่า เธอคือหญิงสาวในภาพเจ้าของแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกาย แขนฟกช้ำเลือดห้อ ดวงตาปูดบวม ซึ่งว่อนในโลกออนไลน์และขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวัน แต่หลักฐานที่นักสืบไซเบอร์จับสังเกตมือถือที่ใช้ถ่ายภาพ ว่าเป็นมือถือเครื่องเดียวกับที่เจนี่ใช้ หลายคนจึงมั่นใจว่าภาพนั้นคือนางเอกเจนี่จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
ผนวกกับ 4-5 เดือนที่ผ่านมาตามที่ทนายประมาณกล่าวไว้ น่าจะตรงกับช่วงเวลาเจนี่ถ่ายละครเรื่องหงส์ จากซีรีส์มาเฟียเลือดมังกร ซึ่ง บอย ปกรณ์ แสดงนำด้วย ให้สัมภาษณ์ผ่าน sanook.com หมาดๆ ว่า
“เวลาพี่เจนี่มากองเค้าก็ค่อนข้างจะสดใส ด้วยความที่เค้าเป็นมืออาชีพก็ทำงานเต็มที่ ทุกคนในกองก็คงรู้ว่าพี่เจนี่มีเรื่องหนักใจอยู่แล้ว เราก็ไม่อยากจะไปพูดกลัวไปย้ำความรู้สึก ก็แค่พูดให้กำลังใจว่าสู้ๆ เรื่องรอยช้ำ ไม่เคยมีใครพูดถึงไม่มีใครเคยสังเกตเห็น ทุกคนในกองก็รู้ข่าวพร้อมกับคนทั่วประเทศ ทุกคนก็พูดกันว่าพี่เจนี่เค้าก็เข้มแข็งนะ มาทำงานไม่เคยแสดงอาการให้เห็นว่าเจอเรื่องอะไรมา บู๊มีนะ เวลาถ่ายบู๊ก็มีผิดคิว พี่เจนี่ก็บู๊เยอะ"
กระแสเห็นใจชื่นชมในตัวเจนี่พุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เท่านั้นไม่พอ กรณีหย่าร้างสนั่นเมืองก็กลายเป็นหัวข้อให้หลายๆ คนในสังคมฉุกคิดประเด็นเรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
ตามสถิติ หญิงไทยหน้าบาง ยอมทนมือทนตีนผัว
ข้อมูลจาก UN Women ในหัวข้อ 2011-2012 Progress of the World's Women: in Pursuit of Justice ระบุว่า ประเทศไทยติดอันดับต้นๆ เกี่ยวกับการกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัว
ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ ประเทศ ไทยอยู่ลำดับที่ 7 (จาก 71 ปท.) หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ที่ผู้หญิงถูกทำร้ายจากคนรัก
ที่น่าเศร้าใจสุด คือ หญิงไทยยอมรับการถูกทำร้ายมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และความรุนแรงที่ใกล้ตัวที่สุด คือ ความรุนแรงในครอบครัวที่เกิดจาก “สามี” กระทำต่อ “ภรรยา”
จะเด็จ เชาว์วิไล ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวใน ‘ผู้ชาย’ จำไว้ ‘ผู้หญิง’ ยุคใหม่ไม่ทนต่อความรุนแรง! ว่าผู้หญิงมักอดทนต่อความเจ็บปวด
“ตัวผู้หญิงเองรู้สึกอายและไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้ อีกทั้งยังกลัวว่าจะเสียความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งในระบบของครอบครัวหรือสังคมก็ดีต้องยอมรับความเชื่อที่ว่า “ผู้ชายเป็นใหญ่” ครอบงำความคิดทั้งผู้ชายและผู้หญิงไว้ กรณีที่เกิดขึ้นก็เพราะผู้ชายมีความรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจเหนือกว่า และรู้สึกว่าภรรยาเป็นสมบัติของตัวเอง จึงได้กระทำความรุนแรง”
