xs
xsm
sm
md
lg

“CN BLUE” โชว์ดี พิสูจน์ยี่ห้อวงดนตรียอดเยี่ยม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ระดับความร้อนแรงของกรุงเทพฯ ประเทศไทย พุ่งถึงจุดเดือด!!! เมื่อสี่หนุ่ม “ซีเอ็นบลู” (CNBLUE) ไอดอลนักดนตรีดีกรี ‘วงดนตรียอดเยี่ยม’ (Best Band Award) เจ้าของรางวัล Yin Yue Tai’s V-Chart Awards ขึ้นโชว์พลังสุดขั้ว อวดศักยภาพทางดนตรีที่มีดีไม่แพ้หน้าตา และไม่ว่าใครก็ต้องยกนิ้วให้ใน “เอส พรีเซนต์ 2014 ซีเอ็นบลู ไลฟ์ - แคนท์ สต็อป อิน แบงคอก” (est Presents 2014 CNBLUE LIVE - Can’t Stop in BANGKOK) ณ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี งานนี้ผู้สนับสนุนหลักคือ เอส (est) สมทบด้วย อิทส์สกิน (It's Skin),โรงแรมดับเบิ้ลยู กรุงเทพ (W Bangkok), เซ็นทรัลเวิลด์ (Central World) และ โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ยืดอกรับคำชมที่หลั่งไหลจากทุกสารทิศไปอย่างเต็มภาคภูมิในฐานะผู้จัดงาน ซึ่งขอยกนิ้วโป้งกดไลค์คอนเฟิร์มเลยว่าคอนเสิร์ตนี้จะถูกบรรจุในทำเนียบรายชื่อ “คอนเสิร์ตที่ดีที่สุดแห่งปี 2014” ของเมืองไทยอย่างแน่นอน

แม้สภาพอากาศโดยรอบอิมแพ็ค อารีน่า จะร้อนระอุ แต่บรรดาบอยซ์ชาวไทย (Boice ชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการของ CNBLUE) ต่างก็เดินทางมารวมตัวกันตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อเฝ้ารอเวลาที่จะได้เจอกับ จองยงฮวา (Jung Yong Hwa), อีจงฮยอน (Lee Jong Hyun), อีจองชิน (Lee Jung Shin) และ คังมินฮยอก (Kang Min Hyuk) สี่หนุ่มหล่อมากความสามารถที่ห่างหายจากเมืองไทยไปนานถึงหนึ่งปีเต็ม โดยการกลับมาคราวนี้ของพวกเขาไม่เพียงเป็นการหวนคืนสู่เมืองไทยกับคอนเสิร์ตใหญ่ในวันเวลาเดียวกับปีที่แล้วเท่านั้น แต่ยังเป็นการเปิดทัวร์ Can’t Stop ที่แรกนอกประเทศเกาหลีใต้อีกด้วย ทั้งสองสิ่งนี้ล้วนส่งให้ “เอส พรีเซนต์ 2014 ซีเอ็นบลู ไลฟ์ - แคนท์ สต็อป อิน แบงคอก” (est Presents 2014 CNBLUE LIVE - Can’t Stop in BANGKOK) เป็นมากยิ่งกว่าความพิเศษที่ซีอีโอใจดี กึ้ง-เฉลิมชัย มหากิจศิริ และทีมงาน บริษัท โฟร์ วัน วัน เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ตั้งใจมอบให้เป็นของขวัญกับแฟนคลับซีเอ็นบลูชาวไทยทุกคน

