“แพท” ร่ำไห้ ท้อถูกพ่อแท้ๆ ฟ้องเอาเงิน พ้อตนต้องดูแลแม่เป็นอัลไซเมอร์-พี่สาวพิการ ส่งไม่ไหวจริงๆ แจงตอนนี้ติดต่อพ่อไม่ได้ ที่ผ่านมาพ่อส่งแต่ทนายมาเคลียร์ ได้แต่รอไกล่เกลี่ยกันในชั้นศาล ปัดไม่รู้พ่อฟ้องเพราะจะเอาเงินไปเลี้ยงดูครอบครัวใหม่หรือเปล่า
หลังนางเอกสาว “แพท ณปภา ตันตระกูล” เจอมรสุมชีวิต ต้องดูแลแม่ที่ป่วยเป็นอัลไซเมอร์ ควบคู่ไปกับการดูแลพี่สาวแท้ๆ ที่พิการมาตั้งแต่เกิด รวมถึงภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องแบกรับคนเดียวเดือนละกว่า 3 แสนบาท เท่านั้นยังไม่พอตอนนี้แพทยังโดนพ่อบังเกิดเกล้าฟ้องจะเอาเงินค่าเลี้ยงดู ซ้ำยังฟ้องแม่ของตนทั้งที่พ่อเลิกกับแม่ไปนานแล้ว ล่าสุดแพทเปิดใจเล่าให้ฟังว่า ตอนนี้กำลังรอศาลนัดไกล่เกลี่ย
“ตอนนี้ก็รอทนายเรียกขึ้นศาล ก็ดำเนินเรื่องอยู่ แต่ทางคุณพ่อก็ไม่ได้มีการติดต่อกลับมา คือใจนึงก็อยากเคลียร์นอกรอบนะ แต่ว่าติดต่อคุณพ่อไม่ได้ เหมือนท่านย้ายที่อยู่แล้วก็เปลี่ยนเบอร์ คือตอนแรกท่านเหมือนอยู่ในละแวกที่เราอยู่ เหมือนมีร้านก๋วยเตี๋ยวแถวนั้นยังเห็นแกอยู่ แต่ล่าสุดเหมือนไม่มีใครเห็นแกแล้ว แล้วน้องสาวโทร. ไปเบอร์เก่าก็ติดต่อแกไม่ได้แล้ว เขาติดต่อผ่านทนายมาตลอด”
“ตัวแพทเองตอนนี้ก็ยังงงเพราะว่ายังไม่ได้คุยกัน เรื่องมันหลายปีแล้วนะคะก่อนที่คุณแม่ป่วยเดินไม่ได้ แพทก็มีการส่งเงินให้ทุกเดือน แต่ต้องบอกก่อนว่าพ่อมีครอบครัวใหม่มาได้สักพักแล้วก็ย้ายไปอยู่ข้างนอก ซึ่งระหว่างนั้นแพทก็ยังส่งเงินให้ทุกเดือนก็ไม่ได้เยอะอะไรมาก ประมาณ 6-7 พัน เงินจำนวนนี้เราให้เขาไว้ใช้คนเดียวนะ จนคุณแม่ป่วยหนักเราก็เลยคุยกับคุณพ่อว่าขอให้งวดนี้งวดสุดท้ายเพราะว่าแพทไม่ไหวจริงๆ เพราะแพทส่งคนเดียว”
“แพทเองก็เข้าใจคุณพ่อนะเพราะว่าปีนี้ท่านอายุ70 แล้วการทำงานมันก็คงเหนื่อย แล้วมันไปประจวบกับแกมีครอบครัวใหม่ มีลูกใหม่ด้วย แล้วลูกแกเล็กด้วย แต่ตัวแพทเองก็ส่งไม่ไหว คือเราก็บอกเขาตรงๆ ว่าช่วงนี้คุณแม่ใช้เงินเยอะ แล้วก็พี่สาวแพทที่พิการอีกคนนึง ซึ่งก็คุยกันแกก็โอเค แพทก็เลยให้รถไปคันนึง ท่านก็เหมือนโอเคทุกอย่าง แต่หลังจากนั้นก็มีหมายศาลส่งมาที่บ้านฟ้องแพทกับคุณแม่ เราก็เลยงง คือฟ้องแพทก็ยังเข้าใจได้นะว่าฟ้องเอาค่าเลี้ยงดูหรือเปล่า แต่ฟ้องแม่ แพทงงเข้าไปใหญ่ เหมือนเขาฟ้องเพื่อต้องการแบ่งทรัพย์สินของคุณแม่”
