คอลัมน์เพลงวาน โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
รัฐประหารกับคนไทยในวันนี้ ดูจะไม่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเท่าการปิดเฟซบุ๊ค
นั่นจึงทำให้การรัฐประหารในไทยเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 ที่แม้จะมีคนไทยส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยออกมาคัดค้าน-ต่อต้าน แต่กระนั้นก็มีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่เห็นด้วย ยอมรับ ยินดีปรีดา
เพราะเนื้อหาและพฤติกรรมของการรัฐประหารหนล่าสุดที่ปรากฏนับจนถึงวันนี้ ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้(พยายาม)แสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำเพื่อชาติบ้านเมือง ป้องกันไม่ให้เกิดการนองเลือด และเพื่อคืนความสงบให้ประเทศไทย
ต่างไปจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก่อนหน้านั้น แสดงออกชัดเจนว่ากระทำเพื่อ นช.จากแดนไกลตัวเดียว อีกทั้งยังมีการโกงกินคอร์รัปชั่นกันอย่างมโหฬาร เป็นเผด็จการรัฐสภา มีการตั้งรัฐตำรวจ มีแนวร่วมกองกำลังเถื่อนติดอาวุธเข่นฆ่าทำร้ายทำลายคนที่เห็นต่าง รวมถึงทำสิ่งชั่วช้าอีกสารพัด
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ที่คนไทยจำนวนมากจะยอมรับและชื่นชมต่อการรัฐประหารของคสช.ในครั้งนี้ เพราะพวกเขามุ่งมองที่เนื้อหามากกว่ารูปแบบและคำเรียกขาน ส่วนใครที่ไม่มองเนื้อหา หากแต่มุ่งมองเพียงแค่รูปแบบและเปลือกของคำว่าประชาธิปไตย งานนี้ก็คงแน่นอก จุดเทียน ถือป้าย กินแมค ไปเสาวรีย์ ไปสยาม คัดค้านกันต่อไป
อย่างไรก็ดีนี่ถือเป็นกิจการภายในบ้านเราที่เราต้องแก้ไขปัญหากันเอง แต่ถึงกระนั้นหลังรัฐประหารไม่นานรัฐบาลอเมริกัน(และบางประเทศในยุโรป)ก็ได้ออกมาประณามการรัฐประหารในบ้านเรา ซึ่งนี่ย่อมไม่ใช่เรื่องเหนือการคาดเดา เพราะอเมริกันมีพฤติกรรมชอบจุ้นเรื่องของชาวบ้านมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นั่นจึงทำให้ใครหลายๆคนตอบโต้รัฐบาลมะกันกลับไปอย่างเจ็บแสบ
สำหรับการเบ่งกร่างทำตัวเป็นตำรวจโลกภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย(จอมลปอม)ของรัฐบาลอเมริกันนั้นมีมานานแล้ว ซึ่งในแวดวงการเพลงบ้านเรา โดยเฉพาะวงการเพลงเพื่อชีวิตก็ได้มีการแต่งเพลงต่อต้าน ประท้วง อเมริกา มาตั้งแต่ยุคแรกๆที่ดนตรีเพื่อชีวิตก่อกำเนิดขึ้นในบ้านเรา
และนี่ก็คือบทเพลงต้านอเมริกันของ 2 วงดนตรีเพื่อชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ในบ้านเราจากรุ่นต่อรุ่น จาก “คาราวาน” สู่ “คาราบาว” ที่แม้วันนี้ความคิดและพฤติกรรมของนักเลงเพลงบางคนจะแปรเปลี่ยนไป(มาก) แต่ว่าบทเพลงของเขายังคงอยู่
คาราวาน - อเมริกันอันตราย
ในช่วงปี 2518-2519 มีการเดินขบวนประท้วง ต่อต้าน การเข้ามาตั้งฐานทัพของทหารอเมริกันกันอย่างเข้มข้น โดยหนึ่งในเพลงปลุกหลักใจที่ใช้ในการประท้วงก็คือ เพลง “อเมริกันอันตราย” ของวง“คาราวาน”
อเมริกันอันตราย เป็นเพลงที่แต่งขึ้นในช่วงกลางปี 2518 โดย “น้าอืด-ทองกราน ทานา” และ “น้าแดง-วีระศักดิ์ สุนทรศรี” ซึ่งต่อมาได้บรรจุเป็นเพลงเอกในอัลบั้ม “อเมริกันอันตราย”(พ.ศ. 2519) อัลบั้มชุดที่ 2 ของวงคาราวาน
เพลงนี้ภาคดนตรีได้รับอิทธิพลของดนตรีร็องเง็งทางภาคใต้ มีเสียงไวโอลินสีคลอไปตลอด ขณะที่เนื้อหานั้นชัดเจนและดุดันในการต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกา ดังเนื้อหาตอนต้นที่ร้องว่า
“...เมืองไทยเป็นของเรา ทำไมให้เขาเข้ามา
จักรวรรดิอเมริกา อเมริกามันมาย่ำยี...”
หรือเนื้อหาในท่อนท้ายความว่า
“...เมืองไทยเป็นของไทย ออกไปไม่ใช่ของมัน
จักรวรรดิอเมริกัน มันเที่ยวรุกรานไม่ว่าบ้านเมืองใคร
แบ่งแยกแล้วทำลาย นาทรายนาหินกอง
อยู่กินกันอย่างพี่น้อง ไอ้ผู้ปกครองมันมาจุดไฟ...”
ในชุดนี้ยังมีบทเพลงต่อต้านอเมริกาอันโดดเด่นอยู่อีกหนึ่งเพลงนั่นก็คือ “ลำเพลินเจริญใจ ขับไล่ อเมริกา” ที่แต่งโดย“น้าหว่อง-มงคล อุทก” นั้นมากับท่วงทำนองแบบลำเพลิน มีเนื้อหาดุๆ อย่างเช่น “...อเมริกันมันกดขี่ เบิ่งเอาดี๊ แม่ป้า มันปล้นแผ่นดินไทย ทางภาคใต้ แผ่นดินทองของน้องพี่ ทรัพย์สินมีมากล้น พวกมันปล้นแบ่งกัน”
ขณะที่เพลง“เซิ้งอีสาน”ในชุดนี้ นั้นก็มีเนื้อหาที่แอบด่ามะกันอย่างแสบสันคือ “...มันยกย่องแต่อเมริกา(ซ้ำ) ให้มันมาจัดตั้งฐานทัพ(ซ้ำ) มันตั้งไนต์คลับเต็มบ้านเต็มเมือง(ซ้ำ) ไทยเฮาเปลืองทั้งข้าวทั้งน้ำ(ซ้ำ)...”
เพลงเซิ้งอีสาน แต่งเนื้อร้องนิรนาม ทำนองจาก เซิ้งอีสาน ขับร้องโดยน้าหว่อง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเพลงประจำตัวของน้าแกมาจนทุกวันนี้
นอกจากนี้ในช่วงที่ “น้าหมู - พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ” มาเป็นสมาชิกคนที่ 5 ของคาราวานอยู่พักหนึ่ง แกก็ได้แต่งเพลงคลาสสิกเอาไว้คือ “โคราชขับไสไอ้กัน” ที่นำทำนองเพลง(พื้นบ้าน)โคราช มาใส่เนื้อหา เล่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่อเมริการุกรานไทยและภูมิภาคนี้ โดยมีเนื้อร้องของท่อนจบที่ดุดันถึงใจคือ
“...จิกหัวมันขึ้นเขียง สับเปรี้ยงให้ขาดกลิ้ง พวกจักรวรรดิอเมริกันจัญไร กับสมุนลูกหมา อย่าให้มันเกาะกัดกินเมืองเรา...”
คาราบาว - อเมริกันอันธพาล
จากคาราวานต่อรุ่นเพลงเพื่อชีวิตมาสู่ในยุคของวงคาราบาว วงหัวควายเจ้าพ่อเพลงเพื่อชีวิตอันดับหนึ่งของบ้านเรากันบ้าง ซึ่งแม้เวลาผ่านจากยุคขับไล่มะกันในช่วงปี 2518-19 มาร่วม 10 ปี แต่อเมริกันก็ยังคงทำตัวกร่างเป็นตำรวจโลกอยู่เหมือนเดิม แต่ในยุคนี้เปลี่ยนจากการทหารมาทางด้านเศรษฐกิจแทน ซึ่งวงคาราบาวได้แต่งเพลง“อเมริโกย”(ในชุดอเมริโกย - 2528) ที่น้าแอ๊ด คาราบาว ในยุคนั้นแต่งเพลงกัดจิกอเมริกาแบบนุ่มๆได้อย่างน่าฟัง
“...อเมริกาเล่นลิเกขุดแร่ธาตุ
อย่างแก๊สก๊าซธรรมชาติกลางอ่าวไทย
ว่าโชติช่วงชัชวาลบานเบ้อเร่อเท่อ
ใครฉลาดใครเซ่อใครต้มใคร...”
