xs
xsm
sm
md
lg

คำเดียวคือ ‘เจ๋ง’ : Edge of Tomorrow

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


อีกครั้ง กับหนังที่เล่นประเด็นเรื่องเวลา จำได้ว่า ปีหลังๆ มานี้ มีหนังที่เล่นกับเรื่องอดีต ปัจจุบัน อนาคต ได้เจ๋งโดนใจอยู่จำนวนหนึ่ง ไล่มาตั้งแต่ Source Code มาจนถึง Looper และ Edge of Tomorrow ก็คืองานชิ้นล่าสุดซึ่งมีเรื่องของเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง

ยอมรับครับว่า นี่คือหนังอีกเรื่องซึ่งเก๋ไก๋ในด้านของไอเดีย เพราะมันบอกกล่าวเล่าถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่กำลังจะเกิดการวินาศครั้งยิ่งใหญ่ แต่ด้วยพลังงานบางอย่างจากเอเลี่ยน ทำให้มนุษย์คนหนึ่งสามารถที่จะกลับมายังจุดเดิมก่อนโลกวินาศหนึ่งวัน และเขาจะต้องกระทำการบางอย่างเพื่อยับยั้งหายนะที่กำลังจะมาถึงโลก

เล่าแบบง่ายๆ ก็คือ ทอม ครูซ รับบทเป็นทหารนายหนึ่ง ซึ่งถูกเกณฑ์เข้าสู่สงครามรบกับเอเลี่ยนอย่างไม่ยินยอมพร้อมใจ เขาเป็นทหารสื่อสารและไม่มีทักษะในด้านการรบมาก่อนและไม่ปรารถนาจะเห็นตัวเองตายในสงคราม แต่แล้วก็ปฏิเสธคำสั่งของผู้บัญชาการไม่ได้ สุดท้ายเขาก็จำต้องไปรบและพบกับเรื่องราวสุดเหลือเชื่อ เพราะถึงแม้เขาจะถูกเอเลี่ยนฆ่าตายในสนามรบ แต่เขาก็กลับมาจุดเดิม และเริ่มรบกับเอเลี่ยนอีกรอบใหม่ วนเวียนอยู่อย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด

นอกเหนือไปจากไอเดียเก๋ๆ และบทหนังที่ฉลาดช่างคิด สิ่งหนึ่งซึ่งผมเห็นว่าเป็นเสน่ห์ที่ทำให้คนดูอยู่กับหนังได้ดีก็คืออารมณ์ขัน หลายคนคิดว่าหนังมันน่าจะซับซ้อน จริงๆ ไม่เลยครับ แม้จะเป็นการย้อนกลับไปกลับมายังจุดเดิม แต่หนังเล่าแบบเคลียร์มาก และที่สำคัญ คือการเบนความสนใจของคนดูด้วยอารมณ์ขัน เพราะแทนที่จะโฟกัสกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียดกับตัวเรื่องที่ดูค่อนข้างมีอะไรให้ต้องติดตามอย่างไม่ควรจะเสียสมาธิ แต่อารมณ์ขันกลับทำให้หนังไม่เครียดเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่ทอม ครูซ กลับมาจุดเดิมในแต่ละครั้ง หนังเล่นกับรายละเอียดระหว่างทางได้อย่างน่าขบขัน

แม้ทอม ครูซ จะถูกพูดถึงอยู่เสมอว่าเป็นพระเอกหน้าเดียว แต่สำหรับงานชิ้นนี้ ถือว่าบทส่งเขาอย่างเต็มที่ จากทหารที่เงอะๆ งะๆ พัฒนาการทางตัวละครที่เขาเล่นค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปตามวาระและจำนวนรอบแห่งการ “วนเวียน” ดูเรื่องนี้แล้วคิดถึง Oblivion ซึ่งเป็นงานก่อนหน้าในแนวทางใกล้ๆ กันของทอม ครูซ

Oblivion นั้นก็ดูเหมือนว่าจะพยายามฉลาดในบทหนังค่อนข้างเยอะ แต่เมื่อกล่าวถึงความสามารถในการดึงดูดให้คนดูรู้สึกมีอารมณ์ร่วมและมีหมัดฮุกที่แข็งแรง ดูเหมือน Edge of Tomorrow จะมีความเหนือชั้นกว่า ทั้งนี้ หนังสามารถผสมผสานทั้งส่วนของดราม่า อารมณ์ขัน และแอ็กชั่น ได้ลงตัว และที่สำคัญ มีมุมที่โรแมนซ์แทรกเข้ามาแบบที่เราก็เดาไม่ออกในตอนแรกด้วย

Edge of Tomorrow เป็นหนังที่คุ้มค่ากับการตีตั๋วเข้าไปดูแน่นอนครับ สำหรับผม แม้หนังคล้ายๆ ว่าจะมีบรรดาเอเลี่ยนเป็นองค์ประกอบหลักในการดึงคนดูเข้าสู่โรงหนัง แต่พูดกันอย่างถึงที่สุด จุดที่หนังทำให้ประทับใจ กลับไม่ใช่สงครามระหว่างชาวโลกกับเอเลี่ยน หากแต่คือการที่คนคนหนึ่งต้องต่อสู้กับภาวะในตนเอง เผชิญและเรียนรู้ ครั้งแล้วครั้งเล่ากว่าจะเข้าอกเข้าใจ จะว่าไปก็คงคล้ายๆ กับวัฏฏะสงสารอันวนเวียนของชีวิต คำโปรยบนโปสเตอร์ที่ว่า “เกิด ตาย วนเวียน” ดูเหมาะกับหนังมากอย่างปฏิเสธไม่ได้ เพราะกับเรื่องหลายเรื่อง ต้องเกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า กว่าจะเข้าใจ

ติดตามรับชมช่อง "Super บันเทิง" ได้ที่ Super บันเทิง live



ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม







เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก









กำลังโหลดความคิดเห็น