“น้ำเพชร สุณัณณิการ์” ร่ำไห้เรียกร้องความเป็นธรรมหลังโดนปลดจากตำแหน่งรองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 เซ่นพิษภาพฉาว ซัดงานพริตตี้ขัดศีลธรรมและผิดตรงไหน ฉะ “แอลลี่ พิมบงกช” มีภาพหลุดนอนจูบผู้ชายบนเตียงทำไมไม่โดนปลด ลั่นจะคืนแค่สายสะพาย แต่ไม่ขอคืนมงกุฎ เพราะเป็นสิ่งที่ตนควรได้รับ ถามกองประกวดเงิน 2 แสนเมื่อไหร่ตนจะได้รับ !
ออกมายอมรับสารภาพว่าภาพหลุดเป็นพริตตี้นั่งแหกบนรถเป็นตนเองจริง แต่ต้องทำเพราะดิ้นรนหาเงินรักษาแม่ป่วย ก่อนเข้าประกวดและได้รับตำแหน่ง สำหรับ “น้ำเพชร สุณัณณิการ์ กฤษณสุวรรณ” รองอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 แต่เพราะภาพดังกล่าวทำให้หลายคนนำไปเปรียบกับ “ฝ้าย เวฬุรีย์ ดิษยบุตร” อดีตมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2014 ที่จำต้องสละตำแหน่งเพราะทนแรงกดดันจากสังคมไหว หลังฝ้ายได้รับตำแหน่งเพียงแค่ข้ามคืน ก็โดนขุดคุ้ยว่าไม่มีคุณสมบัติที่จะดำรงตำแหน่ง เพราะได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย จนฝ้ายถึงกับร่ำไห้ออกมาขอสละตำแหน่งและไม่ขอรับเงินรางวัลใดๆ จากการประกวด
จะเหลือก็แต่น้ำเพชรที่ยังไม่มีความชัดเจนว่ากองประกวดจะจัดการเช่นไร จนกระทั่งเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคมที่ผ่านมา กองประกวดก็ได้มีมติปลดเจ้าตัวจากตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยได้ประกาศผ่านทางเว็บไซต์ www.missuniversethailand.com ชนิดทำเอาเจ้าตัวช็อกไปเลยทีเดียว ล่าสุดวันนี้ (21 กรกฎาคม 2557) น้ำเพชรก็ได้ออกมาเปิดใจผ่านรายการ “สน.แสนแสบ” ณ ตึกแกรมมี่ระบุขอเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง ซัดกองประกวดไม่มีความยุติธรรม ขอโต้ข่าวสารพัดทั้งขายตัว เมียน้อย เอเย่นต์ส่งเด็กให้เสี่ย พริตตี้ฉาว พร้อมเผยนาทีโดนกองประกวดหลอกให้คืนมงกุฏ วอนขอความเมตตาให้ตนได้ทำงานในวงการอีกครั้ง
“วันนี้น้ำเพชรอยากจะออกมาขอโอกาสชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องข่าวที่ปรากฎบนหน้าสื่อต่างๆ ประเด็นแรกที่น้ำเพชรอยากจะชี้แจงเป็นประเด็นที่ว่าน้ำเพชรขายตัว เป็นเด็กเสี่ย มอมยาผู้หญิงส่งเด็กให้เสี่ย หรือที่ว่าเป็นเมียน้อยของนายทหารอากาศใหญ่คนหนึ่ง ซึ่งน้ำเพชรอยากจะออกมาปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาเพราะว่าไม่เป็นเรื่องจริง การที่น้ำเพชรถูกใส่ร้ายในเรื่องนี้ทำให้น้ำเพชรเสียเกียรติและศักดิ์ศรีของความเป็นลูกผู้หญิงคนหนึ่งไปมาก เพราะช่วงเวลาที่ข่าวเหล่านี้ออกมาทำให้น้ำเพชรไม่มีความสุขเลย”
“เรื่องที่ว่าน้ำเพชรขายตัว น้ำเพชรขอยืนยันตรงนี้เลยว่าไม่เป็นความจริงค่ะ ถ้าใครมีหลักฐานว่าซื้อน้ำเพชรที่ไหน ราคาเท่าไหร่ หรือใครซื้อน้ำเพชรได้บ้างกรุณานำหลักฐานมาชี้แจงได้เลยนะคะ และเรื่องที่ว่าน้ำเพชรเป็นเอเย่นต์ส่งเด็ก เป็นเรื่องที่คนรอบข้างและครอบครัวค่อนข้างจะไม่มีความสุขมากๆ เพราะว่าน้ำเพชรถูกกล่าวหาแบบนี้มาเป็นเวลา 3 เดือนก่อนที่จะตัดสินให้พ้นตำแหน่ง น้ำเพชรก็อยากจะฝากพี่ๆ สื่อมวลชนกลับไปถามว่า ถ้าน้ำเพชรเป็นเอเย่นต์ส่งเด็กจริงๆ เด็กคนที่เพชรส่งไปขายเสี่ยนั้น ช่วยมาแสดงตัวต่อหน้าสื่อได้ไหมคะ ถ้าเกิดว่าไม่เพชรก็พ้นข้อกล่าวหาแล้วนะคะว่าเพชรไม่ได้เป็นเอเย่นต์ส่งเด็ก หรือเป็นเมียน้อยทหารอากาศ เป็นเมียน้อยใครทั้งสิ้น ถ้าเกิดว่าเพชรเป็นเมียน้อยทหารอากาศใหญ่จริงๆ หรือว่ามีเสี่ยเลี้ยงซื้อบ้าน ซื้อรถให้เพชร เพชรคงไม่ต้องมานั่งทำงานงกๆ หาเงินเรียนเอง และส่งครอบครัวแบบนี้หรอกค่ะ”
เผยเสียใจโดนหยามอาชีพพริตตี้ ทั้งที่ตนทำเพื่อหาเงินช่วยแม่ป่วย มั่นใจไม่ผิดกฎหมาย
“และอีกประเด็นหนึ่งที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์เยอะที่สุดก็คือ เรื่องอาชีพพริตตี้ของเพชร เพชรต้องขอเล่าก่อนเลยว่า เมื่อก่อนเพชรก็เป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่อยู่กันกับแม่สองคนมาโดยตลอด ซึ่งเมื่อปี 2552 ช่วงเดือนพฤษภาคม คุณแม่เพชรป่วย ตอนนั้นเพชรเรียนอยู่ม.5 คุณแม่เพชรป่วยเซลล์ปากมดลูกผิดปกติระดับ 2 ต้องทำการผ่าตัดโดยด่วน ถ้าไม่ผ่าตัดคุณหมอบอกว่าเซลล์นั้นจะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ซึ่งทำให้คุณแม่อาจจะอยู่ไม่ถึงวัยที่จะต้องเสีย ซึ่งตอนนั้นเพชรเป็นแค่เด็กม.5 ธรรมดา ยังไม่รู้หนทางชีวิต เพราะว่าครอบครัวไม่มีเงินเก็บเลย เพชรก็เลยต้องเริ่มทำงานพริตตี้ เพชรคิดว่าอาชีพพริตตี้เป็นอาชีพที่สุจริตนะคะ ในช่วงนั้นอาชีพพริตตี้เป็นอาชีพที่เด็กสาวทุกคนเพชรเชื่อว่าใฝ่ฝันอยากจะเป็น เพราะเป็นอาชีพที่ไม่ใช่แค่ว่าหน้าตาสวยอย่างเดียว ต้องมีฏิภาณไหวพริบและการพูด การพรีเซ็นต์ที่ดีด้วย คุณถึงจะเป็นพริตตี้ได้”
“เพชรคิดว่าพริตตี้เป็นอาชีพที่สุจริตและถูกกฎหมาย เพราะว่าเสียภาษีเหมือนกับอาชีพทั่วๆ ไปนะคะ แต่ที่เพชรเสียใจเพราะว่าเพชรโดนดูถูก เหยียดหยามเพราะเพชรทำงานพริตตี้มาก่อน แล้วเพชรไม่สามารถมาประกวดนางงามได้ (เสียงสั่น) วันนี้เพชรนำหลักฐานว่าคุณแม่เพชรป่วยจริงๆ จากเมื่อปี 2552 (โชว์เอกสารจากโรงพยาบาล) เป็นใบรับรองแพทย์ของสถาบันมะเร็งแห่งชาติค่ะ ที่รับรองว่าคุณแม่เป็นเซลล์ปากมดลูกผิดปกติ ลงวันที่จากวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 เพราะเพชรเพิ่งไปขอจากโรงพยาบาลมา ซึ่งก็ลงรายละเอียดว่าได้รับการผ่าตัดปากมดลูกด้วยห่วงหลอดไฟฟ้าเมื่อเดือนกรกฎาคม 2552 ซึ่งตอนนี้คุณแม่เพชรก็ได้หายเป็นปกติแล้ว แต่ยังต้องเข้าไปดูอาการทุกๆ 6 เดือน”
ยอมรับภาพแหกในรถแรงจริง แต่ตนไม่คิดว่าวันหนึ่งจะมาไกลถึงขนาดนี้ ย้ำถ่ายแค่ครั้งเดียวแถมได้รับค่าตอบแทนสูง