และแล้วก็ได้เวลาเปิดฉากคอนเสิร์ตใหญ่แห่งปีด้วยวีทีอาร์สุดเร้าใจ ตามมาด้วยเสียงกรี๊ดที่ดังกึกก้องจนอารีน่าสะเทือน เพราะแทนที่แสงไฟจะส่องไปบนเวทีแต่กลับส่องไปทางด้านข้างของที่นั่งชั้นล่าง สี่หนุ่ม ซีเอ็นบลู ตัวจริงเสียงจริง นำขบวนโดย มินฮยอก เดินเสิร์ฟความใกล้ชิดแก่แฟนคลับเพื่อก้าวขึ้นสู่เวที ก่อนเข้าประจำตำแหน่งหยิบอาวุธประจำกายแล้วลงมือวาดลวดลายระเบิดความมันส์ในเพลง ‘Time is Over’, ‘Diamond Girl’ และ ‘Intuition’ (직감) ซึ่งในช่วงเพลงที่สอง ‘Diamond Girls’ แฟนๆ ชูป้ายโปรเจกต์คำว่า “DIAMOND BOY” ให้หนุ่มๆ ด้วย ครั้นพอไฟในฮอลล์เปิดสว่างชัดเต็มตา และยงฮวาได้เห็นเข้า ก็ส่งจุ๊บมาขอบคุณ DIAMOND GIRLS ชาวบอยซ์ทั้งหลาย จากนั้นเข้าสู่ช่วงทักทายอย่างเป็น ทางการ “วอสอัพ แบงคอก! สวัสดีครับ พวกเรา ซีเอ็นบลู ครับ ดีใจมากๆ ที่ได้เจอพวกคุณ ดีใจมั้ย? ซีเอ็นบลู กลับมาที่กรุงเทพฯ แล้วครับ! ขอบคุณที่รอและขอบคุณที่มาดูนะครับ ขอบคุณครับ เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มจาก BLUE MOON ถึง Can’t Stop พวกเราดีใจมากที่ได้กลับมาเจอทุกคนอีกครั้ง พวกเรารักคุณ” ต่อด้วยการแนะนำตัวของสมาชิกแต่ละคนที่ขนภาษาไทยอันสุดแสนจะน่ารักซึ่งฝึกปรือกันอย่างดีมาทักทายผู้ชม เริ่มต้นที่มือเบส จองชิน “สวัสดีครับ คิดถึงผมมั้ยครับ สวัสดีครับ ผมชื่อจองชินครับ ผมคิดถึงคุณมากๆ ครับ ขอบคุณครับ” ตามด้วย จงฮยอน“สวัสดีครับ ผมชื่อจงฮยอนเล่นกีต้าร์ ปีที่แล้วพวกเรามีคอนเสิร์ตที่นี่ วันเดียวกัน วันนี้ผมกลับมาที่นี่ ขอบคุณครับ” มือกลอง มินฮยอก “สวัสดีครับ ผมชื่อมินฮยอก คิดถึงพวกเธอจังเลย วันนี้จะสนุกแน่นอน ขอบคุณครับ” ปิดท้ายที่ลีดเดอร์ ยงฮวา “สวัสดีครับ ผมยงฮวาร้องนำและเล่นกีต้าร์ครับ คอนเสิร์ตนี้ครั้งที่ 3 ที่ อิมแพ็ค อารีน่า ขอบคุณครับ We love you รักทุกคน”

ทุกนาทีมีค่า ยงฮวา ไม่ปล่อยให้เวลาแห่งความสนุกต้องขาดตอนไป นำเข้าสู่เพลงเด็ดประจำวง ‘LOVE’ ที่เป็นการผสมผสานดนตรีร็อกอันหนักหน่วงกับลีลาการร้องอันนุ่มนวลเป็นเอกลักษณ์ ก่อนย้ายตำแหน่งมาประจำเครื่องดนตรีคู่กายอีกชิ้นนั่นก็คือคีย์บอร์ด และสลับอารมณ์สู่เพลงช้าอย่าง ‘These Days’, ‘My Miracle’ จากนั้นส่งไม้ต่อให้ จงฮยอน ร้องเพลงสุดซึ้ง ‘Love in the Rain’ (사랑은비를타고) ที่สมบูรณ์แบบทั้งน้ำเสียง ทำนองดนตรี และภาพบนจอที่ปรับเป็นขาวดำส่งอารมณ์ให้ซึ้งเศร้าเข้าไปอีกเป็นทวีคูณ พักเบรกสั้นๆ ช่วงที่สอง มินฮยอก ขอจับไมค์เฉลยว่ามาคราวนี้พวกเขา “กินผัดไทย ปูผัดผงกะหรี่ ข้าวผัด อร่อยมาก” ก่อนคว้าไม้กลองลุยต่อกับเพลงใหม่ในมินิอัลบั้ม Can’t Stop อย่าง ‘Cold Love’ (독한 사람) ที่เพราะจับจิตจนแทบลืมหายใจ

นาทีนี้บรรยากาศในอิมแพ็ค อารีน่า ร้อนแรงถึงขีดสุด ไม่ต่างจากอารมณ์ร่วมระหว่างศิลปินและคนดูซึ่งเดินทางมาถึงจุดเดือดเช่นกัน ยงฮวา, จองชิน, จงฮยอน ผลัดกันออกมาที่เวทีด้านหน้าและด้านข้างเพื่อใกล้ชิดกับแฟนๆ ให้มากขึ้นในเซ็ตเพลงสุดมันส์ ‘Coffee Shop’, ‘Robot’ และ ‘In My Head’ เรียกเสียงกรี๊ดลั่นตลอด เวลาโดยเฉพาะตอน ยงฮวา ออกลีลาท่าเต้นน่ารักๆ ตามสไตล์พร้อมอ้อนด้วยประโยค “น่ารักจุ๊บๆ” กับ “We love you Bangkok!” จากนั้นพักหายใจหายคอกับเบรกสั้นๆ แนะนำว่าเพลงที่จะร้องต่อไปเป็นเพลงโปรดของ จงฮยอนซึ่งเพลงนั้นก็คือ ‘Blind Love’ ที่คราวนี้ผู้ชมได้ดื่มด่ำกับโปรดักชั่นสวยๆ ด้วยฉาก 3 มิติ ต่อด้วยความอลังการจากประกายแสงอันงดงามของ Mirror Ball ในเพลง ‘Love is’ ซึ่ง ยงฮวาเปลี่ยนมาจับกีต้าร์อะคูสติกแทนกีต้าร์ริทึ่มขาประจำ จงฮยอน ก็เอาบ้างคว้ากีต้าร์อะคูสติกพร้อมอาสาร้องเดี่ยวในเพลงเนื้อร้องอังกฤษล้วนอย่าง ‘Teardrops in the Rain’ ที่ผู้ชมในฮอลล์ร้องตามกันได้กระหึ่ม เสียจน จงฮยอน ต้องเอ่ยปากขอบคุณหลังจบเพลง จากนั้น ยงฮวา รับหน้าที่พูดคุยกับแฟนๆ ต่อ “ขอบคุณครับ Bangkok! พวกคุณเจ๋งที่สุด พวกเรามีความสุขมาก ขอบคุณที่ช่วยร้องนะครับ ร้องเก่งมากเลยนะเนี่ย (ยกนิ้วหัวแม่มือให้) นี่พวกเราเป็นนักร้องกันหมดเลย” ตามด้วย จองชิน ที่เข้ามาสมทบ “ทุกคน ทุกคนสนุกมั้ย ขอบคุณครับ Bangkok!ตอนนี้ได้เวลามาร้องเพลงกับพวกเราต่อแล้ว โอเคมั้ย ยงฮวา ช่วยส่งเข้าเพลงต่อไปหน่อย” ด้าน ยงฮวา และ จงฮยอน ที่พร้อมอยู่แล้วก็รับคิวต่อส่งเข้าเพลงถัดไปด้วยท่าเต้นสุดทะเล้น