“อันนี้มันเป็นเรื่องครอบครัวใช่ไหมคะ อย่างมากที่สุดก็คงไปไกล่เกลี่ยกันในศาล เพราะว่าตอนนี้เขาไม่คุยกับเราไม่คุยกับใครเลย ก็เลยต้องไปคุยกันในศาล ก็คงคุยกันว่าแพทให้ได้เท่าไหร่เพราะถ้าไม่ให้แพทคงไม่ให้ตั้งแต่ทีแรกแล้ว คือมันมีช่วงหลังที่แพทไม่ไหวจริงๆ ที่งานแพทมันน้อยลงแล้วคุณแม่ก็มาเดินไม่ได้ ก็เลยต้องใส่แพมเพิร์ส ซึ่งจริงๆ แล้วพี่สาวแพทที่พิการใส่แพมเพิร์สคนเดียว เหมือนว่าค่าใช้จ่ายมันเพิ่มขึ้นไปอีก แล้วช่วงนั้นแพทต้องซื้อเตียงคนไข้ใหม่ ฟูกรองทุกอย่างใหม่หมดเลย เพราะว่าพวกเขามีปัญหาแผลกดทับ มันก็ไม่ไหวแพทเลยไม่ส่งเงินให้เขา”
ไม่รู้เหตุผลที่พ่อฟ้องเพราะจะเอาเงินไปเลี้ยงดูครอบครัวใหม่หรือเปล่า
“แพทอยากให้เขาเข้าใจความเป็นหัวหน้าครอบครัว คือเขาจะไปมีครอบครัวใหม่ทางแพทกับแม่ก็ไม่ได้มีปัญหา ซึ่งตามหลักจริงๆ เขาต้องเป็นคนส่งเงินให้เราด้วยซ้ำ ที่เป็นค่าเลี้ยงดูให้ลูกให้ภรรยา แต่เขาก็ไม่ได้ให้ ซึ่งแพทเองก็ไม่เป็นไรเพราะเราเห็นว่าเขาอายุมากแล้ว แถมเขายังมีลูกอีก”
“ตอนที่เขามีก็อายุประมาณ 60 กว่าแล้ว ก็ไม่ได้ทำงาน ตอนนี้น้องก็น่าจะประมาณ 3-4 ขวบ ก็คงแอบมีปัญหาเรื่องเงินนิดนึง ก็เลยคุยกับพี่สาวว่าจะช่วยหน่อยได้ไหม คือแพทอาจให้เยอะสุดให้ก้อนใหญ่สุด แต่พี่ช่วยบวกเพิ่มให้หน่อยได้ไหม แต่สิ่งที่ต้องบอกเขาคือไม่ว่ายังไงแพทก็ยึดครอบครัวใหญ่เป็นหลักคือคุณแม่ พี่สาว น้องสาวเป็นหลัก ตอนนี้มีงานอะไรแพทรับหมดอยู่แล้ว ไม่เกี่ยงหนักกว่านี้แพทก็ทำ”
บอกตอนนี้ให้ลูกพี่ลูกน้องช่วยติดต่อพ่อให้
“ตอนนี้แพทก็เลยให้น้องสาวเป็นคนติดต่อเพราะว่าเขาจะไม่ค่อยคุยกับแพท เขาจะคุยกับน้องที่เป็นลูกพี่ลูกน้องแพท แต่ว่าตอนนี้เขาหายไปเลย คือมันก็มีตอนก่อนที่จะหายไปโทร. มาขอให้ไปจ่ายค่าพยาบาลให้ 2 ครั้ง แพทก็เลยให้น้องหอบเงินไปให้ที่โรงพยาบาล หลังจากนั้นก็เป็นหมายศาลมาแทน”
รับบางครั้งท้อแท้มากจนนั่งร้องไห้ระบายความในใจกับแม่
“ถามว่าท้อไหมมันก็มีนะ บางครั้งก็มีร้องไห้ ส่วนใหญ่ก็จะร้องกับแม่เลยทั้งๆ ที่แกไม่รู้เรื่อง คือแกเห็นเราแกก็จะยิ้มจะกอดตามปกติ บางทีเราก็บ่นๆ เพื่อให้มันได้ระบายออกมาแล้วสบายใจ แกก็จะฟังแล้วนั่งยิ้มจับหัวเราบ้าง แพทได้กำลังใจจากแม่คนเดียวเลยตอนนี้ เพราะว่าแกจะอารมณ์ดี ซึ่งมันแปลกมากนะที่พัฒนาการของแกกลับดีขึ้นๆ มันเลยทำให้เรามีกำลังใจหาเงินที่จะเอามารักษา”