“เพชรก็อยากจะอธิบายนะคะ สาเหตุที่เพชรต้องทำงานตรงนั้น เพราะเพชรต้องรีบรับงานเร็วมาก เพราะมีเวลาแค่สองเดือนที่จะต้องหาเงินมาผ่าตัดคุณแม่ ไม่ว่างานอะไรตอนนั้นและด้วยความที่เราเป็นลูก ไม่ว่าเหตุผลจะแรงแค่ไหน หรือว่างานเราจะเป็นยังไง หนูยอมรับว่าภาพมันแรงจริง แต่มันเป็นงานที่สุจริต หนูไม่ได้ทำงานที่ผิดกฎหมาย และหนูก็ไม่ได้ขายตัว หนูทำทุกงานด้วยหยาดเหงื่อน้ำพักน้ำแรงของหนู เพราะหนูอยากให้คุณแม่หาย ตอนนั้นพูดตรงๆ เลยว่าไม่ได้คิดเหมือนกันว่าหนูจะมาไกลได้ถึงวันนี้ ตอนแรกที่รับงานไม่รู้ว่างานจะเป็นลักษณะแรงขนาดนั้น แต่วันนั้นตากล้องค่อนข้างจะเยอะค่ะ ก็เลยไม่รู้ว่ารูปที่หลุดออกไป จะหลุดไปจากตากล้องคนไหนหรือว่าใครเป็นคนที่เอามาปล่อย”
“ตอนแรกคุณแม่ทราบว่าเป็นงานพริตตี้ธรรมดาค่ะ แต่พอเห็นภาพคุณแม่ก็ค่อนข้างตกใจเหมือนกัน เพชรถ่ายครั้งนั้นครั้งเดียวค่ะ เพราะครั้งนั้นได้รับค่าจ้างค่อนข้างจะสูงค่ะ มันก็พอดีกับค่าผ่าตัดคุณแม่ ตอนนั้นที่เราต้องรีบหาเงินก็เพื่อต้องการจะหามาสำรองไว้ให้คุณแม่เผื่อต้องแอดมินด่วนหรืออะไรก็ตาม เพราะการผ่าตัดไม่ใช่ว่าแม่หนูจะหายทันที มันต้องมีการรักษาอย่างต่อเนื่อง ช่วงนั้นเพชรเป็นเด็กม.5 ก็ไม่สามารถทำอะไรที่จะได้เงินเยอะๆ ที่สามารถจะดูแลแม่ของตัวเองได้”
“หนูไม่เคยปฏิเสธว่าไม่ใช่หนูเลยนะคะ ที่หนูออกมาครั้งนี้เป็นการแถลงข่าวครั้งแรกของหนู หนูไม่เคยให้ข่าวกับใคร และไม่เคยให้ข่าวที่ไหน วันแรกที่หนูบอกก็คือหนูยอมรับว่าเป็นรูปของหนูจริงๆ ตามที่ข่าวออกมา หนูไม่เคยปฏิเสธการกระทำในอดีตของหนูเลยค่ะ”
โชว์หลักฐานข้อความไลน์แฉห้ามตนออกงาน ไม่ให้รับงานจนตนไม่มีเงิน แต่หากตนทำงานได้เงินต้องหักเข้ากองประกวด
“ผู้ใหญ่เรียกหนูเข้าไปคุยหลายครั้งนะคะ ตอนแรกผู้ใหญ่เรียกเข้าไปสืบสวนก่อนว่าเป็นภาพของหนูจริงไหม ซึ่งหนูก็ยอมรับว่าจริงค่ะ และได้บอกเหตุผลไปว่าทำไปเพราะอะไร หนูก็ได้เอาหลักฐานชุดนี้ไปให้ผู้ใหญ่ดูว่าป่วยจริงไหม หนูทำทุกอย่างหนูมีเหตุผล และหนูคิดว่าก่อนที่หนูจะเข้ามาประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ หนูเข้ามาด้วยความศรัทธา หนูเตรียมตัวทุกอย่าง หนูมีความฝันตั้งแต่เด็กๆ ว่าหนูอยากจะเป็นนางงาม หนูถึงเดินสายประกวดตั้งแต่เด็กๆ (น้ำตาคลอ) เพื่อเตรียมความพร้อม ฝึกฝนตัวเองเพื่อวันหนึ่งหนูอยากมายืนอยู่ตรงนี้ แต่หนูก็ไม่รู้จริงๆ ว่าอดีตของหนูมันจะทำร้ายหนูได้ขนาดนี้”
