“จา” หายจ้อย! ไม่มาเปิดตัว “ต้มยำกุ้ง 2 3D” ด้าน “ปรัชญา” คาดคงเพราะกำลังมีปัญหาเรื่องสัญญากันอยู่ พร้อมเผยสัญญาเป็นสัญญาต่ออัตโนมัติ 10 ปี โดยที่จาไม่ต้องเข้ามาเซ็นก็ได้ ยันทางค่ายแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไปแล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ตัวจาที่ไม่อยากต่อแล้วไม่ยอมมาแจ้งเสี่ยเจียง แต่กลับใช้วิธียื่นโนติสมาแทน ยันค่ายให้ค่าตอบแทนมหาศาล
ยังไม่จบง่ายๆ สำหรับปัญหาบาดหมางกันเรื่องสัญญาระหว่าง “จา พนม ยีรัมย์” กับสหมงคลฟิล์ม ล่าสุดทางด้านของหนุ่มจาได้ร่อนจดหมายชี้แจงเรื่องการต่อสัญญากับสหมงคลฟิล์ม โดยยืนยันว่า ตนเองไม่ได้ต่อสัญญาตามที่ “เสี่ยเจียง สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ” แถลงข่าว พร้อมแฉที่ผ่านมามีหนังต่างประเทศติดต่อมาหลายเรื่องแต่สหมงคลฯ ไม่ให้ไปเล่น ต่อมาเป็นทางด้านของ “นางวรรณา สุรวิทยานนท์” แม่ยาย จา พนม ก็จัดอีกดอกออกโรงเปิดสัญญาที่จาเซ็นกับสหมงคลฯ เมื่อ 10 ปีที่แล้วให้ดูกันจะๆ ว่าได้เงินเดือนละ 5 หมื่นเปอร์เซ็นหนังแล้วแต่ค่ายจะจ่าย ไม่ใช่ได้ผลตอบแทนมหาศาลอย่างที่เสี่ยเจียงพูด ทั้งยังยืนยันว่าจาไม่ได้ต่อสัญญาอย่างแน่นอน
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้(19 ก.ย.) ได้มีงานแถลงข่าวเปิดตัว “ต้มยำกุ้ง 2 3D” ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งหลายคนคาดหวังว่าพระเอกนักบู๊จะเดินทางมาร่วมงานด้วยในฐานะพระเอกของเรื่อง แต่ปรากฏว่ากลับไร้เงา จา พนม มีเพียง “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” และ “พันนา ฤทธิไกร” เท่านั้นที่มาร่วมงาน โดยพันนาในฐานะครูคนแรกของจาได้เผยว่า ตนติดต่ออีกฝ่ายไม่ได้นานแล้ว ทั้งที่ตอนถ่ายหนังยังคุยกันดีๆ อยู่เลย
พันนา : “ช่วงหลังๆ ติดต่อเขาไม่ได้เลย ตอนถ่ายทำก็ยังคุยดีกันตลอด ตอนนี้ติดต่อเขาไม่ได้ก็ไม่ทราบว่าเขาไปอยู่ที่ไหน ถ้าได้เจอเขาก็อยากบอกว่ามันมีความจริงอยู่ ก็เอาความจริงที่สุดออกมาคุยกันก็แล้วกัน”
ด้าน “ปรัชญา” บอกไม่รู้เหตุผลว่าทำไมวันนี้ “จา” ไม่มาร่วมแถลงข่าว ส่วนวันเปิดตัว “ต้มยำกุ้ง” 23 ต.ค.นี้ ก็ไม่ฟันธงว่าจาจะมาหรือไม่ แต่ตามสัญญาต้องมา
“นอกงานผมไม่ค่อยได้คุยเล่นกับเขาอยู่แล้ว ก็เลยไม่ทราบว่าทำไมเขาไม่มาวันนี้ ก็คงต่อเนื่องจากเรื่องสัญญาที่มีปัญหากันอยู่ ที่มองกันคนละมุม รอบสื่อมวลชนจะเจอเขาไหม ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน รับปากไม่ได้ แต่ในสัญญามันก็มีระบุว่าต้องมาร่วมโปรโมทหนัง (ถือว่าผิดสัญญาไหม?) ไม่ทราบครับ”
“ถามว่าจะมีปัญหาเรื่องการโปรโมทไหม ผมนึกไม่ออกเหมือนกันว่ามันจะส่งผลทางบวกและลบยังไง บางคนมองว่ายิ่งเป็นปัญหาคนยิ่งสนใจ บางคนมองปัญหาเยอะฉันยิ่งไม่สนใจ ก็หวังตัวหนังจะเป็นแรงดึงดูดให้คนตามมาดูกันได้บ้าง วันโปรหนังถ้าไม่มีจา..สำหรับผมตัวหนังสำคัญกว่า ถ้าได้เขาไป แต่ไม่ได้หนังฉายยากกว่า ไม่มีเขาไปโปรโมทก็คงไม่เป็นไร”
ส่วนเรื่องฟ้องร้อง “จา” เจ้าตัวบอกคงต้องคุยกันอีกที
“คงต้องคุยกันอีกที ตอนที่เรารู้ว่าเขาจะเล่นหนังเรื่อง fast7 เราดีใจกันมาก แม้เราจะไม่เคยรู้มาก่อน แต่ก็อยู่ในฐานะคู่สัญญาด้วยกัน เรายินดีและเตรียมแถลงข่าวว่าเขาจะไปเล่น จนมามีเรื่อง แต่ทุกวันนี้เราก็ยังยินดี แต่มันก็ช่วยไม่ได้ที่เขามองเรื่องสัญญาเป็นอีกแบบ เรื่องนี้ไม่มีใครถูกใครผิด แต่สุดท้ายในเมื่อต้องยุติมันก็คงต้องยุติ”
เมื่อถามว่านอกจากเรื่องสัญญาแล้ว ส่วนตัว “ปรัชญา” ได้มีปัญหาอะไรกับ “จา” หรือไม่? ผู้กำกับคนดังก็ยอมรับว่าจริงๆ แล้วมีปัญหากันมาตลอดตั้งแต่แรก
“เรื่องของจามันมีปัญหามาโดยตลอดตั้งแต่แรกแล้ว จนมันผ่านช่วงเสียในที่สุด ผ่านช่วงที่ให้อภัยกันมาแล้ว มาถึงตอนนี้ผมเฉยๆ มากๆ จะบวกจะลบอะไรเข้ามาไม่มีผลกระทบอะไรกับผมแล้ว มันมีมาตั้งแต่แรกแล้วตอนที่เสร็จต้มยำกุ้งใหม่ๆ แต่ไม่ได้มีข่าวหลุดออกมา เราก็คลี่คลายด้วยการให้หนังเขาทำ”
“ตอนนั้นที่มีหนังเรื่ององค์บาก นั่นคือวิธีประนีประนอมที่สามารถทำให้เราทำงานด้วยกันได้ ซึ่งมันก็ผ่านช่วงนั้นมาแล้ว เป็นช่วงเวลาที่ผมเสียใจมากที่สุด กับเรืิ่องนี้ผมเฉยๆ นะ เพราะมันผ่านจุดสูงสุดมาแล้ว และก็ผ่านช่วงที่ให้อภัยเขามาแล้ว อย่างพอมาร่วมงานกันในครั้งนี้ทุกอย่างก็โอเคไม่เป็นปัญหา”
“สิ่งที่เสียใจคือเขาไม่รู้สึกถึงสิ่งที่พวกเราสร้างกันมา ถ้าเขาสมบูรณ์แบบมาแล้ว พอช่วงเวลาหมดสัญญาเขาอยากจบก็จบกันไป แต่นี่เราเองก็สร้างเขามาเหมือน ถ้าเสี่ยเขาไม่เชื่อในตัวจา เขาก็ไม่กล้าจะลงทุนกับจาหรอก เขาอาจจะคิดว่าที่ผ่านมาเขาชดเชยมาพอแล้ว มันน่าจะไปด้วยกันได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมันเป็นเรื่องของผลประโยชน์ที่ไม่คุยกันให้ลงตัว ปัญหาทุกครั้งส่วนใหญ่ที่ผ่านมาก็เป็นปัญหาเรื่องของมือที่สามตลอด”
“ตัวเขาเองมีคนเข้ามาหาเขาเยอะอยู่แล้ว และเข้ามาหลายรูปแบบ แล้วเขาก็หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ แต่ครั้งนี้เขาคงคิดว่ามันน่าจะใช่ จริงๆ แล้วครั้งนี้มันเป็นเรื่องของสัญญาไม่ใช่เรื่องของการไปเล่นหนัง เรื่องหนังมันเป็นสิ่งที่เกิดก่อนจะมีปัญหา ปัญหาคือเขาไม่อยากจะต่อสัญญา ด้วยเผอิญมันเป็นช่วงของการต่อสัญญาพอดี แต่เขาไม่อยากต่อ แล้วเขาก็ไม่เข้ามาเคลียร์ อย่างจีจ้าเองที่เซ็นสัญญาพร้อมเขาก็เข้ามาคุยว่าขออิสระนะ เสี่ยเขาก็ไม้ได้ว่าอะไร เขาใจกว้าง ถ้าเข้ามาคุยกับเขาตรงๆ ด้วยสัญญามันเป็นสัญญาต่ออัตโนมัติ โดยที่เขาไม่ต้องเข้ามาเซ็นก็ได้ เราก็แจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรไป ซึ่งอายุมันก็เป็นเวลา 10 ปี ถ้าจะไม่มาต่อก็ต้องแจ้งมา ก็เขาหายไปไม่ติดต่อ อยู่ๆ ก็ยื่นโนติสมา”
พร้อมกันนี้ “ปรัชญา” ยังแย้งกรณี “จา” และแม่ยายออกมาเผยว่าได้ค่าตอบแทนไม่เป็นธรรม แค่เดือนละ 5 หมื่น แต่ “เสี่ยเจียง” กลับบอกว่าได้มหาศาล โดยผู้กำกับคนดังบอกแม่ยายเพิ่งเข้ามาในชีวิตจาแค่ 4 ปี แต่ก่อนหน้านี้เสี่ยให้จาเยอะแล้ว
“ผมได้อ่านสัมภาษณ์แม่ยายแล้ว ซึ่งเขามาในช่วง 4 ปีหลัง ที่ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้อะไร เสี่ยเองก็ให้เขามาเยอะแล้วก่อนหน้านี้”
คิดว่าเรื่องราวทั้งหมดจะจบด้วยการเจรจาหรือการฟ้องร้อง?
“ผมอยากให้เรื่องนี้จบด้วยการที่เขาไปเล่นหนังเมืองนอก และเราควรจะทำงานด้วยกัน ผมว่าเราเข้าขากันนะ พันนาก็เหมือนพ่อของเขา ส่วนตัวผมแล้วผมไม่ซีเรียส ถ้าเขาไม่อยากจะร่วมงานกับผมก็ไม่เป็นไร ผมทำงานกับเขามาจนผมมองออกว่าอย่างไรจะไปได้ด้วยดี ฝีมือเขาไปในระดับฮอลลีวูดได้อยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไรในอนาคต”
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |