xs
xsm
sm
md
lg

ตลกร้ายของผู้ชายขายน้ำ ‘สตาร์บั๊ค’ : Delivery Man

เผยแพร่:   โดย: อภินันท์ บุญเรืองพะเนา


“Delivery Man” อาจจะดูทะลึ่งตึงตังเมื่อเดินทางมาถึงเมืองไทย กับการที่ถูกตั้งชื่อให้ว่า “ผู้ชายขายน้ำ” กระนั้นก็ตาม นี่คือชื่อหนังซึ่งเหมาะกับความจริงของเรื่องราวอย่างตรงไปตรงมา และเหนืออื่นใด ผู้ชายขายน้ำไม่ใช่หนังลามกจกเปรต หากแต่จัดอยู่ในเกรดของหนังคอมิดี้ โดยที่แนบความรู้สึกดีๆ สไตล์หนังฟีลกู๊ดให้ได้ซึ้งกันแบบพอดีๆ ไม่เยอะ ไม่ฟูมฟายจนเกินไป

ความตลกร้ายของเรื่อง มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ “เดวิด วอซเนียค” ผู้ชายที่ยังไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรกับชีวิต แม้จะทำธุรกิจอยู่กับพ่อในตำแหน่งคนขับรถส่งเนื้อ แต่ส่วนตัวเขาก็สร้างหนี้สร้างสินล้นพ้นจากการติดพนัน จนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่รู้ข่าวว่าหญิงสาวที่คบหา กำลังตั้งท้อง เขาช็อกกับเรื่องนี้ไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็มีเรื่องใหญ่กว่ามาให้เขาแตกตื่น เมื่อทนายคนหนึ่งมายื่นเรื่องให้ทราบว่า เขามีลูก 533 คน! และในลูกจำนวนนี้ มี 142 คนที่กำลังอยากเจอตัวเขาอยู่

แน่นอนครับ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญแต่อย่างใด หนังเล่าย้อนไปอีกเล็กน้อยว่า ก่อนหน้านี้ 20 ปี สมัยที่เดวิด วอซเนียค กำลังหนุ่มแน่น เขาเคยไปบริจาคสเปิร์มให้กับคลินิกสำหรับผู้มีบุตรยากแห่งหนึ่ง ในชื่อแฝงว่า “สตาร์บั๊ค” มารู้อีกที ก็เมื่อเขาเป็นพ่อของลูก 500 กว่าคนเข้าไปแล้ว

กับพล็อตเรื่อง อาจจะดูเหมือนเกินจริงไปสักนิด แต่ถ้าคิดว่ามันเป็นหนังตลกๆ ซึ่งไม่จำเป็นต้องพกความจริงมาร้อยเปอร์เซ็นต์ พล็อตแบบนี้ก็ดูน่าประหลาดดี และที่สำคัญ การที่ผู้ชายสักคน “รีดตัวเอง” จนสามารถบริจาคอสุจิได้มากมายขนาดนั้น มันยังชวนให้คิดว่าเขาจะเป็นคนโรคจิตและหมกมุ่นกับเรื่องเพศถึงเพียงใด และนี่ก็เป็นสิ่งที่หนังหยิบเอามาสร้างสถานการณ์ความขัดแย้งได้อย่างดี เพราะทันทีที่เรื่องราวของลูกตามหาพ่อปรากฏเป็นข่าว เรื่องฉาวๆ ของ “สตาร์บั๊ค” ก็ถูกกระพือลือไป ไม่เว้นแม้กระทั่งแฟนสาวของเดวิดก็ยังรู้สึกสะอิดสะเอียดเมื่อได้ฟังเรื่องของสตาร์บั๊ค คำถามก็คือ แล้วผู้เป็นเจ้าของนามแฝงอย่างเดวิด จะรับมือหรือแก้ไขเรื่องราวสุดวายป่วงนี้อย่างไร หรือจะเก็บเป็นความลับไว้ตลอดกาล?

