xs
xsm
sm
md
lg

ช่อง 3 แตกสองก๊ก!! คนข่าวแดงจัด คนละครร่วมม็อบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สถานการณ์การเมืองร้อนระอุ สถานการณ์ภายในองค์กรของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ก็ระอุไม่แพ้กันเมื่อบุคลากรแบ่งออกเป็นก๊กเป็นเหล่ากันอย่างชัดเจน ทีมผู้บริหารกับคนทำข่าวที่กุมการรายงานสถานการณ์บ้านเมืองแสดงตัวชัดเจนว่าอยู่สีแดง ทั้ง "กิตติ สิงหาปัด" นักข่าวเชลียร์ "ทักษิณ" ตั้งแต่สมัยอยู่ไอทีวี ไปจนถึง "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ที่ใช้รายการข่าวของตัวเองสร้างความชอบธรรมให้คนเสื้อแดงแบบเกือบจะเนียนร่วมกันกับดาราตลกคู่บุญ "โก๊ะตี๋ อารามบอย" ส่วนคนละครโดยเฉพาะทีมผู้จัดออกมาร่วมชุมนุมคัดค้านการเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่พรรคเพื่อไทยตั้งใจจะให้เป็นมหกรรมการฟอกตัวเองเพื่อเข้ามานั่งเก้าอี้บริหารประเทศอีกครั้ง

วิกฤตการเมืองในรอบนี้ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นในกลุ่มคนบันเทิง ซึ่งเราคงได้เห็นกันไปแล้วว่ามีคนบันเทิงจำนวนไม่น้อยที่ออกมาร่วมชุมนุมคัดค้านนักการเมืองคอร์รัปชันต่อเนื่องยาวนานกว่าสองเดือน แต่สิ่งที่น่าสนใจคือท่ามกลางการเปิดเผยทัศนคติที่มีต่อการเมืองในครั้งนี้ บุคลากรที่ทำงานให้กับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กลับแตกเสียงออกเป็นสองก๊กสองกลุ่ม มีทั้งที่ใช้สื่อที่อยู่ในมือเป็นเครื่องมือในการสร้างภาพบิดเบือนให้คนในสังคมเห็นว่าม็อบครั้งนี้ไร้ความชอบธรรม ตลอดจนอวยระบอบทักษิณจนออกนอกหน้า

เริ่มที่กรรมกรข่าวคนดัง "สรยุทธ สุทัศนะจินดา" ที่เป็นผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของช่อง 3 ว่ากันว่าเสียงของสรยุทธมีน้ำหนักมากถึงขนาดชี้เป็นชี้ตายให้กับคนทำงานข่าวคนอื่นๆ ในช่อง และยังมีส่วนในการร่วมกำหนดนโยบายของบอร์ดบริหาร สรยุทธมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับ "ทักษิณ ชินวัตร" ถึงขนาดได้รับฉายาที่รู้กันในวงในว่า "กระบอกเสียงทักษิณ" เพราะสรยุทธมักจะนำเสนอข่าวเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้แก่ทักษิณมาโดยตลอดแม้ว่าทักษิณจะทุจริตคอร์รัปชันจนต้องโทษแต่ข่าวคราวเกี่ยวกับทักษิณที่นำเสนอภายใต้การควบคุมของสรยุทธก็มักจะพยายามฟอกตัวให้ทักษิณมาโดยตลอด

ส่วนข่าวที่เกี่ยวกับม็อบคนเสื้อแดงนั้น สรยุทธก็จะใช้ภาพและการพูดโน้มน้าวให้ผู้ชมเห็นถึงพลังมวลชนที่สนับสนุนระบอบทักษิณและนายกฯ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" โดยการเลือกที่จะนำเสนอเพียงบางแง่มุมทำให้คนดูได้ข้อมูลไม่รอบด้านซึ่งก็นำไปสู่ความเชื่อที่เอนเอียงไปทางเห็นด้วยกับทักษิณมากขึ้น