คราวนี้สี่หนุ่มจัดเพลงมันชุดใหญ่ทั้ง ‘I’m a Loner’ (외톨이야), ‘I’m Sorry’, ‘Lady’ ปล่อยพลังใส่คนดูจนไฟแทบลุกท่วมฮอลล์ แถม ยงฮวา, จงฮยอน, จองชิน ยังเดินกระจายเซอร์วิสทั่วทุกมุมทั้งด้านหน้าและด้านข้าง ก่อนจะเอ่ยข่าวร้ายว่าคอนเสิร์ตได้เดินทางมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว ยงฮวา ไม่ลืมขอให้ทุกคนช่วยอธิษฐานเพื่อซีเอ็นบลู และซีเอ็นบลูก็จะอธิษฐานให้กับทุกคน โดยขอพรให้ประเทศเกาหลีและกรุงเทพฯ ขอให้ทุกๆ วัน เป็นวันที่พยายามใหม่และยิ้มได้อีกครั้ง จากนั้นทำนองเพลงเพราะความหมายดีอย่าง ‘Try Again Smile Again’ ก็ดังขึ้น ยงฮวา กลับสู่แท่นคีย์บอร์ดในช่วงท้าย เพื่อนำเข้าเพลงประจำทัวร์คอนเสิร์ตอย่าง ‘Can’t Stop’ ที่เมมเบอร์ทุกคนยิ้มอย่างมีความสุขในระหว่างแสดงกับโปรเจกต์รูปหัวใจสีฟ้าเขียนว่า “CNBLUE” จนคนดูรับรู้ได้ถึงความประทับใจและซาบซึ้งที่พวกเขาได้รับจากคอนเสิร์ตในวันนี้ก่อนจัดเพลง ‘Like a Child’ (아이의노래) สั่งลาแล้วเดินเข้าหลังเวทีไป

เสียงตะโกนเรียก ซีเอ็นบลู ดังกระหึ่มในช่วงอังกอร์จนสี่หนุ่มอดใจไม่ไหวต้องกลับขึ้นบนเวทีอีกครั้ง มินฮยอก กล่าวขอบคุณแฟนๆ ด้วยภาษาไทยว่า “อังกอร์ ขอบคุณครับ” ก่อนลุยต่อแบบสนุกสุดตัวกับ ‘Wake Up’ และ ‘Love Girl’ ที่มีการแลกเปลี่ยนเสียงร้องระหว่างศิลปินและคนดูกันอย่างเมามัน จากนั้น ยงฮวา ในฐานะลีดเดอร์ใช้โอกาสสุดท้ายก่อนจากกันไปแสดงความขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่มีต่อชาวไทย “ขอบคุณครับ นี่จะเป็นเพลงสุดท้ายแล้ว แต่ก่อนเข้าเพลงสุดท้าย ผมอยากพูดอะไรบางอย่างเพื่อแสดงความขอบคุณ เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นในเกาหลีใต้ คนเกาหลีจำนวนมากเศร้าใจกับการสูญเสียที่เกิดขึ้น และพวกเรารู้ว่ามีคนที่เมืองไทยจำนวนไม่น้อยเลยที่ร่วมแบ่งปันความเสียใจและอธิษฐานให้กับประเทศเกาหลี ขอบคุณมากๆ นะครับ พวกเราซาบซึ้งมากๆ พวกเราเชื่อว่าแสงสว่าง จะส่องไปยังผู้คนที่กำลังตกอยู่ในความทุกข์ และเราก็หวังว่าบทเพลงของเราจะกลายเป็นแสงสว่างให้แก่พวกเขาเหล่านั้น และกับพวกคุณที่กรุงเทพฯ ด้วย เพลงสุดท้ายของพวกเราในวันนี้ก็คือ Love Light ขอบคุณมากๆ ครับสำหรับวันนี้ ผมคงไม่มีวันลืมวันนี้ไปได้ พวกเรารักกรุงเทพฯ มากๆ ผมสัญญาว่าพวกเราจะกลับมาที่นี่อีกครั้งในอนาคตอันใกล้ ผมให้สัญญา ร้องเพลงกับพวกเรานะครับ ขอบคุณมากครับ Love Light!” ด้วยสีหน้า ท่าทาง และน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความขอบคุณอย่างจริงใจของพวกเขาทั้งสี่ ทำเอาผู้ชมทุกคนที่อยู่ ณ อิมแพ็ค อารีน่า ในวันนั้นปรบมือให้กับ ซีเอ็นบลู ดังกึกก้องและมีความสุขร่วมกันในเพลงสุดท้าย ‘Love Light’ (사랑빛) ก่อนได้เวลาจากกันจริงๆ



















กำลังโหลดความคิดเห็น