“แต่หนูขอพูดถึงประเด็นนี้ทีหลังนะคะ คือตอนแรกผู้ใหญ่ได้ตั้งทีมคณะกรรมการมาสอบสวนหนู ตั้งทนายมาหนึ่งคน และมีผู้ใหญ่อีกสองคนที่เข้ามาคุยเรื่องนี้ จากนั้นก็ได้มีการสอบถามถึงข้อเท็จจริง หนูก็บอกไปตามความจริงทุกอย่าง ผู้ใหญ่ก็ไม่ได้พูดอะไร แต่พอเพื่อนๆ ออกไปขอบคุณสื่อกัน หนูก็ไม่ได้ออกไปด้วย ก็มีคนมาถามว่าทำไมหนูถึงไม่ได้ออกไป ผู้ใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดเขาบอกว่ายังไม่ให้หนูออกงานไปไหน นั่นคือสาเหตุที่ว่าทำไมหนูถึงออกมาแถลงข่าววันนี้ เพราะหนึ่งคือผู้ใหญ่ไม่ให้หนูออกงาน พอหนูมีงานเข้ามาก็ไม่รับงานให้ ก่อนหน้านี้หนูมีงานพิธีกรเข้ามา หนูก็ถามผู้ใหญ่ว่า (โชว์หลักฐานที่คุยกับผู้ใหญ่ทางไลน์) หนูสามารถรับงานได้ไหมคะ เพราะว่าตอนนี้ประกวดผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว หนูยังไม่มีงาน ไม่มีรายได้ และเงินจากกองประกวดก็ยังไม่ได้ ตอนนี้หนูแย่มาก หนูขอรับงานได้ไหมคะ”
“เขาก็บอกว่าขอปรึกษาผู้ใหญ่ก่อน จากนั้นก็ตอบกลับมาว่าต้องหักเข้ากองประกวดทุกอย่าง ก็เลยถามกลับไปว่าต้องหักเข้ากองเท่าไหร่คะ เขาบอกว่ามาเซ็นสัญญาก่อนแล้วค่อยมาคุยกัน หนูก็ตอบไปว่าค่ะ ทีนี้วันต่อมาเป็นวันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน ผู้ใหญ่ก็นัดเพชรเข้าไปคุย หนูก็ถามว่าจะให้ไปกี่โมงคะ ผู้ใหญ่ก็บอกเดี๋ยวแจ้งนะคะ แต่รอจนเย็นก็ไม่ตอบ พอมาวันจันทร์หนูก็ถามว่าจะให้เข้าไปกี่โมงคะ เขาบอกยังไม่ต้องมาเจอกัน ซึ่งหนูก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไม เพราะว่าตอนนั้นหนูก็รีบอยากจะรับงาน จนหนูต้องเสียโอกาสงานพิธีกรนั้นไป”
ลั่นโดนปลดพ้นตำแหน่งอย่างไม่ยุติธรรม เพราะไม่เปิดโอกาสให้ตนชี้แจง
“หนูคิดว่าปลดอย่างไม่ยุติธรรมเลยค่ะ และหลังจากนั้นก็มีงานจากบริษัทนำเข้าแห่งหนึ่งจ้างหนูเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ หนูก็พิมพ์ไปถามผู้ใหญ่อีกว่ามีบริษัทจ้างงานเข้ามาจำนวน 2 ปี ค่าคอนแท็กซ์จำนวน 5 แสนบาทไม่รวมออกอีเวนต์ หนูสามารถรับงานได้ไหมคะหรือให้รับผ่านกอง เขาบอกว่ารอเขากลับมากทมฺ.วันจันทร์นะคะ ซึ่งเป็นงานที่สองที่หนูพลาดโอกาสไปเหมือนกัน พอต่อมาอีกประมาณหนึ่งอาทิตย์หนูก็ถามอีกว่าหนูอยากโทรปรึกษาเรื่องงานนี้ หนูสามารถรับงานได้ไหมคะ เพราะฝ่ายลูกค้าเขาถามมา เขาก็บอกว่าให้ลูกค้าติดต่อกองประกวดโดยตรง ซึ่งหนูก็ให้พี่ท๊อป(คนที่ดูแลน้ำเพชร) ไปถามทางกอง กองก็ยังไม่มีคำตอบให้ ซึ่งเรารองานนี้มานานมาก แต่เขาก็ไม่รับงานให้ จนถึงวันที่หนูใกล้จะโดนปลด ผู้ใหญ่ก็ได้เรียกคนที่ทำเพจแอนตี้ในอินสตาแกรมเข้าไปคุย 5 คน โดยที่หนูไม่รู้เรื่องมาก่อน (โชว์หลักฐาน) หนูเลยมีความรู้สึกว่าผู้ใหญ่ปลดหนูอย่างไม่ยุติธรรมและไม่ให้ความเป็นธรรมกับหนู ไม่ให้โอกาสหนูในการชี้แจง”
เผยไม่อยากได้ตำแหน่งคืน แค่อยากเรียกร้องขอความเป็นธรรม กับเกณฑ์ตัดสินที่ไร้มาตรฐาน
“หนูขอชี้แจงก่อนเลยว่าวันนี้ขอพูดในส่วนของหนูจากใจหนู ไม่เกี่ยวกับการแฉกองประกวดแต่อย่างใดค่ะ เพราะหนูไม่ได้เจตนาที่จะแฉใครอยู่แล้ว เรื่องมงกุฎจริงๆ มันก็เป็นสิ่งสมมติขึ้นมาอยู่แล้ว และไม่ได้อยากได้ตำแหน่งคืนค่ะ เพราะไม่ว่าจะสละเองหรือปลด ยังไงผลมันก็ออกมาเหมือนกันอยู่แล้ว แต่ที่ออกมาชี้แจงวันนี้เพราะว่าอยากจะชี้แจงความจริงที่เกิดขึ้นว่าทำไมหนูถึงโดนปลด และปลดอย่างไม่เป็นธรรม ไม่ยุติธรรม ไม่มีเกณฑ์การตัดสินที่มีมาตรฐาน ไม่มีความเมตตาให้ลูกผู้หญิงด้วยกันเลย”
