อีกหนึ่งตัวละครสำคัญในจักวาลของมาร์เวลซึ่งคอการ์ตูนคงคุ้นเคยและชื่นชอบกันอยู่แล้วเป็นทุนเดิม หลังจากภาคแรกได้สร้างความประทับใจฝากไว้ให้กับคนดูผู้ชม กัปตันอเมริกาผู้มีโล่ห์และเสื้อผ้าอาภรณ์ลายธงชาติเป็นเครื่องหมายการค้า กลับมาอีกครั้งในแบบที่พูดได้ว่า คุ้มค่ากับการรอคอย
ว่ากันโดยสัตย์ซื่อตรงไปตรงมา ผมรู้สึกว่า หนังที่เดินทางออกมาจากชายคาของมาร์เวลส่วนมากนั้น สัมผัสที่เราได้เห็นเด่นชัดในภาพของหนังพวกนี้คือการให้น้ำหนักกับความบันเทิงสไตล์หนังฟอร์มยักษ์บ็อกซ์ออฟฟิศ มันอาจจะมีเรื่องของประเด็นเนื้อหาโน่นนี่แทรกอยู่บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในส่วนของไออ้อนแมน (ภาคสอง) ที่จิกกัดความเป็นอเมริกันชนได้แสบทรวง แต่สุดท้ายก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าความบันเทิงชนิดโครมครามตูมตามยังคงเป็นเสน่ห์อันดับต้นๆ ที่ถูกจัดวางไว้ในหนังซูเปอร์ฮีโร่ของมาร์เวล
นั่นหมายถึงหนังที่เราสามารถจูงลูกจูงหลานเข้าไปดูด้วยได้ และถ้าจะดูไปด้วย เคี้ยวป๊อปคอร์นไปด้วยก็จะยิ่งได้อรรถรส แต่บอกตามตรง ผมรู้สึกไม่ค่อยแน่ใจอะไรแบบนั้นกับหนังอย่างกัปตันอเมริกาภาคนี้เลย
พูดแบบนี้ ไม่ได้จะบอกว่ากัปตันอเมริกาภาคสองไม่ดีนะครับ ตรงกันข้าม นี่คือหนังของมาร์เวลซึ่งผมชอบมากที่สุดเป็นอันดับแรกๆ เลยก็ว่าได้ เพียงแต่รูปแบบสไตล์ของหนัง อาจจะแตกต่างอยู่พอสมควรกับหนังตระกูลมาร์เวลเรื่องอื่นๆ ที่เราเคยดูมา
จะว่าไป ผมว่าทิศทางของกัปตันอเมริกาภาคนี้ ดูจะใกล้เคียงกันมากกับฮีโร่อีกหนึ่งตัวของมาร์เวลา นั่นก็คือ สไปเดอร์แมน ที่อยู่ภายใต้การกำกับของมาร์ค เว็บบ์ ซึ่งเริ่มจะมีแนวทางแบบหนังฮีโร่ยุคใหม่ที่ให้น้ำหนักกับเรื่องเล่าอันซับซ้อนซ่อนปม มีการเล่นกับอารมณ์เชิงลึกของตัวฮีโร่มากยิ่งขึ้น แม้ไม่หนักหน่วงเท่ากับหนังที่สร้างมาจากสายดีซีคอมิกส์อย่างแบ็ทแมนหรือว็อทช์เม็น แต่เราก็จะเห็นได้ว่าหนังเหล่านี้มีอารมณ์ที่ซีเรียสเข้มข้นขึ้น
