คนบันเทิงรวมใจบอกรักพ่อหลวงของแผ่นดิน “แทค” ลั่นยอมตายแทนได้ ภูมิใจที่ได้เกิดเป็นลูกของในหลวง ด้าน “โบวี่” อยากตอบแทนพระองค์ด้วยการช่วยเหลือคนอื่นให้มากๆ “เนย โชติกา” มีคุณพ่อเป็นทหารจึงซึมซับเรื่องราวต่างๆ ของในหลวงมาตั้งแต่เด็ก บอกทุกวันนี้แม้พ่อของตนจะแก่แล้วแต่ก็ไม่ยอมลาออกจากการเป็นทหาร เหตุเพราะอยากรับใช้พ่อหลวง ส่วนตลกดัง “ตุ๊กกี้” หมั่นสวดมนต์นั่งสมาธิถวายเป็นพระราชกุศลต่อเนื่องมา 8 ปี หวังพระองค์ท่านมีพระพลานามัยแข็งแรง
เป็นวันที่คนไทยมีความสุขที่สุดอีกหนึ่งวัน สำหรับวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2556 ที่นอกจากลูกๆ ทุกคนจะได้แสดงความรักและความกตัญญูต่อพ่อผู้ให้กำเนิดแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งวันที่คนไทยจะได้แสดงความจงรักภักดีต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวงของปวงชนชาวไทย โดยในวาระพิเศษนี้ เหล่าคนบันเทิงได้น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมเปิดหัวใจถ่ายทอดความรู้สึกที่มีต่อพ่อหลวง เริ่มจากหนุ่ม “แทค ภรัณยู โรจนวุฒิธรรม” ที่แม้จะมีภาพลักษณ์แบดบอยแต่เจ้าตัวกลับเสียน้ำตาง่ายๆ กับทุกเรื่องราวเมื่อได้ทราบข่าวต่างๆ ของในหลวง และในปีนี้หนุ่มแทคก็ตัดสินใจสักรูปแผนที่ประเทศไทยและเลข ๙ ที่บริเวณหน้าอก เพื่อเตือนใจตนเอง
“ผมพูดเลยว่าชีวิตนี้ผมสามารถตายแทนพ่อหลวงได้ รู้สึกดีใจและภาคภูมิใจมากที่ได้เกิดเป็นลูกของพ่อหลวง เพราะว่าพ่อเป็นเหมือนต้นแบบทุกสิ่งทุกอย่างของผม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตและการดูแลตัวเองในทุกๆ ด้าน ดีใจมากเหลือเกินที่ได้เกิดบนแผ่นดินของท่าน เรื่องราวมันเกิดขึ้นจากตอนเด็กๆ ที่ผมดูข่าวพระราชสำนักทุกวัน ทำให้เรารู้ว่าท่านทำอะไรเพื่อเราบ้าง ทั้งลุยเขื่อน ไปป่า บุกดอย มันเป็นความผูกพันสะสมมาตั้งแต่เล็กๆ ผมอาจจะดูเป็นไม่ดีในสายตาคนอื่น แต่คำสอนของในหลวงที่ผมยึดประจำใจอย่างชัดเจนเลยคือการรู้รักสามัคคี การใช้ชีวิตแบบพอเพียง ทำความดีเพื่อคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน”
“ก็ไม่รู้นะครับว่ารักท่านมากเพราะอะไร รู้แต่ว่าท่านรักเรามากจริงๆ คนอาจจะคิดว่ามันเป็นคำสั้นๆ แต่มันเป็นคำที่ยิ่งใหญ่นะ ถ้าใครไม่รักในหลวงก็ไม่ควรจะเกิดและอยู่บนแผ่นดินไทย เรายืนกันอยู่ทุกวันนี้ได้ ที่เราทำมาหากินกันทุกวันนี้ได้ นอนกันอย่างมีความสุขก็เพราะมีพ่อของแผ่นดินอย่างท่าน และกษัตริย์รุ่นก่อนๆ ที่ทำให้เรามีผืนแผ่นดินให้ยืนแบบนี้ได้”