“หนูก็สอบถามไปยังกองประกวดว่าคนที่เข้าไปคุยกับผู้ใหญ่ในวันนั้น 5 คน หนูก็ไม่รู้ว่าเป็นใครไม่รู้จัก ไม่รู้ว่าเขารู้จักหนูจริงหรือเปล่า แต่หนูก็อบปี้คำพูดในเพจของเขามา (โชว์หลักฐาน) แอดมินในอินสตาแกรมพูดว่า เมื่อวานแอดมินได้ไลน์ไปหาคุณคนนี้และคุณคนนี้ก็ให้หาพยานบุคคลมา 5 คนเพื่อยืนยัน ทุกคนก็คุยกับผู้ใหญ่ในกรุ๊ปไลน์เดียวกัน คือมีการตั้งกรุ๊ปไลน์เพื่อหาข้อมูลที่จะมาปลดหนู โดยที่หนูไม่รู้ตัว และหนูก็ไม่รู้ว่าข้อมูลนั้นมันจริงหรือเปล่า เขาบอกว่าผู้ใหญ่จะเก็บชื่อของทั้ง 5 คนไว้เป็นความลับ ว่าพยานบุคคลมีตัวตนจริงๆ พูดในสิ่งที่เป็นความจริง และเขียนว่าอีรองอันดับสองไม่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ คุณผู้ใหญ่บอกพวกเราว่าต้องพิจารณาแน่นอนค่ะ 3 รอบ อยากได้พยานบุคคลก็หามาให้ ทุกคนก็แบกหน้ามาเปิดเผยตัวแล้ว ก็แสดงว่าผู้ใหญ่ได้รู้ตัวคนที่แฉหนูในอินสตาแกรมแต่ไม่บอกหนู และไม่ได้เรียกหนูเข้าไป หนูก็สอบถามผู้ใหญ่ก็บอกว่าไม่ได้เจอใคร”
เผยผู้ใหญ่ในกองประกวดหลอกล่อให้เอามงกุฎไปคืน แต่กลับบอกตนว่าปลดออกจากตำแหน่งเพราะมีความประพฤติน่ารังเกียจในสังคม
“ได้โทรค่ะ เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคมผู้ใหญ่ได้ไลน์มาหาว่าขอให้เข้าไปที่กองประกวดวันที่ 10 เวลา 16.00 น. หนูก็ถามไปว่าให้เข้าไปเซ็นสัญญาหรือเปล่าคะ แล้วเขาก็ไม่ตอบ แล้วก็มีการหลอกล่อให้หนูเอามงกุฎไปคืนด้วย บอกว่าอย่าลืมนัดนะคะ แล้วช่วยเอามงกุฎกับกล่องไปคืนด้วย เพราะบิวตี้เจมส์ขอเอากลับไปซ่อมกล่องใหม่ ในใจหนูตอนนั้นไม่ได้คิดว่าจะโดนปลด และหนูก็คิดว่ามงกุฎซ่อมแล้ว หนูก็เลยเอากล่องเปล่าไปให้ทางกองประกวดไปเปลี่ยนกล่องให้ วันนั้นหนูก็เข้าไปกับพี่ท๊อป นั่งอยู่ประมาณชั่วโมงกว่า หนูก็พูดว่าหนูขอถามเรื่องงานด้วยนะคะ วันนี้หนูต้องบอกลูกค้าแล้วว่าหนูสามารถรับงานได้ไหม เพราะเขาขอคำตอบมาจะเป็นเดือนแล้ว และผู้ใหญ่ก็เชิญหนูเข้าไปในห้องคนเดียว และใช้ถ้อยคำที่บีบหัวใจหนูมาก (เสียงสั่น)”
“บอกว่าคณะกรรมการกองประกวดที่แต่งตั้งเห็นสมควรปลดหนู ว่าหนูมีอาชีพมีความประพฤติอันเป็นที่น่ารังเกียจของสังคม มีการกระทำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของศีลธรรมของประชาชน ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียง ความเชื่อถือในตำแหน่ง เขาใช้กฎของกองประกวดมาปลดหนู ตอนนั้นหนูร้องไห้ไม่หยุดเลยค่ะ (ร้องไห้) หนูเหมือนหมดที่พึ่ง เพราะที่หนูมาประกวดเวทีนี้ หนูศรัทธาในเวทีหนูศรัทธาในการเป็นนางงาม