“อีกทั้งผู้ถูกกระทำจำนวนไม่น้อยเมื่อโดนทำร้ายจะไม่กล้าร้องเรียนหรือแจ้งตำรวจ เพื่อเอาผิด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเพิกเฉยต่อความรุนแรง”
เขากล่าวอีกว่า เมื่อฝ่ายหญิงถูกกระทำบ่อยครั้ง จนทนไม่ไหว ก็ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ซึ่งจากข้อมูลสถิติความรุนแรงในปี 2555 ของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พบว่า เกิดกรณีการฆ่ากันตาย 186 เรื่อง ในจำนวนนี้มีทั้งฝ่ายหญิงที่กระทำกับฝ่ายชาย เนื่องจากว่าทนเป็นฝ่ายถูกกระทำไม่ไหวอีกต่อไป
ดังนั้น การตบตีทำร้ายร่างกายในครอบครัวจึงไม่ใช่เรื่องขี้ประติ๋วเลย เพราะอาจนำไปสู่การเกิดคดีฆาตกรรมได้
คำถามคือ ผู้หญิงเราเองต่างหากที่ต้องกล้าลุกขึ้นมา ไม่ใช่ให้ไปต่อสู้ใช้มีดปืนโต้ตอบเขา หากใช้สมอง สติ และพลังความมั่นใจ อยู่ด้วยตัวเองให้ได้
กล้าแต่ง กล้าหย่า ไม่ยึดติด“มาดาม”
บังเอิญเจนี่ถ่ายแบบแฟชั่นปกและให้สัมภาษณ์ Mars ฉบับกรกฎาคม 2557 นี้เอง ถึงคอนเซ็ปต์การใช้ชีวิตคู่
“เจนี่ว่าเขารู้ตัวเขาเอง เจนี่จะไม่บังคับหรอกค่ะ เพราะเขาโตแล้ว อายุเยอะแล้ว ถ้าเขาทำอะไรที่มันไม่ดีก็จะมีผลกับตัวเขาเอง เจนี่ก็ดูแลตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าเราทำอะไรที่ไม่ดี มันก็จะมีผลกับตัวเรา ถ้าเรารักตัวเอง เราก็ต้องไม่ทำอะไรที่มันไม่ดี มันคือความซื่อสัตย์น่ะค่ะ”
“ชีวิตคู่เนี่ย ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองก่อน คุณก็ไม่สามารถที่จะไปซื่อสัตย์กับคู่ของคุณได้ มันคือการมีวินัยกับตัวเอง ถ้าเกิดคุณไม่สามารถมีวินัยกับตัวเองได้ คุณจะไปทำอย่างอื่นได้ยังไง อย่าว่าแต่เรื่องคู่เลย ทั้งการทำงาน ทั้งอีกหลายๆ เรื่อง ถ้าไม่มีวินัยมันก็ไม่ประสบความสำเร็จ คือแค่เรื่องชีวิตคู่คุณยังมีวินัยไม่ได้ แล้วจะทำอย่างอื่นสำเร็จได้อย่างไร เหมือนชีวิตคู่ของทุกคนแหละค่ะ ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองก่อน ก็อย่าไปคิดว่าจะซื่อสัตย์กับคู่ตัวเองได้ อย่างเจนี่ทำงานเยอะ ก็ไม่มีเวลามานั่งเฝ้าพี่เอ๋ 24 ชั่วโมง แล้วเจนี่ก็โตแล้ว การที่จะมานั่งจุกจิกเรื่องพวกนี้มันก็ไม่ใช่วิสัยของเจนี่ด้วย เพราะเจนี่มั่นใจว่ามีดีพอ”
และเธอก็แน่จริง ไม่ยึดติดภาพลักษณ์ที่ค้ำคอ ขอเลือกเดินออกมาจากชีวิตคู่ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดั่งทนายประมาณพูดไว้ข้างต้น ขนาดนักสหภาพแรงงานยังเขียนเพจชื่นชมเจนี่ ว่ามีความคิดเรื่องการครองชีวิตคู่ที่ก้าวหน้ากว่าดาราไฮโซเซเลบหลายคน
“…เมื่อรักก็ตัดสินใจแต่งงาน เมื่ออยู่ไม่ได้ก็เลิก ไม่ห่วงหน้าตาชื่อเสียง ไม่ต้องอดทนขมขื่นใจ แบกภาพภรรยาที่ดียอมผัว ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่เอา ปิดปากพวกขาเม้าท์ว่ามีผัวรวยเพราะหวังทรัพย์สิน…”
เหนืออื่นใด กระแสเห็นอกเห็นใจ เข้าใจ และให้กำลังใจเจนี่ผ่านแฟนเพจของเธอล้นหลาม โดยเฉพาะยิ่งผู้หญิงด้วยกัน
…เจนี่ นางกลายเป็นไอดอลผู้หญิงยุคใหม่ ที่ไม่ยอมจำนน ไปซะแล้ว
*ส่อง -> FB-IG เจนี่ หลัง Begin Again
ยอดแฟนเพจเพิ่มพุ่งขึ้นใกล้ล้านแปดแล้วจ้า ยอดคนกดไลค์แต่ละภาพวิ่งเร็วเป็นแสน กระหน่่ำแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจล้นทะลัก มิต้องพูดถึงในไอจี ยอดคนติดตามขึ้นเร็วมากเกินครึ่งล้านแล้ว ทั้งที่เพิ่งตั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และโพสต์แค่ 4 ภาพเอง
Cr: IG JANIENINEELEVEN, FB Janie Thienphosuvan JT
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
ฟันโช๊ะเลยว่า ในรอบ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา คนไทยทั้งในประเทศและนอกประเทศ เกิดกระแสติดหนึบยิ่งกว่าละครหลังข่าว กับการตามข่าวมหากาพย์รักร้าวระหองระแหงของอดีตสามีภรรยาคู่ดัง เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ นางเอกซุปตาร์ กับ เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ อัศวเหม นักการเมืองคนดังและรวย เมืองปากน้ำ
ทั้งข่าวสืบ ข่าวลือ ข่าวหลุด ข่าวปล่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกิ๊ก, ความขัดแย้งในทรัพย์สินเงินทอง, การใช้ความรุนแรง, กระทั่งบทสนทนาในกลุ่มไลน์ ที่หลุดออกมา ฯลฯ
หย่า เพื่ออิสรภาพ มิใช่ทรัพย์สินเงินทอง
และทุกปมประเด็นก็(เสมือน)เคลียร์ชัดมากขึ้นโดยคู่กรณีไม่ต้องพูดเอง แต่เป็นภาพเจนี่ในเสื้อสีขาวคัตติ้งเนี้ยบตามสไตล์ ถือใบสำคัญการหย่า กับภาพหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อสกุลจาก “เจนี่ อัศวเหม” เป็น “เทียนโพธิ์สุวรรณ” ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2557 ออกสื่อ
“ก่อนหน้านี้เขาก็มาปรึกษากับผมตลอด เพราะผมสนิทกับแม่ของน้องเจนี่ ก็ปรึกษามาประมาณ 2-3 เดือนแล้ว ตอนนี้ทางคุณแม่สบายใจแล้ว ก็โอเคเหมือนยกภูเขาออกจากอก มันคาอยู่ในอกเหมือนไฟสุมทรวง ก็เกิดเป็นแบบนี้มาประมาณ 4-5 เดือนแล้ว” ทนายความชื่อดัง อ.ประมาณ เลืองวัฒนะวนิช ให้สัมภาษณ์ อ่าน Super บันเทิง ทนายเผย “เจนี่-เอ๋” เคลียร์กันจะๆ ก่อนหย่า อุบเรื่องโดนซ้อม ไม่เอาเงินเพราะอยากเริ่มชีวิตใหม่