เราต้องยอมรับว่าหนังที่มาจากดีซีคอมิกส์อย่างพวกแบ็ทแมนหรือว็อทช์เม็นนั้น ไม่ได้เหมาะกับคนทุกคนเสมอไป โดยเฉพาะกลุ่มคอหนังแอ็กชั่นซูเปอร์ฮีโร่ที่ต้องการความบันเทิงหรือฉากสู้รบตูมตามสนั่นจอเป็นที่ตั้ง ดังนั้น ผมจึงเห็นว่า อย่างน้อยที่สุด มีหนังของมาร์เวลเรื่องหนึ่งซึ่งดูจะประสบความสำเร็จไปแล้วในแง่ของการผสมผสานเอาความบันเทิงบวกกับความดราม่าซีเรียสได้อย่างกลมกลืนและค่อนข้างลงตัว ไม่หนักไปทางใดทางหนึ่ง ก็คือ สไปเดอร์แมน ในยุคของผู้กำกับมาร์ค เว็บบ์
แน่นอนว่า สำหรับกัปตันอเมริกาในเรื่องนี้ดูจะไปไกลกว่าสไปเดอร์แมนอยู่ขั้นสองขั้น ตรงที่มันพุ่งตรงไปยังการเทน้ำหนักให้กับสาระประเด็นอย่างเต็มรูปแบบ แม้หนังจะแนบฉากแอ็กชั่นมันๆ มาให้เราได้ชมกัน แต่โดยรวมแล้ว พล็อตเรื่องหรือประเด็น กลับเป็นสิ่งที่ชวนให้รู้สึกประทับใจได้ไม่น้อยไปกว่าการต่อสู้ฟาดฟัน ผมไม่ได้จะบอกว่าหนังไม่แอ็กชั่นนะครับ แต่สิ่งที่ฉายชัดในหนังกัปตันอเมริกาภาคสอง น่าจะเป็นความสุขอย่างยิ่งของผู้ที่ชอบหนังซึ่งดูแล้วได้อะไรมากกว่าความบันเทิงเพียงอย่างเดียว
ถ้ายังไม่พูดถึง “เดอะ วินเทอร์ โซลเยอร์” สุดยอดวายร้ายที่หนังวางไว้ให้เป็นคู่ปรับตัวฉกาจของสตีฟ โรเจอร์ หรือกัปตันอเมริกา ไฮไลต์สำคัญของหนังภาคนี้อยู่ที่เรื่องราวการค้นหาปริศนาซึ่งซุกซ่อนอยู่เบื้องหลังปฏิบัติการหน่วยชีลด์ อารมณ์ของหนังเป็นไปในทางแอ็กชั่นสืบสวนสอบสวนคล้ายๆ กับหนังในตระกูล Mission Impossible ที่ไม่โฉ่งฉ่างแอ็กชั่นกันแบบอึกทึกจนเกินไป
แต่ก็อย่างที่บอกครับว่า หนังไม่ได้ลึกลับดำมืดอะไรขนาดนั้น เมื่อเทียบกับหนังดาร์กๆ อย่างหนังซูเปอร์ฮีโร่ของคริสโตเฟอร์ โนแลน แต่ผมคิดว่าสาเหตุที่คะแนนจากเมืองนอกที่ให้แก่กัปตันอเมริกา น่าจะเกี่ยวเนื่องกับการผูกเรื่องผูกราวให้ดูหนักแน่นขึ้น ขณะที่ก็นำเสนอความบันเทิงควบคู่ไปด้วย ได้แบบสอดประสานกลมกลืนกัน ไม่เครียดถึงขั้นต้องคิดตามจนปวดขมับ แถมยังแพรวพราวด้วยอารมณ์ขัน กระนั้นก็ดี ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ผลงานชิ้นนี้มีอะไรให้คิดอยู่พอสมควร
ทุกประเด็นที่หนังพูดล้วนแล้วแต่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นความบ้าอำนาจของคนมีอำนาจ การโกหกลวงโลกเพื่อความเป็นใหญ่ หรือกระทั่งเรื่องงามๆ อย่างเรื่องมิตรภาพที่มาพร้อมกับจุดยืนที่จะ “ยืนเคียงข้างกันไปจนสุดทาง” อันโยงใยไปถึงการไม่สิ้นหวังในมนุษย์ด้วย
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |