แร็ปเปอร์ดัง “กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่” ระบายความรู้สึกหลังถูกแฟนเพจโพสต์ด่าคิดต่างเรื่องการเมือง รับเลือกข้างที่จะทะเลาะกับรัฐบาลไม่สนใครจะโกรธ-เกลียด ลั่นไม่เคยบล็อกคนเห็นต่างนอกจากพวกหมิ่นในหลวง เผยที่ผ่านมาทะเลาะกับพ่อที่เป็นเสื้อแดงประจำ
ถึงกับต้องโพสต์เฟซบุ๊กระบายความคิด-ความรู้สึกกันเลยทีเดียวในส่วนของแร็ปเปอร์คนดังอารมณ์ดี “กอล์ฟ ฟักกลิ้งฮีโร่” (ณัฐวุฒิ ศรีหมอก) เจ้าของเพลงฮิตที่หลายคนต้องเสียน้ำตาให้อย่าง “ราตรีสวัสดิ์” หลังถูกแฟนเพจหลายคนเข้ามาต่อว่าการแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการเมืองของตนเอง โดยเจ้าตัวเปิดเผยว่าตนเลือกข้างในการที่จะต่อสู้กับรัฐบาลกับสิ่งที่ตนเองเห็นว่าผิด ซึ่งหากใครจะเกลียดตน ไม่ติดตามผลงานของตนก็เป็นสิทธิ์ของอีกฝ่ายที่จะกระทำได้
“มีสมาชิกแฟนเพจผมหลายคนด่าผมเรื่องความคิดต่างเรื่องการเมือง อยากให้ทราบว่าการที่ผมทำอาชีพเป็นแร็ปเปอร์ไม่ได้แปลว่าผมจะหมดสิทธิ์แสดงออกว่าผมคิดแบบไหน นอกจากผู้ที่หมิ่นในหลวงแล้ว ผมไม่เคยบล็อกผู้เห็นต่างออกจากแฟนเพจนี้ ทั้งในความเป็นจริงผมแทบจะไม่อยากโพสต์เรื่องการเมืองลงในแฟนเพจหรือทำเพลงเกี่ยวกับการเมืองด้วยซ้ำ”
“เพราะโพสต์ทีไรคอมเมนต์ก็มีแต่คนเข้ามาด่ากัน และแนวคิดทางการเมืองล้วนเป็นเรื่องส่วนตัว ผมเลือกข้างครับ และผมจะยืนหยัดในสิ่งที่ผมคิด โดยไม่เบียดเบียนใคร ไม่สู้กับใครที่เป็นประชาชน ไม่ทะเลาะ ไม่ดูถูก ผมแค่จะสู้กับรัฐบาลในสิ่งที่ผมเห็นว่ามันผิด สิทธิ์ของทุกคนที่จะเกลียดหรือเลิกติดตามผลงานผม บล็อกผม และมันจะเป็นสิทธิ์ของผมที่จะแสดงออกและทำสิ่งที่เชื่อต่อไป หากวันนี้คุณคิดว่าเราถึงเวลาต้องจากกัน ..ยินดีที่ได้รู้จักครับ Peace up!!”
ทั้งนี้ก่อนหน้านั้นในวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา เจ้าตัวยังได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กบอกเล่าด้วยว่า ที่ผ่านมาตนเองมักจะมีความคิดทะเลาะกับผู้เป็นพ่อซึ่งเป็นหนึ่งในคนเสื้อแดงอยู่เป็นประจำด้วยความเห็นที่แตกต่าง กระทั่งเกิดเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างนักศึกษารามกับคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมที่สนามราชมังคลาฯ ในคืนวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมานั่นเองที่ทำให้ตนเองรู้สึกอะไรบางอย่างขึ้นมา
“พ่อผมเป็นเสื้อแดง เป็นคนที่ผมมักทะเลาะกันประจำในเรื่องการเมือง ความคิดเห็นไม่ตรงกันเลยทำให้เราไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไหร่ ความบังเอิญก็คือผมดันซื้อห้องให้พ่ออยู่ตรงรามคำแหง 63 ซอยที่อยู่ตรงข้ามสนามราชมังคลาชนิดว่าลากเส้นตรงไปถึงเลย ซื้อไว้ตั้งแต่ประเทศยังไม่มีเสื้อแดงด้วยซ้ำ พ่อผมเลยหลั่นล้ามาก ชุมนุมทีไรก็ใส่เสื้อแดงไปเยิ้วๆ ประจำ สถานการณ์ยิ่งหนักข้อผมยิ่งหักกับพ่อจนไม่ค่อยได้คุยกัน”
“จนเมื่อวานที่หน้ารามเริ่มรบกัน เริ่มมีคนเจ็บ เริ่มมีการเผา เริ่มมีคนตาย เริ่มมีการทำลาย ณ จุดนั้นห้องพ่อผมถือว่าอยู่ตรงกลางสนามรบ พลันใจผมก็ลืมเรื่องสีเสื้อไปหมดสิ้น ผมคิดแต่จะทำยังไงให้เอาพ่อผมออกมาอย่างปลอดภัยแค่นั้นเอง มีการปิดถนน ผมได้แต่บอกพ่อว่าห้ามออกมาเยิ้วเด็ดขาด ไม่ได้ขอในฐานะประชาชนผู้เกลียดทักษิณ แต่ขอร้องในฐานะลูกคนหนึ่ง”
“สุดท้ายเช้านี้พ่อผมก็ออกมาอยู่ห้องผมได้อย่างปลอดภัย ผมได้แต่นั่งคิดว่าเรากำลังมานั่งเกลียดอะไรกันอยู่ วันก่อนผมเกิดอุบัติเหตุเหยียบพื้นไม้ทะลุโดนไม้หนีบ ทุกคนแถวนั้นมาช่วยเอาขาผมออก มีป้าคนนึงบอกว่าเขาทำงานสาธารณสุขมาช่วยปฐมพยาบาล ตอนนั้นผมคิดว่าถ้าคนพวกนี้เป็นเสื้อแดงผมจะเกลียดพวกเขาหรือเปล่า เราคือครอบครัว เราคือคนไทย ..เราลืมอะไรกันไปหรือเปล่า?”