วงคาราบาวยังมีเพลงตำหนิอเมริกาอีกในเพลง“ทับหลัง” (ชุดทับหลัง -2531) กับเหตุการณ์ที่ทหารอเมริกันมานำศิลปวัตถุล้ำค่าของไทย คือ “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” แห่ง “ปราสาทหินพนมรุ้ง” ไปไว้ที่ประเทศของเขา ก่อนมีเรื่องราวประท้วงต่อต้าน ซึ่งสุดท้ายอเมริกันก็ได้นำทับหลังส่งกลับคืนสู่เมืองไทยแบบมีสิ่งแลกเปลี่ยนหลังจากนั้น
เพลงทับหลังเป็นร็อคดุๆ เนื้อหาทวงคืนทับหลังที่น้าแอ๊ด หยิบ“ไมเคิล แจ๊คสัน” ป็อบสตาร์ชื่อดังของโลกชาวมะกัน มาเป็นท่อนฮุกของเพลงได้อย่างน่าฟังและโดนใจของคนไทยที่แอนตี้อเมริกันในยุคนั้นมาก
“...เอาไมเคิล แจ๊คสัน คืนไป เอาพระนารายณ์คืนมา...”
คาราบาวยังมีเพลงด่ามะกันอีกหนึ่งเพลง นั่นก็คือ “อเมริกันอันธพาล” (ชุด อเมริกันอันธพาล - 2541) ซึ่งแม้ยุคนั้นจะผ่านยุครุ่งโรจน์ของของคาราบาวมาแล้ว แต่เพลงอเมริกันอันธพาลก็ยังคงไว้ลายฝีมือการแต่งเพลงของน้าแอ๊ดได้ดีทีเดียว
อเมริกันอันธพาล แต่งขึ้นหลังยุคต้มยำกุ้งที่ประเทศไทยย่ำแย่ทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากถูกโจมตีค่าเงิน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเบื้องหลังก็คือทุนจากวอลล์สตรีทแห่งอเมริกา
เพลงนี้เป็นร็อกโจ๊ะๆกับเนื้อหาจวกมะกันอย่างแสบสันถึงทรวง
“...ชอบสำคัญตนว่าเป็นตำรวจ (เฮอะ...)
แต่แสบเสียยิ่งกว่าพวกเก็บส่วย
หยิบยื่นเงินกู้เหมือนทำเป็นช่วย
แต่กลับนำความซวยมาสู่เอเซีย
สมรู้ร่วมคิดกับพวกชเลียร์ เลีย เลีย
นำภูมิภาคสู่ความหลงผิด
อเมริกันอันธพาล อเมริกันอันธพาล...”
ครับและนี่ก็เป็นบทเพลงต่อต้านอเมริกันที่มีเรื่อยมา ซึ่งวันนี้บทเพลงในอดีตเหล่านี้ก็ยังคงฟังทันสมัยไม่เสื่อมคลาย เพราะรัฐบาลอเมริกันยังคงมีพฤติกรรมเป็นนักเลงโต เบ่ง กร่าง ชอบทำตัวเป็นตำรวจโลกอยู่เหมือนเดิม
วันนี้แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่สันดานรัฐบาลมะริกันยังคงเหมือนเดิม นั่นก็คือทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง และเมื่อไหนๆอเมริกันประกาศอออกมาว่าจะตัดงบช่วยเหลือในการทหารและการช่วยเหลือในด้านอื่นๆแล้ว ก็ควรถอนหลายๆบริษัทที่มาสูบเลือดสูบเนื้อสูบทรัพยากรจากเมืองไทยกลับไปด้วย
อ้อ!?! แล้วก็อย่าลืมนำป้าขี้ทูตกลับไปด้วย เพราะไหนๆคนไทยจำนวนมากเขาก็ออกมาไล่อย่างเปิดเผยแล้ว
รัฐประหารกับคนไทยในวันนี้ ดูจะไม่น่าประหวั่นพรั่นพรึงเท่าการปิดเฟซบุ๊ค
นั่นจึงทำให้การรัฐประหารในไทยเมื่อวันที่ 22 พ.ค. 57 ที่แม้จะมีคนไทยส่วนหนึ่งไม่เห็นด้วยออกมาคัดค้าน-ต่อต้าน แต่กระนั้นก็มีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากที่เห็นด้วย ยอมรับ ยินดีปรีดา
เพราะเนื้อหาและพฤติกรรมของการรัฐประหารหนล่าสุดที่ปรากฏนับจนถึงวันนี้ ทางคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ได้(พยายาม)แสดงให้เห็นว่าเป็นการกระทำเพื่อชาติบ้านเมือง ป้องกันไม่ให้เกิดการนองเลือด และเพื่อคืนความสงบให้ประเทศไทย
ต่างไปจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก่อนหน้านั้น แสดงออกชัดเจนว่ากระทำเพื่อ นช.จากแดนไกลตัวเดียว อีกทั้งยังมีการโกงกินคอร์รัปชั่นกันอย่างมโหฬาร เป็นเผด็จการรัฐสภา มีการตั้งรัฐตำรวจ มีแนวร่วมกองกำลังเถื่อนติดอาวุธเข่นฆ่าทำร้ายทำลายคนที่เห็นต่าง รวมถึงทำสิ่งชั่วช้าอีกสารพัด
ฉะนั้นจึงไม่แปลกที่ที่คนไทยจำนวนมากจะยอมรับและชื่นชมต่อการรัฐประหารของคสช.ในครั้งนี้ เพราะพวกเขามุ่งมองที่เนื้อหามากกว่ารูปแบบและคำเรียกขาน ส่วนใครที่ไม่มองเนื้อหา หากแต่มุ่งมองเพียงแค่รูปแบบและเปลือกของคำว่าประชาธิปไตย งานนี้ก็คงแน่นอก จุดเทียน ถือป้าย กินแมค ไปเสาวรีย์ ไปสยาม คัดค้านกันต่อไป
อย่างไรก็ดีนี่ถือเป็นกิจการภายในบ้านเราที่เราต้องแก้ไขปัญหากันเอง แต่ถึงกระนั้นหลังรัฐประหารไม่นานรัฐบาลอเมริกัน(และบางประเทศในยุโรป)ก็ได้ออกมาประณามการรัฐประหารในบ้านเรา ซึ่งนี่ย่อมไม่ใช่เรื่องเหนือการคาดเดา เพราะอเมริกันมีพฤติกรรมชอบจุ้นเรื่องของชาวบ้านมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นั่นจึงทำให้ใครหลายๆคนตอบโต้รัฐบาลมะกันกลับไปอย่างเจ็บแสบ
สำหรับการเบ่งกร่างทำตัวเป็นตำรวจโลกภายใต้เสื้อคลุมประชาธิปไตย(จอมลปอม)ของรัฐบาลอเมริกันนั้นมีมานานแล้ว ซึ่งในแวดวงการเพลงบ้านเรา โดยเฉพาะวงการเพลงเพื่อชีวิตก็ได้มีการแต่งเพลงต่อต้าน ประท้วง อเมริกา มาตั้งแต่ยุคแรกๆที่ดนตรีเพื่อชีวิตก่อกำเนิดขึ้นในบ้านเรา
และนี่ก็คือบทเพลงต้านอเมริกันของ 2 วงดนตรีเพื่อชีวิตผู้ยิ่งใหญ่ในบ้านเราจากรุ่นต่อรุ่น จาก “คาราวาน” สู่ “คาราบาว” ที่แม้วันนี้ความคิดและพฤติกรรมของนักเลงเพลงบางคนจะแปรเปลี่ยนไป(มาก) แต่ว่าบทเพลงของเขายังคงอยู่
คาราวาน - อเมริกันอันตราย
ในช่วงปี 2518-2519 มีการเดินขบวนประท้วง ต่อต้าน การเข้ามาตั้งฐานทัพของทหารอเมริกันกันอย่างเข้มข้น โดยหนึ่งในเพลงปลุกหลักใจที่ใช้ในการประท้วงก็คือ เพลง “อเมริกันอันตราย” ของวง“คาราวาน”
อเมริกันอันตราย เป็นเพลงที่แต่งขึ้นในช่วงกลางปี 2518 โดย “น้าอืด-ทองกราน ทานา” และ “น้าแดง-วีระศักดิ์ สุนทรศรี” ซึ่งต่อมาได้บรรจุเป็นเพลงเอกในอัลบั้ม “อเมริกันอันตราย”(พ.ศ. 2519) อัลบั้มชุดที่ 2 ของวงคาราวาน
เพลงนี้ภาคดนตรีได้รับอิทธิพลของดนตรีร็องเง็งทางภาคใต้ มีเสียงไวโอลินสีคลอไปตลอด ขณะที่เนื้อหานั้นชัดเจนและดุดันในการต่อต้านจักรวรรดินิยมอเมริกา ดังเนื้อหาตอนต้นที่ร้องว่า
“...เมืองไทยเป็นของเรา ทำไมให้เขาเข้ามา
จักรวรรดิอเมริกา อเมริกามันมาย่ำยี...”
หรือเนื้อหาในท่อนท้ายความว่า
“...เมืองไทยเป็นของไทย ออกไปไม่ใช่ของมัน
จักรวรรดิอเมริกัน มันเที่ยวรุกรานไม่ว่าบ้านเมืองใคร
แบ่งแยกแล้วทำลาย นาทรายนาหินกอง
อยู่กินกันอย่างพี่น้อง ไอ้ผู้ปกครองมันมาจุดไฟ...”
ในชุดนี้ยังมีบทเพลงต่อต้านอเมริกาอันโดดเด่นอยู่อีกหนึ่งเพลงนั่นก็คือ “ลำเพลินเจริญใจ ขับไล่ อเมริกา” ที่แต่งโดย“น้าหว่อง-มงคล อุทก” นั้นมากับท่วงทำนองแบบลำเพลิน มีเนื้อหาดุๆ อย่างเช่น “...อเมริกันมันกดขี่ เบิ่งเอาดี๊ แม่ป้า มันปล้นแผ่นดินไทย ทางภาคใต้ แผ่นดินทองของน้องพี่ ทรัพย์สินมีมากล้น พวกมันปล้นแบ่งกัน”
ขณะที่เพลง“เซิ้งอีสาน”ในชุดนี้ นั้นก็มีเนื้อหาที่แอบด่ามะกันอย่างแสบสันคือ “...มันยกย่องแต่อเมริกา(ซ้ำ) ให้มันมาจัดตั้งฐานทัพ(ซ้ำ) มันตั้งไนต์คลับเต็มบ้านเต็มเมือง(ซ้ำ) ไทยเฮาเปลืองทั้งข้าวทั้งน้ำ(ซ้ำ)...”
เพลงเซิ้งอีสาน แต่งเนื้อร้องนิรนาม ทำนองจาก เซิ้งอีสาน ขับร้องโดยน้าหว่อง ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเพลงประจำตัวของน้าแกมาจนทุกวันนี้
นอกจากนี้ในช่วงที่ “น้าหมู - พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ” มาเป็นสมาชิกคนที่ 5 ของคาราวานอยู่พักหนึ่ง แกก็ได้แต่งเพลงคลาสสิกเอาไว้คือ “โคราชขับไสไอ้กัน” ที่นำทำนองเพลง(พื้นบ้าน)โคราช มาใส่เนื้อหา เล่าเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่อเมริการุกรานไทยและภูมิภาคนี้ โดยมีเนื้อร้องของท่อนจบที่ดุดันถึงใจคือ
“...จิกหัวมันขึ้นเขียง สับเปรี้ยงให้ขาดกลิ้ง พวกจักรวรรดิอเมริกันจัญไร กับสมุนลูกหมา อย่าให้มันเกาะกัดกินเมืองเรา...”
คาราบาว - อเมริกันอันธพาล
จากคาราวานต่อรุ่นเพลงเพื่อชีวิตมาสู่ในยุคของวงคาราบาว วงหัวควายเจ้าพ่อเพลงเพื่อชีวิตอันดับหนึ่งของบ้านเรากันบ้าง ซึ่งแม้เวลาผ่านจากยุคขับไล่มะกันในช่วงปี 2518-19 มาร่วม 10 ปี แต่อเมริกันก็ยังคงทำตัวกร่างเป็นตำรวจโลกอยู่เหมือนเดิม แต่ในยุคนี้เปลี่ยนจากการทหารมาทางด้านเศรษฐกิจแทน ซึ่งวงคาราบาวได้แต่งเพลง“อเมริโกย”(ในชุดอเมริโกย - 2528) ที่น้าแอ๊ด คาราบาว ในยุคนั้นแต่งเพลงกัดจิกอเมริกาแบบนุ่มๆได้อย่างน่าฟัง
“...อเมริกาเล่นลิเกขุดแร่ธาตุ
อย่างแก๊สก๊าซธรรมชาติกลางอ่าวไทย
ว่าโชติช่วงชัชวาลบานเบ้อเร่อเท่อ
ใครฉลาดใครเซ่อใครต้มใคร...”
