“ลูกนัท ธนัท ธนากิจอำนวย” ทายาทหมื่นล้านบริษัท โนเบิลฯ เปิดตัวสู้ระบอบทักษิณ ลั่นทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว เผยโดดร่วมม็อบตั้งแต่วันแรก ยอมไปกินนอนข้างถนนร่วมกับม็อบ พร้อมชนทุกประตู ประกาศให้พนักงานในบริษัทหยุดงานมาชุมนุมวันจันทร์ ร่อนจดหมายถึงลูกบ้านในเครือโนเบิลฯ เชิญร่วมชุมนุม เดือดต่อให้ยกโคตรทักษิณออกไปหมดประเทศไทยก็ไม่ดีขึ้นถ้าตำรวจยังเป็นแบบนี้ ต้องเปลี่ยนแปลงระบบใหม่ เรียกร้องขอให้ทุกคนออกมาชุมนุม ถ้าแพ้ยกประเทศให้มันไปเลย
เคยสร้างวีรกรรมขับรถชนเสื้อแดงที่มาชุมนุมปิดล้อมแยกราชประสงค์เมื่อปี 2553 จนโด่งดังไปทั่วประเทศกลายเป็นฮีโร่หน้าหยก ตอนนั้นใครก็พูดกันว่า “ลูกนัท ธนัท ธนากิจอำนวย” เป็นหลานของ “บอย ถกลเกียรติ วีรวรรณ” ซึ่งนอกจากจะเป็นหลานของบอยแล้ว ลูกนัทก็ยังเป็นทายาทหมื่นล้านของบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ยักษ์ใหญ่อสังหาริมทรัพย์ คนเดียวกับที่มีข่าวว่า “ผิง พิมพาภรณ์ ลีนุตพงษ์” แย่งกับ “แพง ขวัญข้าว เศวตวิมล” นั่นแหละ ที่วันนี้โดดลงมาร่วมชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณอย่างสุดตัวตั้งแต่วันแรกของการชุมนุม ไปไหนมาไหนห้อยนกหวีด และลงไปกินนอนข้างถนนร่วมกับม็อบ อยู่ร่วมกันทุกคืนโดยมีคุณพ่อ กิตติ ธนากิจอำนวย ให้การสนับสนุน พร้อมกับประกาศกร้าวว่า ไม่กลัวระบอบทักษิณ ไม่หวั่นกิจการเจ๊ง เพราะเชื่อว่าทำได้ดีได้ดี
ไม่เพียงแค่มาร่วมชุนนุมเท่านั้น ลูกนัทยังเป็นผู้นำทัพไปยังกระทรวงพาณิชย์ และวันนี้เวลา 16.00 น.ก็ได้ทำสติกเกอร์ “กบฏ 56” ไปแจกประชาชนย่านสยาม เพื่อเชิญชวนทุกคนไปร่วมชุมนุมในวันจันทร์นี้ เท่านั้นไม่พอในวันพรุ่งนี้ลูกนัทยังประกาศให้บริษัท โนเบิลฯ ของตนหยุดการทำงาน เพื่อให้พนักงานให้พนักงานได้ออกมาแสดงพลัง เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าอย่าไปกลัวและทุกคนต้องร่วมกันช่วยกัน เพื่อให้เป้าหมายล้มระบอบทักษิณสำเร็จ
เขาคือ “ฮีโร่หน้าหยก” ผู้ขับรถไล่ชนเสื้อแดงเมื่อปี 53