“ถ้าจะต้องสู้เพื่อพ่อหลวงแล้ว ให้ผมทำอะไรผมทำหมด ก็ต้องเอาให้สุด ถึงผมจะต้องเป็นอะไรไป ผมไม่เสียดายเลย เพราะเรารู้ว่าเรายืนอยู่ข้างความถูกต้อง เราทำเพื่อประเทศชาติ เราติดคำว่าช่างมันเถอะ จนมันเหลือฟางเส้นสุดท้ายแล้ว นี่คือมันถึงที่สุดแล้วเราจึงต้องออกมาแสดงพลัง ทุกๆ คนทำมาจากใจที่รักในหลวง เราจะรู้ว่าเราสู้และตายเพื่ออะไร ถ้าประเทศชาติเราผ่านพ้นวิกฤตไปได้ ผมอยากจะสู้เพื่อในหลวงทุกวิถีทางให้คนไทยกลับมารักกันเหมือนเดิม ท่านจะได้สบายใจ ผมว่าจบเรื่องนี้บ้านเมืองสงบสุข เลิกใส่เสื้อสีแดงสีเหลืองกันเลยดีกว่าครับ เพราะถ้าถอดเสื้อออกหมดแล้ว จริงๆ เราก็คือลูกๆ ของในหลวงแผ่นดินนี้ทุกคน”
ด้านสาว “โบวี่ อัฐมา ชีวนิชพันธ์” เผยถ้าเลือกได้ขอเป็นผู้ติดตามของพระองค์ท่านเพื่อรับใช้ถวายงาน บุกไปทุกที่ที่พระองค์ต้องการเสด็จฯไปช่วยเหลือประชาชนคนไทยที่เดือดร้อน
“โบรักพระองค์ท่านมากค่ะ ถามว่าอยากทำอะไรเพื่อพ่อหลวง จริงๆ ถ้าเลือกได้ในช่วงที่พระองค์เสด็จไปช่วยพสกนิกรตามที่ทุรกันดารต่างๆ โบอยากเป็นผู้ติดตามพระองค์ท่าน คอยเป็นมือขวาของท่าน เวลาท่านอยากจะไปช่วยพสกนิกรของท่านที่ไหน เราก็อยากจะคอยติดตามท่านไป อยากจะเป็นตัวแทนของท่านไปช่วยพสกนิกรของท่าน อยากถวายงานรับใช้ท่าน คอยอ่านจดหมายที่พสกนิกรเขียนมาถึงท่านที่วัง ถ้าท่านอยากให้ไปช่วยที่ไหนโบก็อยากจะเป็นคนจัดการงานแทนท่าน”
“เด็กรุ่นใหม่ๆ แบบโบโตมาในช่วงที่ในหลวงท่านเลิกทรงงานแล้วในที่ลำบากๆ เราไม่ค่อยรู้เรื่องในช่วงเวลานั้น ก็จะรู้จากตามทีวีตอนเด็ก เวลาเรียนหนังสือจนมาได้เล่นหนังเรื่องม้ง สงครามวีรบุรุษ ทำให้เราเปลี่ยนความคิดว่า เรารู้จักในหลวงแค่ผิวเผินมาก เรารู้จริง แต่เราไม่รู้ลึก พอรู้แล้วเราอิจฉาชีวิตพวกเขาจังเลยที่ได้มีช่วงเวลาประทับใจถึงท่านขนาดนั้น”
“ตอนนั้นโบได้ไปถ่ายทำที่สถานที่จริงคือเขาค้อ ได้มีโอกาสพูดคุยกับชาวม้งจริงๆ ชาวม้งเขารักในหลวงมาก เพราะในหลวงทรงมีพระเมตตากับพวกเขา ชาวม้งเขาถูกไล่มาจากจีนแล้วมาอาศัยอยู่ในชายแดนประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย เป็นต่างด้าว ท่านก็มาช่วยให้เขาเป็นคนไทยจากที่ไม่มีแผ่นดินจะอยู่ เป็นคนไม่มีสัญชาติ ท่านก็เมตตาให้สัญชาติ ให้ที่อยู่ที่กินที่อาศัย สร้างอาชีพให้งานกับพวกเขา มันทำให้เราซึมซับและรู้สึกประทับใจท่านมาก ทำให้ความรู้สึกที่มีต่อในหลวงจากที่เรามีอยู่ก่อนแล้วเพิ่มมากขึ้น โบคิดว่าถ้าโบได้ช่วยถวายงานท่านคงจะมีความสุขมาก เพราะขนาดเราไปสัมผัสที่นั่นเรายังมีความสุขเลย ซึ่งหลังจากจบหนังเรื่องนั้น มันทำให้เวลาเห็นคนลำบากแล้วเราอยากจะช่วยเหลือเขา ช่วยแบบไม่คิดหวังผลตอบแทนอะไรเหมือนกับที่ท่านให้กับพวกชาวม้ง”
เห็นภาพลักษณ์สาว “เนย โชติกา วงศ์วิลาศ” เป็นนางร้ายสุดเปรี้ยว แต่ด้วยคุณพ่อเป็นทหารจึงได้ซึมซับเรื่องราวต่างๆ ของในหลวงจากพ่อ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่ครอบครัวตนยึดถือปฏิบัติ บอกทุกวันนี้แม้พ่อของตนจะแก่แล้วแต่ก็ไม่ยอมลาออกจากการเป็นทหารเหตุเพราะอยากรับใช้พ่อหลวงของแผ่นดิน
“ถึงเนยจะไม่ได้ใกล้ชิดพ่อหลวงโดยตรง แต่เนยได้มีโอกาสสัมผัสเรื่องราวของท่านมาทั้งชีวิตจากพ่อของเนย พ่อเนยเป็นทหาร เมื่อไม่กี่ปีก่อนพ่อเนยย้ายไปประจำการที่นราธิวาส ตอนช่วงที่เขาเผาเมืองกัน พ่อเขารับไม่ได้ที่คนไทยมาทำกับแผ่นดินแบบนี้ วันที่พ่อไปเนยร้องไห้เลยนะ เราก็กลัวและไม่เข้าใจว่าทำไมต้องไป พ่อเองก็แก่แล้ว แต่เขาก็ดื้อเขาอยากไปลองดู ไม่ลำบากหรอกเพราะเขาอยู่หน่วยโรงพยาบาล ช่วงนั้นเราก็ดูทีวีตลอด ติดตามข่าวกลัวไง ก็เห็นเขาในทีวีแว๊บๆ ก็โทร.ไปหาเขาทันที เราเป็นห่วง เขาก็ทำได้พักนึงทนกระแสลูกห้ามไม่ไหว ก็เลยย้ายกลับมาที่ปราณบุรี มาเป็นครูฝึกทหารอีกที จริงๆ เราอยากให้เขาออกจากราชการแล้วด้วยซ้ำเพราะเราอยากให้เขาพัก แต่พ่อก็ดื้อ ท่านอยากทำงานรับใช้พ่อหลวง พ่อบอกทุกวันนี้ทหารไม่พอนะ”
“บ้านเนยใช้ชีวิตดำเนินตามรอยคำสอนของพ่อหลวงมาตลอด เนยเห็นมาตั้งแต่เด็ก บ้านเนยอยู่กันแบบเศรษฐกิจพอเพียง เราเองก็คนรุ่นใหม่เนอะ มีบ้านอยากปลูกบ้านสวยๆ ดอกไม้สวยๆ แม่ก็จะบ่นว่าต้นไม้อะไรแพงก็แพง รกเกะกะทำประโยชน์อะไรไม่ได้ สวยอย่างเดียว แล้วแม่ก็เอาตะไคร้มาปลูกให้แทน ที่บ้านต่างจังหวัดเนยปลูกฝรั่งต้นเตี้ยๆ แต่ลูกใหญ่มาก อร่อยด้วย ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่พ่อและแม่เลยทำตามคำสอนของพ่อหลวง ซึ่งพอเรากลับไปเรารู้สึกว่ามีความสุขมากเลย ผิดกับบ้านที่กรุงเทพของเรา มีแต่ดอกไม้สวยๆ แต่ไม่มีอะไรที่ทานได้สักอย่าง เนยก็จะซึมซับตรงส่วนนั้นมาบ้าง ก็ถือว่าเป็นความโชคดีของเนย ที่ยังถือว่าได้สัมผัสท่านใกล้กว่าคนรุ่นๆ เดียวกันบ้าง”