ในความเป็นหนังคอมิดี้ เดลิเวอรี่ แมน สามารถแจกจ่ายเสียงหัวเราะให้กับคนดูผู้ชมในระดับที่พูดได้ว่า มีฉากให้ได้ฮากันแทบจะทุกห้านาที แบบไม่มีเบื่อสำหรับการติดตามรับชม อารมณ์ขันที่เป็นความตลกแบบ “ตลกสถานการณ์” เป็นสิ่งที่สร้างความน่าขบขันได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตอนที่เดวิดค่อยๆ ทยอยเดินทางไปสำรวจชีวิตความเป็นอยู่ของลูกๆ แต่ละคนโดยไม่แสดงตนว่าตนเองเป็นพ่อหรือเป็นสตาร์บั๊ค นอกจากจะขบขัน ยังก่อให้เกิดความรู้สึกดีๆ ที่หนังวางไว้ให้เป็นแกนของเรื่อง นั่นก็คือ ความรักความปรารถนาดีของคนที่เป็นพ่อ

ครับ, เดลิเวอรี่ แมน เป็นหนังที่พูดเรื่องพ่อลูกอย่างไม่ต้องสงสัย และหนังก็ทำได้ดีระดับหนึ่ง ว่ากันอย่างถึงที่สุด หนังที่พูดถึงพ่อ ก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้อีกแล้วล่ะ นั่นก็คือ อย่างไรเสียก็ต้องกล่าวถึงหัวจิตหัวใจด้านดีของคนที่เป็นพ่อซึ่งสุดท้ายก็ย่อมต้องทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อลูก หนังมีฉากที่กินใจแทรกอยู่รายทางตลอดทั้งเรื่อง แต่จุดพีคสุดของหนังสำหรับผม อยู่ในฉากท้ายๆ ของเรื่องตอนที่พ่อของเดวิดพูดกับเขาและเล่าเรื่องเกี่ยวกับปู่ของเดวิด ผมคิดว่าเรื่องเล่าดังกล่าวนั้น น่าจะเป็นฉากแห่งความทรงจำที่งดงามของหนังได้เลย และถ้าจะให้พูดกันแบบซื่อๆ ก็คงต้องบอกว่า มันเป็นเรื่องเล่าที่ลึกซึ้งกินใจมาก

ในส่วนของนักแสดงทุกคน ไม่มีตกหล่นอะไรในการแสดง ดารานำอย่าง “วินซ์ วอห์น” ก็ไปได้ดีกับบทของพ่อที่กำลังถูกสังคมพิพากษา มันเป็นความท้าทายของผู้ชายขายน้ำที่จะต้องตัดสินใจอะไรบางอย่างเพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้กับชีวิตของตัวเอง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าในสายตาของคนอื่นๆ หรือแม้กระทั่งคนรักและคนใกล้ตัว เขาดูจะเป็นเพียงคนไม่เอาอ่าวคนหนึ่ง ด้วยเหตุนี้ ขณะที่ความเป็นพ่อถูกท้าทาย เขาเองก็กำลังลุกขึ้นมาทำบางสิ่งบางอย่างเพื่อยืนยันถึงคุณค่าแห่งชีวิตตัวเขาเองด้วย

ผมเคยได้ยินผู้ชายหลายคน (ที่ไม่ได้ “ขายน้ำ” เหมือนกับสตาร์บั๊ค) กล่าวว่า โลกเปลี่ยนไปเมื่อคุณกลายเป็นพ่อคน ผมคิดว่าเดวิดก็ไม่ต่างไปจากนั้น การเป็นพ่อไม่เพียงทำให้เปลี่ยนไป หากแต่คุณค่าความหมายชีวิตของเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงด้วย

สุดท้าย ผมไม่อยากจะอวยหนังเรื่องนี้จนโอเว่อร์ เพราะมันไม่ใช่หนังที่เพอร์เฟคต์มากหรอกครับ แต่ก็อย่างที่ผมจะบอกว่า หนังบางเรื่อง ก็เหมือนคนบางคน มันอาจไม่ได้เพอร์เฟคต์อะไรนักหรอก แต่ความดีงามของมัน อยู่ที่การสามารถกระตุ้นเร้าจิตวิญญาณด้านดีของเราให้ลุกขึ้นมาทำในสิ่งที่ควรจะทำ ผมว่านี่คือความดีของเดลิเวอรี่ แมน

ผมชอบคนหลายคนในชีวิตของเดวิดที่เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ทุกคนต่างก็ดูจะยอมรับได้ และอย่างเข้าใจ ว่าแต่ละชีวิต ก็มีข้อผิดพลาดด่างพร้อยด้วยกันทั้งนั้น การยอมรับในตัวตนของกันและกัน ถ้ามันไม่สาหัสเกินกว่าจะยอมรับได้ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ

แน่นอนครับ หนังเรื่องนี้มีจุดด่างอย่างแน่นอน แต่มันไม่ถึงขั้นยอมรับไม่ได้ คล้ายๆ กันนั้น...



ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th

ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก






กำลังโหลดความคิดเห็น