“พูดตรงๆ นะครับว่ามันก็คืออุบัติเหตุ แต่มันก็ค่อนข้างบังเอิญ คนอาจสงสัยว่ามันจะเป็นอุบัติเหตุได้ไงในเมื่อรถมันติดตรงนั้น ขอย้อนเหตุการณ์นิดนึงในช่วงนั้นกระแสการแบ่งแยกชนชั้นมันชัดเจนมาก และบังเอิญวันนั้นรถที่ผมขับราคาค่อนข้างแพงมีไฟสีเหลืองเป็นการตกแต่งส่วนตัวที่ผมชอบ มันมีรถมอเตอร์ไซค์กลุ่มผู้ชุมนปช.จอดขวางทาง แล้วมันมีช่องเล็กๆ ที่ผมไม่แน่ใจจะสามารถมุดผ่านไปได้ไหม ซึ่งถ้าผมผ่านตรงนั้นไปได้ก็เข้าบ้านได้เลย ก็เลยตัดสินใจมุดไปเลย วันนั้นซวยสะกิดมอเตอร์ไซค์ล้ม คนที่มาชุมนุมก็เลยมาล้อมทุบรถ ผมก็เห็นว่าไม่ไหวแล้วก็ขับรถหนี แต่ยิ่งหนียิ่งแย่ชนโน่นชนนี่ไปใหญ่ เลยเป็นเรื่องราวใหญ่โต พอตำรวจเข้ามาเคลียร์เราก็แจ้งเจ้าหน้าที่ว่าไม่มีใครเจ็บตัว และผมชดใช้ค่าเสียหายให้ทุกอย่าง ผู้ชุมนุมที่เสียหายก็ไปเคลียร์ที่โรงพัก ซึ่งทุกคนก็มาคุยสุภาพเรียบร้อย เหตุการณ์แฮปปี้จบลงด้วยดี”
จากทายาทหมื่นล้าน มากินนอนกลางถนนร่วมชุนนุม เพราะทนกับระบอบทักษิณไม่ไหว
“วันนี้ผมมาในฐานะประชาชนคนหนึ่งที่อยากจะเห็นสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับบ้านเมือง ผมมาชุมนุมที่นี่ตั้งแต่ที่สามเสนมีอะไรที่ช่วยได้ก็เข้าไปช่วยในทุกจุด วันนี้มันคงถึงเวลาแล้ว มันถึงจุดที่ทนไม่ได้ก็เลยมาร่วมเป่านกหวีดเรียกทุกคนออกมา ผมไม่เคยเป็นกลางผมต่อต้านมาตลอดตั้งแต่สมัยไหนแล้ว ผมทนไม่ได้กับระบอบทักษิณที่กัดกินทำลายประเทศมาเป็นเวลานาน ไม่ใช่แค่ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม แต่นโยบายต่างๆ นานาที่เขาทำมันทำให้ประเทศเสียหาย แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องเรื่อง พ.ร.บ.นิรโทษเป็นจุดคัทออฟไม่ไหวแล้วต้องลุกขึ้นมา มีคนถามผมว่าจะชนะไหม ผมตอบไปว่าถึงแพ้ก็ต้องออกมาสู้ สู้จนแพ้ก็ต้องมาสู้ ถ้าเราไม่ออกใครจะออก เราต้องเริ่มจากเราก่อน”
“ตอนออกมาแรกๆ ที่สามเสนผมก็ลงรูปในอินสตาแกรมเลย เพื่อนๆ ก็ถามว่าลงเลยเหรอ ผมคิดว่าถ้าเราไม่กล้าแล้วใครจะกล้า ถ้าเรากล้าจะได้มีคนกล้าทำตาม ทุกวันนี้ห้อยนกหวีดไปผับไปทานข้าวร้านอาหาร ผมห้อยนกหวีดเที่ยวเดโม่ยังมีคนมาขอเป่า ยกนิ้วให้ยูกล้า แต่จริงๆ ไม่ใช่ผมกล้าหรอก ทุกคนก็กล้าเหมือนกันทุกคนคิดออกเหมือนกันหมดแล้วตอนนี้”
“เวลามาม็อบส่วนใหญ่ผมจะออกมาตอนกลางคืน และอยู่ถึงเช้าที่กระทรวงการคลัง ออกมาช่วยแกนนำดูแลความเรียบร้อย บางวันมีเวลาว่างได้รับเกียติขึ้นไปพูดบ้าง กลุ่มธุรกิจสีลมผมก็ไปช่วยนำขบวนบางวัน เราทำหน้าที่อะไรที่ทำเป็นก็จะทำในทุกๆ ด้าน”
“ผมก็มากินมานอนที่นี่แหละครับ ผมนอนบนพื้นถนนเหมือนที่ทุกคนนอน แต่ส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้นอนหรอกครับ เพราะประชาชนที่มาจากต่างจังหวัดก็จะวิตกกังวลเพราะหลังๆ มีข่าวผู้ก่อการร้ายเราก็ต้องช่วยกันดูแล ทุกคนที่นี่เสียสละกันมาก การ์ดอาสามาเป็นเดือนบางคนมีกางเกงมาตัวเดียวแต่มาด้วยใจ จริงๆ การ์ดก็น่าจะมีเงินเดือนให้พวกเขาบ้าง เพราะเขามาเพื่อปกป้อง อาวุธก็ไม่มีแต่ต้องมาเผชิญหน้ากับอะไรก็ไม่รู้ ก็อยากเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ผมก็เลยมาร่วมอยู่ที่นี่ด้วย”
“ม็อบที่นี่ไม่มีอาวุธครับเพราะเราสันติ อหิงสา ไม่มีอาวุธเลย มีแต่รองเท้าผ้าใบ ใจสู้ๆ นกหวีด ธงชาติ เป็นอาวุธ ไม่เหมือนตอนปิดล้อมเซ็นทรัลเวิล์ดมันไม่ใช่สันติ แต่ของเรานี่ไม่มีอาวุธไม่มี ไม่งั้นจะยืนให้เค้าทำร้ายทำไม เราเคยคิดว่าจะซื้อชุดเกราะให้การ์ด แต่เห็นว่าผิดกฎหมายเพราะกลัวโจรเอาไปใช้ประโยชน์ เราก็เสียใจที่ช่วยอะไรไม่ได้ แต่การ์ดบอกไม่เป็นอะไรเอาวิทยุมาให้เขาอย่างเดียวดีกว่า เขาพร้อมจะเสียสละแล้วถึงมาอยู่ตรงนี้ ถ้าถืออาวุธแล้วทำให้มวลชนบาดเจ็บเขาชาพร้อม พร้อมกับคำว่าสันติอหิงสาอย่างแท้จิรง ตำรวจถึงต้องเปิดทางให้เราเมื่อตอนที่เราไปชุมนุมที่ต่างๆ”
ลั่นมาเพื่อล้มระบอบทักษิณ ไม่ได้มาเพื่อ “สุเทพ”
“ทุกวันนี้ประชาชนแตกแยกกันเกิดจากคนไม่กี่คนที่มีอำนาจเงิน อำนาจการเมืองเข้ามาแทรก ทำให้เกิดความแตกแยกในบ้านเมือง วันนี้ที่มาที่นี่เราได้เห็นคนที่เคยเป็นแดงเคยสนับสนุนทักษิณ เขาก็ได้มาเห็นมารู้ความจริงและกลับใจ เวทีนี้อาจมีแกนนำเป็นประชาธิปัตย์ ผมก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสีย ไม่มีใครอยู่ในพรรค พรรคประชาธิปัตย์ก็ต่อต้านระบอบทักษิณมาตลอดและมีความรู้ นาทีนี้มันไม่ใช่เรื่องพรรคการเมืองหนึ่งมากำจัดอีกพักการเมืองหนึ่ง แต่เป็นเรื่องที่แกนนำได้ออกมาพูดความจริงให้ประชาชนฟังมาโดยตลอด พยายามเล่าให้ประชาชนฟังจนกระทั่งล่าออกจาก ส.ส.มาเป็นประชาชนกัน และแบ่งปันความจริงให้คนได้ฟัง จนทุกคนเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่สงครามการเมืองแต่เราต้องลุกขึ้นมาปกป้องสิ่งที่ถูกต้อง มาสู้กับคนที่ไม่ประสงค์ดีกับประเทศชาติ กฎหมาย ไม่ประสงค์ดีกับพระมหากษัตริย์ ผมไม่ได้มาเพราะคุณสุเทพผมมาเพื่อปกป้องสิ่งเหล่านี้”
เผยเป็นผู้นำมวลชนไปกระทรวงพาณิชย์