วงคาราบาวยังมีเพลงตำหนิอเมริกาอีกในเพลง“ทับหลัง” (ชุดทับหลัง -2531) กับเหตุการณ์ที่ทหารอเมริกันมานำศิลปวัตถุล้ำค่าของไทย คือ “ทับหลังนารายณ์บรรทมสินธุ์” แห่ง “ปราสาทหินพนมรุ้ง” ไปไว้ที่ประเทศของเขา ก่อนมีเรื่องราวประท้วงต่อต้าน ซึ่งสุดท้ายอเมริกันก็ได้นำทับหลังส่งกลับคืนสู่เมืองไทยแบบมีสิ่งแลกเปลี่ยนหลังจากนั้น
เพลงทับหลังเป็นร็อคดุๆ เนื้อหาทวงคืนทับหลังที่น้าแอ๊ด หยิบ“ไมเคิล แจ๊คสัน” ป็อบสตาร์ชื่อดังของโลกชาวมะกัน มาเป็นท่อนฮุกของเพลงได้อย่างน่าฟังและโดนใจของคนไทยที่แอนตี้อเมริกันในยุคนั้นมาก
“...เอาไมเคิล แจ๊คสัน คืนไป เอาพระนารายณ์คืนมา...”
คาราบาวยังมีเพลงด่ามะกันอีกหนึ่งเพลง นั่นก็คือ “อเมริกันอันธพาล” (ชุด อเมริกันอันธพาล - 2541) ซึ่งแม้ยุคนั้นจะผ่านยุครุ่งโรจน์ของของคาราบาวมาแล้ว แต่เพลงอเมริกันอันธพาลก็ยังคงไว้ลายฝีมือการแต่งเพลงของน้าแอ๊ดได้ดีทีเดียว
อเมริกันอันธพาล แต่งขึ้นหลังยุคต้มยำกุ้งที่ประเทศไทยย่ำแย่ทางเศรษฐกิจ อันเนื่องมาจากถูกโจมตีค่าเงิน ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเบื้องหลังก็คือทุนจากวอลล์สตรีทแห่งอเมริกา
เพลงนี้เป็นร็อกโจ๊ะๆกับเนื้อหาจวกมะกันอย่างแสบสันถึงทรวง
“...ชอบสำคัญตนว่าเป็นตำรวจ (เฮอะ...)
แต่แสบเสียยิ่งกว่าพวกเก็บส่วย
หยิบยื่นเงินกู้เหมือนทำเป็นช่วย
แต่กลับนำความซวยมาสู่เอเซีย
สมรู้ร่วมคิดกับพวกชเลียร์ เลีย เลีย
นำภูมิภาคสู่ความหลงผิด
อเมริกันอันธพาล อเมริกันอันธพาล...”
ครับและนี่ก็เป็นบทเพลงต่อต้านอเมริกันที่มีเรื่อยมา ซึ่งวันนี้บทเพลงในอดีตเหล่านี้ก็ยังคงฟังทันสมัยไม่เสื่อมคลาย เพราะรัฐบาลอเมริกันยังคงมีพฤติกรรมเป็นนักเลงโต เบ่ง กร่าง ชอบทำตัวเป็นตำรวจโลกอยู่เหมือนเดิม
วันนี้แม้โลกจะเปลี่ยนไป แต่สันดานรัฐบาลมะริกันยังคงเหมือนเดิม นั่นก็คือทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ตัวเอง และเมื่อไหนๆอเมริกันประกาศอออกมาว่าจะตัดงบช่วยเหลือในการทหารและการช่วยเหลือในด้านอื่นๆแล้ว ก็ควรถอนหลายๆบริษัทที่มาสูบเลือดสูบเนื้อสูบทรัพยากรจากเมืองไทยกลับไปด้วย
อ้อ!?! แล้วก็อย่าลืมนำป้าขี้ทูตกลับไปด้วย เพราะไหนๆคนไทยจำนวนมากเขาก็ออกมาไล่อย่างเปิดเผยแล้ว