“กิตติ สิงหาปัด" เป็นอีกหนึ่งคนที่ประกาศตัวอย่างชัดเจนว่าสวมเสื้อสีแดงและสนับสนุนทักษิณสุดกำลัง สมัยที่ทำงานข่าวอยู่ไอทีวี กิตติเคยออกมาประกาศว่าจะทิ้งไอทีวีเป็นคนสุดท้ายเมื่อครั้งที่ไอทีวีกำลังจะปิดตัว แต่เมื่อถึงเวลาที่ไอทีวีถูกยุบจริงๆ กิตติกลับเป็นคนแรกที่กระโดดไปซบโมเดิร์นไนน์ทีวี หลังจากนั้นก็ย้ายมาทำรายการ "ข่าวสามมิติ" ที่ช่อง 3 กิตติเคยออกมาประกาศตัวคล้ายๆ จะบอกว่าเขาไม่ได้ทำงานข่าวเพื่อ "ขาย" เหมือนกับสรยุทธ โดยเขาได้ทวิตข้อความว่าไม่รับขายข้อความบนทวีตเตอร์ของเขา และไม่รับโฆษณาแฝงในรายการข่าวของเขาด้วย แต่ถึงอย่างไรกิตติก็เป็นคนหนึ่งที่วงในรู้กันดีว่ามีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับทักษิณ ในช่วงที่กลุ่มพันธมิตรฯร่วมกับกลุ่มคนเสื้อหลากสีออกมาร่วมชุมนุมต่อต้านทักษิณ กิตติคนนี้ไม่เคยเสนอข่าวเกี่ยวกับผู้ชุมนุมเลย ตรงกันข้ามกับตอนที่นำเสนอข่าวคนเสื้อแดงที่แทบจะเกาะติดนาทีต่อนาทีและนำเสนอตัวเลขผู้ชุมนุมเกินจริงตลอด

คนข่าวที่ชัดเจนว่าเป็นคนเสื้อแดงที่อยู่ในช่อง 3 ยังมีอีกมาก ทั้งที่แสดงตัวชัดเจนและที่แฝงตัวอยู่ภายใน นักข่าวอีกสองคนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ "สายสวรรค์ ขยันยิ่ง" กับ "ฐปณีย์ เอียดศรีไชย" สองนักข่าวสาวเสื้อแดงจ๋าที่ทำงานให้กับทีมข่าวสามมิติของกิตติ ว่ากันว่าสองคนนี้เป็นคนข่าวที่ไม่มีจิตวิญญาณคนทำงานข่าว นั่นคือพร้อมที่จะถูกซื้อได้เสมอโดยสามารถรายงานข่าวบิดเบือนและหลบเลี่ยงเพื่อให้เกิดผลตามที่ "ลูกค้า" ต้องการได้เสมอ

หลักการง่ายๆ ที่นักข่าวช่อง 3 ใช้ก็คือการรายงานตัวเลขผู้ชุมนุมต่ำกว่าความเป็นจริง นำเสนอให้คนนอกมองเห็นภาพความรุนแรงของม็อบทั้งๆ ที่ในความเป็นจริงไม่เคยมีภาพเหล่านั้นปรากฏเลยแม้แต่น้อย รวมถึงการนำเสนอความยุ่งยากวุ่นวายที่เขาอ้างว่าเป็นผลพวงจากม็อบเช่น รถติด ของแพง เศรษฐกิจย่่ำแย่ โดยการเอาไมโครโฟนไปจ่อปากคนที่ไม่ได้เข้าร่วมม็อบว่าประสบปัญหาจากม็อบครั้งนี้อย่างไรบ้าง ทำให้คนอื่นๆ ที่ติดตามข่าวรู้สึกว่าต่อต้านม็อบครั้งนี้โดยไม่รู้ตัวว่ามีต้นเหตุจากข่าวที่ช่อง 3 นำเสนอ

ในขณะที่คนข่าวทำหน้าที่เอนเอียง คนละครก็เลือกที่จะเอียงไปอีกข้างแบบไม่ฟังมติของนายใหญ่ "ประชา มาลีนนท์" ผู้จัดละครช่อง 3 จำนวนมากตบเท้าเข้าร่วมม็อบครั้งนี้กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ตั้งแต่ครอบครัว "เปล่งพานิช" ทั้ง "ฉัตรชัย" และ "สินจัย" ที่เป็นขาประจำในการออกมาต้านนักการเมืองโกงชาติบ้านเมืองมาโดยตลอด ปัจจุบันแม้สองนกจะทำงานละครป้อนให้กับช่อง 3 อย่างเต็มตัวแต่ก็หาได้เกรงว่างานจะหดหายแต่อย่างใด ทั้งสองพูดเป็นเสียงเดียวกันว่างานกับชาติบ้านเมืองไม่สามารถแยกจากกันได้ เพราะถ้าประเทศล่มจม พวกเขาก็ไม่มีงานทำและก็ไม่มีอนาคตสำหรับตัวเองและลูกหลานเช่นกัน

“อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ วชิรบรรจง" พระเอกที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดละครที่ผลิตละครน้ำดีออกสู่สังคมมาแล้วมากมาย ก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ร่วมชุมนุมแถวหน้ามาโดยตลอด พงษ์พัฒน์เป็นคนที่ขึ้นไปพูดถึง "พ่อหลวง" บนเวทีประกาศรางวัลนาฏราชครั้งที่ 1 จนเป็นที่ฮือฮามาแล้ว ชื่อเสียงในด้านความจงรักภักดีและรักประเทศชาติของพงษ์พัฒน์นั้นเป็นที่กล่าวขวัญสำหรับคนในวงการมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อครั้งที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกมาชุมนุมเคลื่อนไหวขับไล่ทักษิณ พงษ์พัฒน์ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่กระโดดขึ้นเวทีพันธมิตรฯร่วมกับ "ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง" เพื่อนซี้ เมื่อความเคลื่อนไหวทางการเมืองเดินทางมาถึงจุดเปลี่ยนที่เข้มข้นในครั้งนี้มีหรือที่ขาประจำอย่างพงษ์พัฒน์จะนิ่งเฉย หลายคนเห็นร็อกเกอร์ที่กลายมาเป็นผู้จัดละครคนนี้ขี่มอเตอร์ไซค์คันโปรดไปร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุมคืนแล้วคืนเล่าแม้จะทำงานหนักมาตลอดทั้งวันก็ตาม

ทางด้านผู้กำกับละครมากฝีมือที่มีผลงานละครมาแล้วมากมาย เช่น คุณชายพุฒิภัทร ธรณีนี่นี้ใครครอง ทรายสีเพลิง อย่าง “ป้าแจ๋ว ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์" ก็ไม่นิ่งเฉยออกมาร่วมชุมนุมเป็นระยะๆ แถมยังประกาศตัวอย่างชัดเจนผ่านอินสตาแกรมว่าไม่สนับสนุนระบอบโกงชาติของทักษิณอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับ "ไก่ วรายุฑ มิลินทจินดา" ที่ออกมาร่วมชุมนุมตั้งแต่ตอนที่ยังต้าน พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ที่เวทีราชดำเนิน ไก่กับเพื่อนๆ ผู้จัดมานั่งโบกธงชาติไทยอย่างเปิดเผยแบบไม่เกรงกลัวว่าจะมีปัญหาต่อหน้าที่การงาน
นอกจากนี้ยังมีครอบครัว "แอนโฟเน่" ที่มีสองสามีภรรยา "จอห์นนี่" กับ "นก จริยา" ซึ่งเข้ามาเป็นหนึ่งในแกนนำผู้ชุมนุมในครั้งนี้ ปัจจุบัน "นก จริยา แอนโฟเน่" เป็นผู้จัดละครป้อนช่อง 3 มาแล้วมากมาย อาทิ แม่ยายที่รัก 365 วันแห่งรัก เมียแต่ง และเรื่องล่าสุดคือ สามี "นก จริยา" ทั้งร่วมชุมนุมทั้งประกาศจุดยืนผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กอย่างเปิดเผยชนิดที่ขัดกับนโยบายของช่องอย่างชัดเจน แต่ละครเรื่องล่าสุดของเธอที่มีโปรแกรมว่าจะต้องเข้าฉายในช่วงปลายปีที่ผ่านมาจนถึงต้นปีนี้ก็ยังคงได้รับการอนุญาตให้ฉายตามปกติไม่มีปัญหาอะไร