“ถ้าเป็นรายอื่นๆ ก็คงต้องมีการคุยเรื่องทรัพย์สินการเลี้ยงดู แต่น้องเจนี่ไม่เอาอะไรเลย เขาอยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ ถึงไม่เรียกร้องอะไรเลย โดยหลักการเลิกกันก็ต้องคุยเรื่องทรัพย์สินส่วนใหญ่ก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่น้องเจนี่เริ่มต้นชีวิตใหม่ดีกว่า พี่เอ๋ก็ไม่ว่าอะไร น้องเจนี่ ขอคืนแค่รถพอร์ชคันเดียว”
“สำหรับข่าวเรื่องสินสอดที่ว่าคุณเอ๋ขายหมด ก็คงต้องไปถามเขาเองดีกว่า เราไม่เห็นสัมผัสไม่ได้ แต่ก็พอรู้เรื่องต่างๆ เยอะเหมือนกันเพราะคุยกันมาตลอด แต่เรื่องบางเรื่องควรพูดเรื่องบางเรื่องไม่ควรพูด (เรื่องโดนทำร้ายร่างกาย) ก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดครับ”
นอกจากเจนี่ได้เคยลบคำครหาว่า “แย่งสามีชาวบ้าน” ซึ่งในช่วงเวลานี้เมื่อปีที่แล้ว เอ๋ ชนม์สวัสดิ์ เผยเองว่าแยกกับ ตู่ นันทิดา แก้วบัวสาย มานานแล้ว และไม่เคยจดทะเบียนสมรสด้วย ฝ่ายตู่ ผู้ได้รับฉายา “มาดามเอื้ออาทร” ก็ออกมายอมรับต่อมาว่า แยกทางกับเอ๋นานแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้บอกความจริง
ตอนนี้เจนี่ยังลบข้อกล่าวด้วยว่า “แต่งเพราะเงิน” เนื่องด้วยโพรไฟล์ชนมสวัสดิ์ เป็นถึงนายก อบจ.สมุทรปราการ, ประธานที่ปรึกษาสโมสรฟุตบอล จ.สมุทรปราการ, ธุรกิจอีกกว่า 22 บริษัท มากมายของตระกูลอัศวเหม ทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้นกว่า 1,707.5 ล้านบาท พร้อมทรัพย์สินนับรวมกว่าหมื่นล้านบาท
แหม่ หย่ากับเศรษฐีทั้งที กลับไม่เรียกร้องทรัพย์สินค่าเลี้ยงดูใดๆ เลย ขอแค่รถพอร์ชของตัวเองคืนเท่านั้น!!
ช้ำกายช้ำใจ แต่มืออาชีพ ไปทำงานถ่ายละคร
แม้เจนี่ไม่ได้ออกมายอมรับว่า เธอคือหญิงสาวในภาพเจ้าของแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทำร้ายร่างกาย แขนฟกช้ำเลือดห้อ ดวงตาปูดบวม ซึ่งว่อนในโลกออนไลน์และขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์รายวัน แต่หลักฐานที่นักสืบไซเบอร์จับสังเกตมือถือที่ใช้ถ่ายภาพ ว่าเป็นมือถือเครื่องเดียวกับที่เจนี่ใช้ หลายคนจึงมั่นใจว่าภาพนั้นคือนางเอกเจนี่จริงอย่างไม่ต้องสงสัย
ผนวกกับ 4-5 เดือนที่ผ่านมาตามที่ทนายประมาณกล่าวไว้ น่าจะตรงกับช่วงเวลาเจนี่ถ่ายละครเรื่องหงส์ จากซีรีส์มาเฟียเลือดมังกร ซึ่ง บอย ปกรณ์ แสดงนำด้วย ให้สัมภาษณ์ผ่าน sanook.com หมาดๆ ว่า
“เวลาพี่เจนี่มากองเค้าก็ค่อนข้างจะสดใส ด้วยความที่เค้าเป็นมืออาชีพก็ทำงานเต็มที่ ทุกคนในกองก็คงรู้ว่าพี่เจนี่มีเรื่องหนักใจอยู่แล้ว เราก็ไม่อยากจะไปพูดกลัวไปย้ำความรู้สึก ก็แค่พูดให้กำลังใจว่าสู้ๆ เรื่องรอยช้ำ ไม่เคยมีใครพูดถึงไม่มีใครเคยสังเกตเห็น ทุกคนในกองก็รู้ข่าวพร้อมกับคนทั่วประเทศ ทุกคนก็พูดกันว่าพี่เจนี่เค้าก็เข้มแข็งนะ มาทำงานไม่เคยแสดงอาการให้เห็นว่าเจอเรื่องอะไรมา บู๊มีนะ เวลาถ่ายบู๊ก็มีผิดคิว พี่เจนี่ก็บู๊เยอะ"
กระแสเห็นใจชื่นชมในตัวเจนี่พุ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง เท่านั้นไม่พอ กรณีหย่าร้างสนั่นเมืองก็กลายเป็นหัวข้อให้หลายๆ คนในสังคมฉุกคิดประเด็นเรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัว
ตามสถิติ หญิงไทยหน้าบาง ยอมทนมือทนตีนผัว
ข้อมูลจาก UN Women ในหัวข้อ 2011-2012 Progress of the World's Women: in Pursuit of Justice ระบุว่า ประเทศไทยติดอันดับต้นๆ เกี่ยวกับการกระทำความรุนแรงต่อผู้หญิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครอบครัว
ซึ่งในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานี้ ประเทศ ไทยอยู่ลำดับที่ 7 (จาก 71 ปท.) หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ที่ผู้หญิงถูกทำร้ายจากคนรัก
ที่น่าเศร้าใจสุด คือ หญิงไทยยอมรับการถูกทำร้ายมากเป็นอันดับ 2 ของโลก และความรุนแรงที่ใกล้ตัวที่สุด คือ ความรุนแรงในครอบครัวที่เกิดจาก “สามี” กระทำต่อ “ภรรยา”
จะเด็จ เชาว์วิไล ผอ.มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวใน ‘ผู้ชาย’ จำไว้ ‘ผู้หญิง’ ยุคใหม่ไม่ทนต่อความรุนแรง! ว่าผู้หญิงมักอดทนต่อความเจ็บปวด
“ตัวผู้หญิงเองรู้สึกอายและไม่กล้าที่จะพูดเรื่องนี้ อีกทั้งยังกลัวว่าจะเสียความสัมพันธ์ในครอบครัว ซึ่งในระบบของครอบครัวหรือสังคมก็ดีต้องยอมรับความเชื่อที่ว่า “ผู้ชายเป็นใหญ่” ครอบงำความคิดทั้งผู้ชายและผู้หญิงไว้ กรณีที่เกิดขึ้นก็เพราะผู้ชายมีความรู้สึกว่าตัวเองมีอำนาจเหนือกว่า และรู้สึกว่าภรรยาเป็นสมบัติของตัวเอง จึงได้กระทำความรุนแรง”
“อีกทั้งผู้ถูกกระทำจำนวนไม่น้อยเมื่อโดนทำร้ายจะไม่กล้าร้องเรียนหรือแจ้งตำรวจ เพื่อเอาผิด ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเพิกเฉยต่อความรุนแรง”
เขากล่าวอีกว่า เมื่อฝ่ายหญิงถูกกระทำบ่อยครั้ง จนทนไม่ไหว ก็ตอบโต้ด้วยความรุนแรง ซึ่งจากข้อมูลสถิติความรุนแรงในปี 2555 ของมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล พบว่า เกิดกรณีการฆ่ากันตาย 186 เรื่อง ในจำนวนนี้มีทั้งฝ่ายหญิงที่กระทำกับฝ่ายชาย เนื่องจากว่าทนเป็นฝ่ายถูกกระทำไม่ไหวอีกต่อไป
ดังนั้น การตบตีทำร้ายร่างกายในครอบครัวจึงไม่ใช่เรื่องขี้ประติ๋วเลย เพราะอาจนำไปสู่การเกิดคดีฆาตกรรมได้
คำถามคือ ผู้หญิงเราเองต่างหากที่ต้องกล้าลุกขึ้นมา ไม่ใช่ให้ไปต่อสู้ใช้มีดปืนโต้ตอบเขา หากใช้สมอง สติ และพลังความมั่นใจ อยู่ด้วยตัวเองให้ได้