หนูมีความตั้งใจที่จะมาประกวดเวทีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เพราะหนูมีความเชื่อหนูมีความฝันเพราะเวทีนี้ก็เป็นเวทีหนึ่งที่หนูมองว่าเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้ผู้หญิงไทยได้เข้ามาแสดงความสามารถและศักยภาพ หนูคิดว่าเวทีนี้มีเกณฑ์การตัดสินที่มาตรฐาน และหนูก็เชื่อว่ารูปภาพหรือประวัติหนูที่ผ่านมากองประกวดได้เช็กเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าเป็นยังไง แต่พอเกิดกระแสสังคมขึ้นมากองประกวดก็ปลดหนู เพราะกระแสสังคมที่ออกมาโจมตีหนู ซึ่งก่อนหน้านี้ก็จะมีข่าวของผู้สมัครหมายเลข 2 ที่โดนปลดออกไปเนื่องจากโพสต์ภาพไม่เหมาะสม หนูก็เชื่อว่าทางกองประกวดได้มีการตรวจสอบประวัติทุกคนแล้ว”
“ตอนนั้นหนูขอโอกาสค่ะ ว่ามีทางออกที่ดีกว่านี้ไหมคะ การปลดจากตำแหน่งสร้างตราบาปในชีวิตหนูมาก คือหนูมีความตั้งใจที่จะมาประกวดเวทีนี้มาก และหนูคิดว่าเรื่องเหล่านี้มันเป็นอดีต แต่ปัจจุบันหนูสามารถแก้ไขให้มันดีขึ้นได้ แต่ในอดีตหนูไม่สามารถเปลี่ยนได้จริงๆ (สะอื้น) หนูก็ร้องขอโอกาสและขอความเห็นใจจากผู้ใหญ่ค่ะ แต่ผู้ใหญ่ให้ทนายเป็นคนพูดว่าหรือหนูจะสละเอง”
“หนูไม่ได้คิดว่าโดนบีบ แต่คิดว่าโดนกดดันมากกว่าค่ะ มันเป็นความกดดันที่เขาปลดเราแล้ว แต่เขามาบอกให้เราสละเอง ซึ่งก่อนที่จะเซ็นเอกสารและผู้ใหญ่สองคนหนึ่งในนั้นเป็นทนายของเขา ซึ่งเอกสารที่เขาให้เซ็นคือเซ็นยอมรับว่าภาพที่หลุดออกมานั้นเป็นรูปของหนูจริงๆ และเซ็นให้เราพ้นจากตำแหน่งค่ะ แต่ก็บอกให้หนูไปเลือกเอาว่าจะสละเองหรือจะให้เขาปลด ซึ่งหนูก็บอกว่าทางกองจะปลดหนู แล้วจะให้หนูสละทำไม เขาก็บอกให้เวลาหนูไปคิดดู ซึ่งเวลา 7 วันที่ผ่านมาก่อนที่จะประกาศว่าหนูโดนปลด หนูก็เครียด เพราะคุณแม่หนูโดนแฮ็กเฟซบุ๊ก และเอาเฟซบุ๊กนั้นไปก่อมิจฉาชีพสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น ก็วุ่นวายอยู่ช่วงหนึ่ง จนหนูลืมทานข้าวจนป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล”
เผยกองประกวดเรียกคืนของรางวัล แต่ตนยังไม่เคยได้เงินรางวัลสักบาทเดียว
“ก็เรียกคืนค่ะ แต่หนูยังไม่ได้รับเงินรางวัลหรือของรางวัลใดๆ แม้แต่บาทเดียวค่ะ แต่หลังจากวันที่หนูเข้าโรงพยาบาล หนูก็บอกว่าหนูขอสละตำแหน่งเอง หนูคุยกับทางมหาวิทยาลัยแล้ว ทางมหาวิทยาลัยก็ยอมรับข่าวได้ แต่หนูเข้าโรงพยาบาลอยู่ผู้ใหญ่คนหนึ่งก็บอกว่ากองประกวดจะให้เวลาถึงวันที่ 17 นะ หนูก็ตอบไปว่าหนูยังป่วยอยู่เลยค่ะ เป็นอะไรที่ใจร้ายมากสำหรับหนู หนูเลยบอกว่าถ้าหายป่วยแล้วหนูจะติดต่อกลับไปนะคะ หนูก็เลยถามถึงเรื่องเงินรางวัลของกองประกวด ว่าหนูจะได้รับไหมคะ จะได้รับตอนไหน เขาบอกนัดทนายให้แล้วเป็นวันศุกร์ที่ 18 เวลา 13.00 น. แต่หนูยังไม่ได้รับการติดต่อจากทนายเลย แล้วหนูก็ให้พี่สาวพิมพ์ไปบอกว่ายังไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลค่ะ ถ้าออกแล้วจะติดต่อกลับไปนะคะ”