แม้ว่าทางผู้บริหารจะมีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับนักโทษชายทักษิณ แต่บรรดาผู้จัดละคร ผู้กำกับละคร ตลอดจนนักแสดงกลุ่มหนึ่งที่ทำงานให้กับช่อง 3 กลับไม่เกรงกลัวว่าการออกมาประกาศจุดยืนของพวกเขาจะส่งผลกระทบต่อหน้าที่การงาน ซึ่งถือได้ว่าต่างออกไปจากการชุมนุมทางการเมืองในอดีตทุกครั้งที่ผ่านมาที่คนซึ่งทำงานในที่สาธารณะโดยเฉพาะคนบันเทิงไม่กล้าแสดงตัวว่าคิดเห็นอย่างไรกับสถานการณ์ทางการเมือง ณ ขณะนั้น

ต้องถือว่าการกล้าออกมาแสดงจุดยืน ต่อต้านความคดโกงของผู้จัดละคร ผู้กำกับละครที่มีงานหลักๆ ให้กับช่อง 3 ในครั้งนี้เป็นการออกมาเปิดหน้าสู้อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองและวงการบันเทิงไทยเลยทีเดียว แน่นอนว่าสังคมไทยที่ชัดเจนว่าเสียงส่วนมากไม่ทนต่อระบอบโกงชาติของทักษิณเหมือนที่ผ่านมาย่อมจับตามองสถานีโทรทัศน์ช่องนี้เป็นพิเศษในฐานะที่ผู้บริหารและคนข่าวมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับตระกูลชินวัตร การที่อยู่ดีๆ บอร์ดผู้บริหารจะมีมาตรการที่ก่อกวนหรือขัดขวางการทำงานของผู้จัดละครกลุ่มนี้ย่อมเป็นเรื่องยากเพราะมีสายตาคนนับแสนคู่จับจ้องอยู่ การบอยคอตหรือใช้เกมทางจิตวิทยาใดๆย่อมไม่ง่ายเหมือนเมื่อครั้งที่แบนตัวเองของละครเหนือเมฆ 2 อีกต่อไปแล้ว

นาทีนี้เราต้องยอมรับว่าแม้ว่าเราจะมีสื่อเลวๆ ที่ทำหน้าที่สนับสนุนคนชั่วเพียงเพราะผลประโยชน์ที่ได้รับ แต่โลกก็ยังถ่วงดุลด้วยการมอบคนทำละครดีๆ ที่ไม่เพียงแต่ผลิตละครน้ำดีออกสู่สังคม(โดยไม่หวั่นเกรงแม้จะเคยถูกแบนมาแล้ว) แต่พวกเขายังกล้าหาญที่จะเปิดหน้าออกมาแสดงตัวว่าไม่ขอญาติดีกับนักการเมืองชั่วที่โกงกินบ้านเมืองอีกต่อไป งานนี้ใครจะอยู่ใครจะไปคงต้องดูกันยาวๆ ที่แน่ๆความดีไม่เคยพ่ายแพ้ถ้าไม่เชื่อลองดู
...............................................................

ที่มา นิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 224 วันที่ 18-24 มกราคม 2557








กำลังโหลดความคิดเห็น