“พ่อหลวงก็เหมือนพ่อเราอีกคนนึง เหมือนเป็นพ่อของพ่ออีกทีที่พ่อรักและเคารพพูดถึงตลอด ก็อยากเห็นท่านพักบ้างเหมือนที่เราก็อยากให้พ่อเราพักบ้างเลย ซึ่งพ่อจะพูดตลอดว่าพ่อจะพักยังไง ในหลวงท่านยังไม่ยอมพักเลย ท่านยังทรงงานตลอดแม้จะอายุ 80 กว่าแล้ว ก็คงเป็นไปไม่ได้เหมือนพ่อเนยนี่แหละ เราอยากให้พ่อเราสุขภาพแข็งแรงยังไงก็อยากให้ท่านเป็นอย่างนั้น ไม่อยากให้พ่อหลวงคิดมาก รู้ว่าท่านเป็นหวงลูกๆ พอมีเหตุการณ์ไม่ดีเราก็จะคอยแอบถามพ่อตลอดว่าพ่อหลวงเป็นยังไงบ้าง พ่อก็จะบอกเนยว่าใครทำดีก็ได้ดีนะ ใครทำไม่ดีก็ได้ไม่ดี ไม่ต้องกลัวว่าจะได้เห็นกันชาติหน้า ชาตินี้แหละ ไม่ต้องไปวิ่งเต้นอะไร แค่ปฏิบัติตนเป็นคนดีก็เพียงพอแล้วสำหรับการเป็นลูกพระองค์ท่าน”
ส่วนตลกสาว “ตุ๊กกี้ สุดารัตน์ บุตรพรหม” ขอบำเพ็ญเพียรสมาธิถวายเป็นพระราชกุศลให้พระองค์ทรงพระพลานามัยแข็งแรง โดยตลกสาวทำแบบนี้มาเป็นเวลานานเป็นเวลา 8 ปีแล้ว
“ตุ๊กกี้ขอบำเพ็ญเพียรด้วยการสวดมนต์นั่งสมาธิถวายเป็นพระราชกุศลให้ในหลวง อยากเห็นท่านมีพระพลานามัยที่แข็งแรง แต่ก่อนเราจะได้ยินคำว่าทำความดีถวายในหลวง เราไม่รู้หรอกว่าเราจะทำอะไรดี รู้แต่ว่าเราทำอะไรได้เราก็จะทำ ก็พยายามเป็นคนดีของสังคม จนเมื่อ 8 ปีก่อนช่วงที่ในหลวงเข้าโรงพยาบาลใหม่ๆ เราจะได้ยินคนพูดกันว่าสวดมนต์ถวายเป็นพระราชกุศล แล้ววันนึงบูบู้ (กําธร โพธิ์น้ำคํา แฟนหนุ่ม) พาไปสวดมนต์ นั่งสมาธิถวายในหลวง เรารู้สึกแฮปปี้ มีความสุขมาก หนึ่งคือเราเองก็สุข แล้วเรายังได้ส่งผลบุญที่เราทำดีให้กับท่านได้ด้วย”
“เรารู้สึกมันสุขที่ใจ มันเป็นการทำความดีที่ง่ายมากๆ ด้วยความที่ตุ๊กกี้ชอบทำบุญ ทำบุญที่ไหนก็จะแวะสวดมนต์นั่งสมาธิและก็ส่งผลบุญถวายเป็นพระราชกุศลแบบนี้มาตลอด 8 ปีแล้ว บู้จะรักในหลวงมาก เขาไปสักคำว่า We love the King บางทีถ้าเราว่างเราก็จะไปวัดที่ไกลๆ กัน คือเราตั้งใจทำเต็มที่เพื่อให้ผลบุญดีของเรานี้ส่งถึงท่านได้อย่างเต็มที่ ก็คิดว่าเราไม่ได้ใกล้ชิดท่านเท่าไหร่ แต่เราขอพรจากเทวดาส่งถึงท่านได้ ถ้าคนในชาติร่วมแรงร่วมใจอธิษฐานตุ๊กกี้เชื่อว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นจริง”
“พอมีเรื่องอะไรไม่ดีกับบ้านเมืองเราก็เป็นห่วงและแคร์ความรู้สึกของท่าน เราก็ยึดที่ตัวเองว่าเราเองยังใจไม่ดี ไม่สบายใจ แล้วท่านล่ะ คนที่เป็นพ่อของแผ่นดินท่านจะรู้สึกยังไง ถ้าเปรียบประเทศไทยเป็นครอบครัว ลูกทะเลาะกันตีกันคนเป็นพ่อเป็นแม่เครียดนะ ลูกท่านมาก หลายคนมีความคิดต่างกัน ตุ๊กกี้ก็คงทำได้แค่เพียงอธิษฐานจิตให้คนไทยกลับมาเป็นเนื้อเดียวกัน มีจิตใจรักชาติ รักพ่อหลวง ปฏิบัติตนเองโดยที่ไม่เอาเปรียบกันและกันประเทศไทยเรา บ้านของเราจะได้กลับมาน่าอยู่ พ่อหลวงของแผ่นไทยก็จะได้มีความสุขด้วย”