กล้าแต่ง กล้าหย่า ไม่ยึดติด“มาดาม”
บังเอิญเจนี่ถ่ายแบบแฟชั่นปกและให้สัมภาษณ์ Mars ฉบับกรกฎาคม 2557 นี้เอง ถึงคอนเซ็ปต์การใช้ชีวิตคู่
“เจนี่ว่าเขารู้ตัวเขาเอง เจนี่จะไม่บังคับหรอกค่ะ เพราะเขาโตแล้ว อายุเยอะแล้ว ถ้าเขาทำอะไรที่มันไม่ดีก็จะมีผลกับตัวเขาเอง เจนี่ก็ดูแลตัวเอง เพราะฉะนั้นถ้าเราทำอะไรที่ไม่ดี มันก็จะมีผลกับตัวเรา ถ้าเรารักตัวเอง เราก็ต้องไม่ทำอะไรที่มันไม่ดี มันคือความซื่อสัตย์น่ะค่ะ”
“ชีวิตคู่เนี่ย ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองก่อน คุณก็ไม่สามารถที่จะไปซื่อสัตย์กับคู่ของคุณได้ มันคือการมีวินัยกับตัวเอง ถ้าเกิดคุณไม่สามารถมีวินัยกับตัวเองได้ คุณจะไปทำอย่างอื่นได้ยังไง อย่าว่าแต่เรื่องคู่เลย ทั้งการทำงาน ทั้งอีกหลายๆ เรื่อง ถ้าไม่มีวินัยมันก็ไม่ประสบความสำเร็จ คือแค่เรื่องชีวิตคู่คุณยังมีวินัยไม่ได้ แล้วจะทำอย่างอื่นสำเร็จได้อย่างไร เหมือนชีวิตคู่ของทุกคนแหละค่ะ ถ้าคุณไม่ซื่อสัตย์กับตัวเองก่อน ก็อย่าไปคิดว่าจะซื่อสัตย์กับคู่ตัวเองได้ อย่างเจนี่ทำงานเยอะ ก็ไม่มีเวลามานั่งเฝ้าพี่เอ๋ 24 ชั่วโมง แล้วเจนี่ก็โตแล้ว การที่จะมานั่งจุกจิกเรื่องพวกนี้มันก็ไม่ใช่วิสัยของเจนี่ด้วย เพราะเจนี่มั่นใจว่ามีดีพอ”
และเธอก็แน่จริง ไม่ยึดติดภาพลักษณ์ที่ค้ำคอ ขอเลือกเดินออกมาจากชีวิตคู่ เพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่ ดั่งทนายประมาณพูดไว้ข้างต้น ขนาดนักสหภาพแรงงานยังเขียนเพจชื่นชมเจนี่ ว่ามีความคิดเรื่องการครองชีวิตคู่ที่ก้าวหน้ากว่าดาราไฮโซเซเลบหลายคน
“…เมื่อรักก็ตัดสินใจแต่งงาน เมื่ออยู่ไม่ได้ก็เลิก ไม่ห่วงหน้าตาชื่อเสียง ไม่ต้องอดทนขมขื่นใจ แบกภาพภรรยาที่ดียอมผัว ทรัพย์สินเงินทองก็ไม่เอา ปิดปากพวกขาเม้าท์ว่ามีผัวรวยเพราะหวังทรัพย์สิน…”
เหนืออื่นใด กระแสเห็นอกเห็นใจ เข้าใจ และให้กำลังใจเจนี่ผ่านแฟนเพจของเธอล้นหลาม โดยเฉพาะยิ่งผู้หญิงด้วยกัน
…เจนี่ นางกลายเป็นไอดอลผู้หญิงยุคใหม่ ที่ไม่ยอมจำนน ไปซะแล้ว
*ส่อง -> FB-IG เจนี่ หลัง Begin Again
ยอดแฟนเพจเพิ่มพุ่งขึ้นใกล้ล้านแปดแล้วจ้า ยอดคนกดไลค์แต่ละภาพวิ่งเร็วเป็นแสน กระหน่่ำแสดงความคิดเห็นให้กำลังใจล้นทะลัก มิต้องพูดถึงในไอจี ยอดคนติดตามขึ้นเร็วมากเกินครึ่งล้านแล้ว ทั้งที่เพิ่งตั้งเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และโพสต์แค่ 4 ภาพเอง
Cr: IG JANIENINEELEVEN, FB Janie Thienphosuvan JT
* ช่วยคลิก Like ด้วยนะคะ เพื่อเป็นแฟนเพจ Lady Manager รับข่าวสารแซ่บๆ ของผู้หญิงในแวดวงสุขภาพความงาม แฟชั่น และความสัมพันธ์ (**)
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net