ฉะ “แอลลี่ พิมบงกช” ทำไมไม่โดนปลดทั้งที่ทำตัวไม่เหมาะสมกอดจูบผู้ชายบนเตียง ปวดใจซ้ำกองประกวดห้ามตนใช้ตำแหน่งรองมิสยูนิเวิร์สไปทำมาหากิน
“หนูคิดว่าถ้าหนูสละเองนั่นคือความผิดของหนู แต่ในการประกวดทั่วโลกถ้ากองประกวดปลดมันคือความผิดพลาดของกองประกวดหรือเปล่าคะ ซึ่งหนูไม่ได้สละตำแหน่งค่ะ ทางกองประกวดเป็นคนปลด และปลดหนูอย่างไม่ยุติธรรม หนูก็อยากจะฝากคำถามผ่านไปยังพี่ๆ สื่อว่า ถ้าปลดหนูในข้อนี้ (ร้องไห้) แล้วภาพที่เห็นนี่ล่ะคะ (โชว์ภาพแอลลี่) เป็นผู้หญิงที่เป็นตัวแทนประเทศไทยไปประกวดมิสยูนิเวิร์สเวทีที่ใหญ่ระดับโลก เป็นผู้หญิงที่จูบปากกับผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงานกัน นอนกอดกับผู้ชายบนเตียง แบบนี้ทุกคนในสังคมคิดว่าเหมาะสมแล้วใช่ไหมคะ แต่ที่เอามาโชว์นี้หนูไม่ได้มีความต้องการให้ปลดใครค่ะ แล้วกองประกวดก็บอกกับหนูว่าอย่าใช้ตำแหน่งรองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ไปทำมาหากินนะ อย่าใช้ไปขายของ ทำไมถึงใจร้ายขนาดนั้น งานก็ไม่ให้ออก (ร้องไห้) ไม่รับงานให้จนไม่มีเงินเหลือเลย เพราะว่า 3 เดือนก่อนหน้าจะประกวดหนูก็ลงทุนกับค่าชุดไปทุกอย่าง รถหนูก็จะโดนยึดเพราะขาดการจ่ายมา 3 เดือนแล้ว หนูก็ถามว่าเมื่อไหร่หนูจะได้รับเงินคะ แต่กองประกวดก็ไม่ได้ให้เงินหนู แต่คนอื่นได้รับแล้ว และได้เซ็นสัญญากับกองประกวดแล้ว แต่หนูได้รับความไม่เป็นธรรม แต่หนูไม่ขอสู้อะไร แต่หนูอยากตั้งคำถามผ่านพี่ๆ สื่อไปถามผู้ใหญ่ว่าต้นเหตุที่ปลดหนูเพราะอะไร สาเหตุที่ปลดหนูเพราะหนูมีความไม่เหมาะสม และสาเหตุที่เลือกหนูเข้ามาเป็นรองมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์เพราะหนูมีความเหมาะสมใช่หรือไม่”
“หนูไม่ได้มีเจตนาที่จะแฉใครหรือแฉกองประกวด แต่หนูออกมาพูดในฐานะที่หนูก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงคนหนึ่งที่รู้สึกว่าโดนปลดอย่างไม่ยุติธรรมค่ะ แต่ไม่ว่าฟีดแบ็กจะเป็นยังไงหนูยอมรับค่ะ และหนูน้อมรับในคำตัดสินของกองประกวดทุกประการค่ะ”
ลั่นคืนตำแหน่งให้ แต่ไม่คืนมงกุฎเพราะเป็นรางวัลที่ตนสมควรได้รับ
“หนูจะคืนตำแหน่งให้กับกองประกวดค่ะ แต่มงกุฎเป็นของรางวัลที่หนูควรจะได้รับ ไม่กลัวถ้าเขาจะเรียกทนายมาคุยนะคะ เพราะทุกคนในประเทศไทยก็น่าจะเห็นแล้วว่าหนูได้รับตำแหน่งโดยชอบธรรม ซึ่งในเทปบันทึกภาพการประกวดก็บอกอยู่แล้วว่าหนูควรจะได้อะไรบ้าง แต่ตอนนี้หนูยังไม่ได้รับอะไรเลยค่ะ และหนูยังจะต้องโดนเอาคืนไปอีกหรอคะ ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน (ร้องไห้)”
“หนูคิดว่าคนทุกคนมีอดีตนะคะ หนูอยากให้เก็บเรื่องของหนูเป็นอุทาหรณ์สำหรับเด็กผู้หญิงหลายๆ คนที่อยากจะเข้ามาสู่วงการนางงามนะคะ ก็ต้องดูแลตัวเองดีๆ จะรับงานอะไรก็ให้ระวัง ให้ดูแลตัวเองให้มากกว่านี้จะได้ไม่เป็นแบบหนู แต่ภาพนี้มันเกิดจากความจำเป็นของเราในอดีตค่ะ ซึ่งเราก็ไม่สามารถไปแก้ไขมันได้”