“วันนั้นนำมวลชนจากศูนย์ราชการไปกระทรวงพาณิชย์ ผมอยู่บนรถมองไปไม่เห็นหางแถวเลย นั่นก็ว่าคนเยอะแล้วนะแต่พอเดินไปๆ ปรากฏคนเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ มีรถตามมีคนเดินเพิ่มระหว่างทางเรื่อยๆ พอถึงกระทรวงพาณิชย์เราขอคุยแบบใจๆ มาด้วยความถูกต้องมาอย่างถูกต้อง มาอย่างถูกกฎหมาย ข้าราชการออกมาต้อนรับ งานเราก็จบแล้ว พอมีข่าวมวลชนที่บชน.โดนยิงแก๊สน้ำตา โดนกระสุนยางบ้าง มีข่าวไรเยอะแยะมากมีข่าวทหารกัมพูชาออกมาด้วย มันมีข่าวออกมาเยอะมาก เราก็รวมใครมีรถกะบะที่พร้อมลุยก็ไปต่อ ผมก็ไปอยู่ข้างหน้าห่างกับตำรวจแค่เมตรเดียว”
“สิ่งที่ผมมองเห็นก็คือ เราก็กลัวเขา เขาก็กลัวเรา ผมก็ถามพี่จะกลัวอะไร คือเราอยู่ของเรา เรารู้แต่เขาไม่รู้ว่ามวลชนเราไม่มีอาวุธ แต่ถึงเราไม่มีอาวุธคนมาเยอะขนาดนี้ เราแค่วิ่งทับอย่างเดียวเขาก็เอาเราไม่อยู่แล้ว ที่ผ่านมามวลชนเสื้อแดงมีอาวุธมันน่ากลัว เขาก็คงอาจจะกลัวเรา แต่เราไม่มีอาวุธจริงๆ บางคนไม่เชื่อแต่เราไม่มีอาวุธจริงๆ”
“เวลาที่โดนยิงแก๊สน้ำตาเราก็ทนบ้างหลบบ้าง ถอยบ้างรบบ้างอยู่วันสองวัน ถ้าเราไม่รักสันติภาพก็ลุยแล้วแต่เราก็ยังทนยืนให้เขายิงแก๊สน้ำตาใส่ แต่ไม่ใช่ว่ายืนเฉยๆ นะครับเราก็โยนกลับไปบ้าง เราแฮบปี้ที่โดนคุณยิงมาก็โดนบ้าง พอเขาเปิดประตูให้เราเข้าไป ก็จะเห็นว่าเราสุภาพเข้าไปก็ช่วยเก็บขยะ หลังจากนั้นเราก็พักรบกันชั่วคราว เพื่อเฉลิมฉลองในกับพ่อหลวงของเรา”
“หลายคนพูดว่าทำไมเอาในหลวงมาเกี่ยว แล้วทำไมผมจะพูดถึงท่านไม่ได้ ก็ถ้าผมรักประเทศชาติก็แปลว่าผมรักในหลวง และการที่บอกว่าทำเพื่อในหลวงมันคือสุดยอดกำลังใจแล้ว พอเป็นวันพ่อก็หยิบไม้กวาดมาทำความสะอาดมาเฉลิมฉลองวันพ่อ”
แรงได้อีก! ปิดบริษัท โนเบิลฯ ให้หยุดงาน 1 วันเพื่อให้พนักงานออกมาชุมนุม พร้อมทั้งทำจดหมายถึงลูกบ้านโนเบิลฯทุกโครงการ เชิญชวนมาร่วมชุมนุมเพื่อประเทศชาติ นัดหมาย 8 โมงที่คอนโดโนเบิลฯ ซอยอารีย์
“ผมกับคุณพ่อคุยกันแล้วว่า เราต้องชัดเจนเราต้องประกาศชัดเจนจริงจัง จริงๆ แล้วเรามีจุดยืนด้านนี้ตลอด คนที่รู้จักจะรู้ว่าเราไม่เห็นด้วยกับทักษิณมาแต่ไหนแล้ว แต่ธุรกิจก็ต้องห่างไกลการเมือง แต่ตอนนี้มันไม่ใช่เรื่องธุรกิจเป็นเรื่องความอยู่รอดในอนาคตของประเทศ เป็นความรับผิดชอบของประชาชนคนหนึ่งที่ต้องออกมาเพื่อประเทศ”
“ตอนนี้หน่วยงานเอกชนทั้งหลายทุกคนเข้าใจก็เห็นด้วยและออกมาร่วมชุมนุม เราในฐานะผู้บริหารบริษัท โนเบิลฯ ขอหยุดงาน 1 วันจันทร์และเชิญชวนพนักงานทั้งหมดมาร่วมเดินขบวนด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็ตอบรับอย่างดี ตอนที่มีม็อบสีลมก็มีการประสานกับหน่วยงานของผมมาตลอด เวลามีกิจกรรมเป่านกหวีดช่วงพักกลางวันสีลมหรืออโศก คุณพ่อก็จะนำพนักงานพักเที่ยงไป ใครอยากไปก็ไปขึ้นรถไฟฟ้า ไปเดินขบวนที่ สตช.ออฟฟิศเราอยู่แถวเพลินจิต เราก็ไปสมทบตลอด เรามีจุดยืนมานานแล้วแต่ไม่ได้ประกาศชัดเจน ที่ไม่ประกาศเพราะไม่อยากจะได้เครดิต เราทำในฐานประชาชน”
“แต่วันนี้ต้องพูดเพราะทุกคนบอกไม่กล้ากลัวมีผลต่อธุรกิจ ผมกับคุณพ่อก็ขอพูดออกไปเลยว่า เรามีจุดยืนและอยากจะเชิญชวนให้ทุกคนเลิกกลัวซะ คนที่กลัวจะได้ไม่กลัว ทุกวันนี้ไม่มีคนกลัวแล้ว คนที่กลัวคือคนที่ทำผิด เราไม่ได้ทำผิดเราจะไปกลัวทำไม เขาสิต้องกลัว เราไม่กลัวอยากออกมาพูดให้ทุกคนฟังและเข้าใจ ขอให้เลิกกลัวและออกมา วันจันทร์นี้จะเป็นวันสุดท้ายแล้ว ก็อยากให้ทุกอย่างจบลง”
“ซึ่งวันนี้เวลา 16.00 น. ผมกับทุกคนก็ได้ทำสติกเกอร์ กบฏ 56 ไปแจกที่ย่านสยามเพื่อเชิญชวนให้ทุกคนออกมาพรุ่งนี้ และเชิญชวนลูกบ้านโนเบิลฯ ของเราออกมาร่วมชุมนุม เรามีข้อมูลของลูกค้าก็มีการส่งไดเรคเมล์เชิญชวนให้ทุกคนออกมา อันนี้ก็ขออนุญาตใช้ดาต้าเบตส่งหนึ่งครั้ง เพราะเป็นเรื่องสำคัญของประเทศชาติ เชื่อว่าทุกคนคงจะเห็นด้วย ผมก็ทำทุกวิธีมีคอนแทกต์อะไรก็แชร์กันหมด เฟซบุคอะไรก็แชร์หมด คนรู้จักกันก็ชวนให้ออกมา ไม่รู้จักกันก็ชวนให้ออกมา”
“เรามีคอนโดโนเบิลฯที่ซอยอารีย์ก็เลยจะนัดรวมพลที่นั่นวันจันทร์ 8 โมงเช้า ขอชักชวนพี่น้องชาวอารีย์ที่อาศัยอยู่ย่านนี้ ซึ่งเป็นลูกค้าเราอยู่เยอะ เราทำธุรกิจย่านนี้มีคอนโดขึ้นหลายแห่ง รวมตัว 8 โมงและเคลื่อนไปกระทรวงการคลัง เพื่อเวลา 9.39 น. จะร่วมกับขบวนใหญ่ พรุ่งนี้ผมจะอยู่ในรถปราศรัยเพื่อปลุกมวชน ส่วนคุณพ่อจะเดินอยู่กับประชาชน พรุ่งนี้เราจะอยู่ข้างประชาชนจนถึงวินาทีสุดท้าย”
ลั่นต่อให้ “ยกโคตรทักษิณ” ออกไป ถ้าไม่เปลี่ยนระบบประเทศก็ยังแย่เหมือนเดิม
“ตอนที่ม็อบมาทุกคนก็กลัวว่าจะมีผลกระทบเรื่องธุรกิจ แน่นอนมีผลกระทบแน่นอน ทุกวันนี้ผมเล่นหุ้นก็ขาดทุนเสียหาย ผมก็ขาดทุนส่วนตัวเยอะ บริษัทก็เสียดุลไปเยอะ ธุรกิจโรงแรมก็ซบเซาไปบ้าง ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เหตุผลทำไมต้องมีม็อบ เรายิ่งต้องออกมาเพราะชนะเมื่อไหร่จะได้ดีขึ้นเรื่อยๆ”
“บางคนเชื่อว่านักธุรกิจต้องเข้ากับทักษิณ ทักษิณช่วยมันไม่จริงนะ ที่ผ่านมาโนเบิลฯ ก็เป็นเบอร์ต้นๆ วงการนี้ เราก็ทำงานตรงไปตรงมาไม่เคยไปยุ่งกับนักการเมืองเลยแต่โชคดีที่ลูกค้าเชื่อมั่นเรา แน่นอนมันมีธุรกิจหลายอย่างที่ต้องพึ่งนักการเมือง มันเหมือนการตกทอง เราจะไม่เอาสิ่งนั้น ไม่ควรเป็นแบบนั้น เราต้องการคนที่จะมาพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง เราไม่อยากได้นักการเมืองแบบนี้อีกต่อไปแล้ว”
“ครั้งนี้ถ้าเราปฏิวัติเอาทักษิณยกโคตรยกตระกูลออกนอกประเทศไปหมด แต่ถ้าตำรวจยังเป็นแบบนี้ ประเทศก็ยังต้องเป็นแบบนี้ ฉะนั้นเราจะต้องเปลี่ยนแปลงเพื่อระบบใหม่ที่ดีกว่านี้ นักธุรกิจก็จะได้ทำธุรกิจส่งเสริมประเทศชาติได้ดีกว่านี้ ไม่มีนักการเมืองที่มีอำนาจมาคอนโทรลนักการเมือง และไม่มีนักธุรกิจคนไหนที่จะไปคอนโทรลนักการเมืองเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องได้เช่นกัน ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำ ชัยชนะครั้งนี้จะทำให้ทุกคนกลับเข้าไปทำหน้าที่ตัวเองอย่างแท้จริง”
ถ้าแพ้ยกประเทศให้มัน แต่มั่นใจในความดีต้องชนะแน่
“คุณสุเทพประกาศวันจันทร์เอาให้จบ เราก็พร้อมหยุดงาออกมาสู้โดยสันติอหิงสา รัฐบาลหมดความชอบธรรมไปแล้ว ศาลตัดสินไปแล้ว ก็พยายามโฆษณาว่ายังมีอำนาจอยู่ วันจันทร์นี้ขอให้มวลชนออกมาเพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่มีใครยอมรับคุณอำนาจคุณแล้วนะ อำนาจอยู่ในประชาชนแล้วนะ”
“ตอนนี้รัฐบาลหมดความชอบธรรมแล้ว อยากจะให้มวลชนออกมาเยอะๆ ต้องเยอะมากๆ ไม่งั้นก็แปลว่ายังมีคนที่พอใจให้รัฐบาลชุดนี้บริหารประเทศอยู่ ฉะนั้นต้องออกมาเยอะๆ เยอะมากกว่าเสียงที่เคยโหวตให้พวกเขา”
“ผมเชื่อว่าไม่เคยมีการชุมนุมที่ไหนยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ผมคุยกับผู้สื่อข่าวต่างประเทศมากมาย ทุกคนก็บอกไม่เคยเจออะไรขนาดนี้ ไม่รู้เหมือนกัน ผมเชื่อว่าคุณสุเทพมีศักดิ์มีเกียรติ ท่านพูดว่าวันสุดท้ายที่การันตีชัยชนะ ถ้าไม่ชนะจะเข้ามอบตัว แต่ไม่ได้แปลว่าประชาชนที่เหลือกูยอมเหรอ ถ้าท่านสุเทพมอบตัวก็อาจมีแกนนำใหม่ปลุกประชาชนต่อไป”
“ถ้าทุกคนยอมแพ้ยกประเทศให้มันดีกว่า แต่ผมไม่เชื่อ ผมเชื่อพลังมวลชน ผมเชื่อว่าทุกคนเห็นความจริงแล้ว ไม่งั้นไม่มาเยอะขนาดี้ ผมเชื่อในความดี คนเราทำดีต้องได้ดี ผมเชื่อว่าเราจะชนะ ”