“หนูไม่กังวลเรื่องโดนฟ้องกลับค่ะ เพราะหนูไม่ได้ออกมาแฉหรือใส่ร้ายกองประกวด ทุกอย่างที่หนูพูดมันเกิดจากคำพูดของกองประกวดจริงๆ มันเป็นคำพูดของผู้ใหญ่คนหนึ่งที่หนูคุยด้วยจริงๆ ไม่ได้มาให้ร้ายใคร ไม่ได้ใส่ร้ายใครค่ะและหลังจากวันนี้หนูจะรับงานเองค่ะ”
บอกรุ่นพี่นางงามห้ามตนออกมาชนกองประกวด ยันพูดความจริง และอยากทวงคืนความยุติธรรมให้ตนเอง
“จริงค่ะ แต่หนูคิดว่ามันเป็นความคิดของแต่ละคน แต่สิ่งที่หนูออกมาในวันนี้ เพราะหนูอยากทวงความยุติธรรมคืนให้กับตัวหนูเอง เพราะหนูรู้สึกว่ากองประกวดปลดหนูอย่างไม่ยุติธรรม ถ้ากองประกวดยุติธรรม ภาพที่ทุกๆ คนเห็นกันคือภาพของหนู หนูถ่ายอยู่คนเดียวในรถ แต่ภาพของอีกคนซึ่งจูบปากกับผู้ชายที่ยังไม่ได้แต่งงานกันแบบนี้สังคมเห็นว่าถูกต้องแล้ว กองประกวดเห็นว่าถูกต้องแล้วหนูก็คงพูดอะไรไม่ได้"
“มันเหมือนเรามีแผลอยู่แล้ว (ร้องไห้) แล้วมีอะไรมาทำให้แผลเราลึกขึ้นไปอีก แต่หลังจากนี้หนูคงไม่ประกวดเวทีไหนแล้วค่ะ ถามว่าหมดศรัทธากับเวทีนี้ไหม หนูมีความศรัทธาจริงๆ (ร้องไห้หนัก) ตั้งแต่วันแรกที่หนูเข้ามากรอกใบสมัครจนถึงวันนี้ แต่สิ่งที่หนูยังไม่เข้าใจคือเหตุผลที่ปลดหนู มีเท่านี้จริงๆ หนูคิดว่ามันไม่ยุติธรรมเลย สำหรับหนูที่เป็นผู้หญิงตัวคนเดียว อาศัยอยู่กับแม่สองคน และต้องทำงานเพื่อรักษาแม่ตัวเองที่ป่วยเมื่อ 5 ปีก่อน ตอนนั้นหนูเด็กมากเลยนะคะ อาชีพที่หนูทำได้ตอนนั้นก็คืออาชีพพริตตี้ และที่หนูต้องรับเพราะมันเป็นความจำเป็น หนูขอโอกาสในการเดินต่อ หนูขอความเมตตาจากผู้ใหญ่ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้”
เผยขอโทษที่ตนไม่สามารถกลับไปแก้อดีตได้ พร้อมขอความเมตตาให้ตนได้ทำงานเพื่อครอบครัว ทิ้งท้ายถึงกองประกวด เงินรางวัลตน 2 แสนเมื่อไหร่จะได้!
“ก่อนอื่นหนูต้องขอโทษทุกคน (ร้องไห้) ขอโทษในความผิดพลาดในอดีตของหนู ที่หนูไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ หนูขอน้อมรับทุกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ คำติคำชม แต่อีกมุมหนึ่งหนูอยากจะขอโอกาส ขอความเมตตา และขอความเห็นใจจากสังคมที่หนูต้องดิ้นรนมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะในใจหนูคิดอย่างเดียวหนูอยากให้ครอบครัวหนูอยู่อย่างสบายขึ้น หนูอยากทำงาน อยากมีอาชีพที่สุจริต ทำงานในสังคมให้คุณแม่และคุณยายของหนูได้อยู่อย่างสบายค่ะ เพราะในครอบครัวหนูมีแค่นี้จริงๆ”
“สุดท้ายหนูขอฝากถามกองประกวดว่า เงิน 2 แสนสำหรับตำแหน่งและของรางวัลต่างๆ ที่หนูควรจะได้รับ หนูจะได้รับเมื่อไหร่คะ”
ติดตามรับชมช่อง “Super บันเทิง” ได้ที่ Super บันเทิง live
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |