โดย : บอน บอระเพ็ด(skbon109@hotmail.com)
ดนตรีคันทรีคือหนึ่งในความภาคภูมิใจของอเมริกันชน
นั่นจึงไม่แปลกที่ในชาร์ตเพลงอเมริกันที่ยึดครองกระแสตลาดเพลงโลก จะมีศิลปินคันทรีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นไปสร้างชื่ออยู่ไม่สร่างซา
เรียกว่าพอรุ่นเก่าไปก็มีรุ่นใหม่ๆขึ้นมาแทนที่
สำหรับ “เลดี้ แอนเทเบลลัม” (Lady Antelbellum) ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา(นับแต่มีอัลบั้มแรกในปี ค.ศ. 2008) พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงล้น คว้าไปทั้งเงินทอง ชื่อเสียง และกล่อง กวาดรางวัลทางดนตรีไปหลายรางวัล โดยเฉพาะรางวัลแกรมมี่ คว้าไปถึง 7 รางวัล
นับว่าไม่ธรรมดาเอาเสียเลยสำหรับบวงดนตรีวงนี้
เลดี้ แอนเทเบลลัม เป็นวงทริโอลุคอเมริกันแบนด์จากแนชวิลล์เมืองหลวงเพลงคันทรี ประกอบด้วย 1 สาว 2 หนุ่ม คือ ฮิลลารี สก็อตต์(Hillary Scott) : ร้องนำ/ร้องประสาน, ชาร์ล เคลลี่(Charles Kelley) : ร้องนำ/ร้องประสาน และเดฟ เฮย์วู้ด(Dave Haywood) กีตาร์/เปียโน/แมนโดลิน/ร้องประสาน
มาวันนี้เลดี้ แอนเทเบลลัม ส่งอัลบั้มชุดใหม่ออกมา คือ “Golden”(2013) ซึ่งถือเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 (ไม่นับผลงานเพลงชุดพิเศษ “On This Winter's Night” ปี 2012 ที่เป็นการนำเพลงคริสต์มาสคลาสสิกมาร้องเล่นใหม่ในสไตล์ถนัดของพวกเขา)
อัลบั้มชุดนี้มี“พอล วอร์ลีย์”(Paul Woriey) เป็นโปรดิวเซอร์ร่วมกับทางวงเหมือนเดิม ซึ่งแทบจะมองตาก็รู้ใจ เพราะหมอนี่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับเลดี้ แอนเทเบลลัมมาตั้งแต่ชุดแรกแล้ว
Golden มีทั้งหมด 12 เพลง เริ่มกันด้วย “Get To Me” แทรคเปิดอัลบั้ม เป็นคันทรีป็อบจังหวะปานกลาง กีตาร์เล่นโน้ตไม่กี่ตัวนำมา แต่ชัดเจนในทางคันทรี ตามด้วยเสียงใสๆติดขึ้นจมูกของฮิลลารี โดยไม่พลาดที่จะมีเสียงร้องประสานขานรับของนักร้องชาย ซึ่งเป็นทางเด่นของวงนี้ที่สามารถผสานเสียงร้องของชายหญิงได้อย่างลงตัวน่าฟัง
ต่ออารมณ์กันกับ “Goodbye Town” ป็อบร็อกรสละเมียด ชาร์ลร้องนำ โดยมีเสียงใสๆของฮิลลารีสอดประสานในบางช่วง จากนั้นเป็น“Nothin' Like The First Time” เน้นอะคูสติกเป็นเสียงนำ ฮิลลารี ร้องในทางเพลงป็อบร่วมสมัยฟังน่ารักไปอีกแบบ ขณะที่เสียงฝ่ายชายของชาร์ลนั้นร้องติดกลิ่นลูกทุ่ง ทั้งคู่ผลัดกันรับส่ง ประสาน ได้อย่างกลมกลืน เนียนมาก
“Downtown” ซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้ม มาในอารมณ์โจ๊ะๆ เป็นคันทรีป็อบฟังติดหู ไม่แปลกที่จะขึ้นไปครองอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงคันทรีหลังจากส่งออกมา
ต่อด้วย “Better Off Now (That You're Gone)” เป็นเพลงที่หนักที่สุดในอัลบั้มมาในทางร็อกเร็วๆ โจ๊ะๆ กีตาร์ตีคอร์ดพ่วงเอฟเฟคแตกนิดๆเปิดเพลง ก่อนที่ในช่วงท่อนร้องจะผ่อนน้ำดีกรีลงมาหน่อย เพลงนี้ชาร์ลร้องนำเป็นพระเอก
“It Ain't Pretty” เป็นบัลลาดเพลงช้าๆหวานซึ้ง ฟังละเมียดไพเราะ ฮิลลารีส่งเสียงใสๆไปในทางป็อบมากกว่าคันทรี
“Can't Stand The Rain” บทเพลงเนื้อหาดี พูดถึงยามเรามีทุกข์ยังมีญาติผู้ใหญ่เป็นที่พึ่ง ส่วน“Golden”เป็นอีกหนึ่งเพลงหวานช้าของชุด เน้นซุ่มเสียงอะคูสติก เสียงร้องขึ้นจมูกนิดๆของชาร์ลช่วยเติมรสความเป็นคันทรีได้ดีทีเดียว
“Long Teenage Goodbye” เนื้อหาพูดถึงการอำลาช่วงชีวิตวัยรุ่น จบไฮสคูล แยกย้ายจากกันไป ดนตรีมีความเป็นคันทรีที่เข้มที่สุดในอัลบั้ม ส่วน “All For Love” มาในทางป็อบฟังสบายๆ ขณะที่ “Better Man” มาในทางโฟล์คแทรดดิชั่น เจ๋งไม่เบา
ปิดท้ายกันด้วย “Generation Away” บทเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสังคมการเมือง ภาคดนตรีค่อยเพิ่มดีกรีความหนักขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ทำออกมาได้เท่และฟังติดหูดีทีเดียว
จบไปแล้วกับ 12 เพลงจากชุดใหม่ของวง ซึ่งในชุดนี้สมาชิกทั้ง 3 ต่างมีบทบาทในการร่วมแต่งเพลงเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเนื้อเพลงเขียนบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ชีวิต และวิถีของคนหนุ่มสาวร่วมสมัย โดยมีเพลงเกี่ยวกับสังคมการเมืองแซมพ่วงมาในเพลงสุดท้าย นับเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการของวง
สำหรับภาคดนตรีนั้น ชุดนี้ลดดีกรีความเป็นร็อกจากชุดที่แล้ว(Own the Night) มาเป็นคันทรีร่วมสมัยที่ผสมความเป็นป็อบลงไปได้อย่างกลมกลืน กลมกล่อม
ส่วนที่ยังเป็นจุดเด่นของวงก็คือเรื่องของความพิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด ทำให้งานเพลงชุดนี้โดยรวมออกมาเป็นงานคุณภาพที่ฟังไพเราะ(เหมือนเดิม) ดนตรีละเมียดละไม มีสีสัน เสียงร้อง เสียงประสานฟังกลมกลืน มีสลับเสียงร้องชายหญิง ทำให้ตัวเพลงมีสีสันความน่าฟังมากขึ้น และ
นับได้ว่า Golden เป็นหนึ่งในผลงานเพลงชุดทองของวงที่เป็นไปตามมาตรฐานสูงที่มีมาทุกชุด สำหรับวง “เลดี้ แอนเทเบลลัม” วงคันทรีป็อบชั้นนำในอันดับต้นๆแห่งยุคสมัย
****************************************
แกะกล่อง
ศิลปิน : Michael Bublé
อัลบั้ม : To Be Loved
อัลบั้มชุดใหม่“ไมเคิล บูเบลย์”กับบทเพลงที่คัดสรรมาแบบจัดเต็มถึง 14 เพลง กับเพลงฮิตอมตะที่นำมาทำใหม่ อาทิ “To Love Somebody”, “Who’s Lovin’ You”, “Something Stupid”, “Have I Told You Lately That I Love You” ร่วมด้วยเพลงใหม่ที่บูเบลย์มีส่วนร่วมในการแต่งเพลง ได้แก่ “It’s Beautiful Day”, “Close Your Eyes”, “After All” และ “I Got It Easy” โดยมีแขกรับเชิญหลายคนมาร่วมแจม To Be Loved เป็นอัลบั้มที่ผสมความใหม่-เก่าได้อย่างน่าฟัง กลมกลืน และกลมกล่อม ไม่ว่าจะเป็นการร้อยต่อเพลงฮิตในอดีตกับบทเพลงใหม่ ขณะที่ซาวนด์เพลงนั้นแม้จะดึงอารมณ์ย้อนยุคกลับไปในสไตล์ถนัดของบูเบลย์ แต่ก็มีความร่วมสมัยอยู่ในที
ศิลปิน : Phoenix
อัลบั้ม : Bankrupt!
หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากชุดที่แล้ว “Wolfgang Amadeus Phoenix”(2009) ที่คว้าไปทั้งเงินด้วยยอดขายเกินล้านก็อปปี้ และกล่องที่คว้ารางวัลแกรมมี่ในสาขาอัลบั้มอัลเทอร์เนทีฟยอดเยี่ยมมาครอง วันนี้ Phoenix กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มใหม่ Bankrupt! ที่มาพร้อมกับดนตรีมากไอเดีย เป็นการผสมซาวนด์ย้อนยุคในยุค 80’s กับซาวนด์ร่วมสมัยแห่งยุค 2000 ได้อย่างกลมกลืนน่าฟัง โดนรวมเป็นงานในแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อกซาวนด์ยุโรปที่อุดมไปด้วยเสียงอีเล็คทรอนิก หลายเพลงมีเสียงซินธ์ เสียงคีย์บอร์ด เป็นธีมหลักสร้างสีสันให้ตัวเพลงดูเท่ ล้ำ นับเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มคุณภาพที่น่าสนใจไม่น้อย
ดนตรีคันทรีคือหนึ่งในความภาคภูมิใจของอเมริกันชน
นั่นจึงไม่แปลกที่ในชาร์ตเพลงอเมริกันที่ยึดครองกระแสตลาดเพลงโลก จะมีศิลปินคันทรีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันขึ้นไปสร้างชื่ออยู่ไม่สร่างซา
เรียกว่าพอรุ่นเก่าไปก็มีรุ่นใหม่ๆขึ้นมาแทนที่
สำหรับ “เลดี้ แอนเทเบลลัม” (Lady Antelbellum) ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา(นับแต่มีอัลบั้มแรกในปี ค.ศ. 2008) พวกเขาประสบความสำเร็จอย่างสูงล้น คว้าไปทั้งเงินทอง ชื่อเสียง และกล่อง กวาดรางวัลทางดนตรีไปหลายรางวัล โดยเฉพาะรางวัลแกรมมี่ คว้าไปถึง 7 รางวัล
นับว่าไม่ธรรมดาเอาเสียเลยสำหรับบวงดนตรีวงนี้
เลดี้ แอนเทเบลลัม เป็นวงทริโอลุคอเมริกันแบนด์จากแนชวิลล์เมืองหลวงเพลงคันทรี ประกอบด้วย 1 สาว 2 หนุ่ม คือ ฮิลลารี สก็อตต์(Hillary Scott) : ร้องนำ/ร้องประสาน, ชาร์ล เคลลี่(Charles Kelley) : ร้องนำ/ร้องประสาน และเดฟ เฮย์วู้ด(Dave Haywood) กีตาร์/เปียโน/แมนโดลิน/ร้องประสาน
มาวันนี้เลดี้ แอนเทเบลลัม ส่งอัลบั้มชุดใหม่ออกมา คือ “Golden”(2013) ซึ่งถือเป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 4 (ไม่นับผลงานเพลงชุดพิเศษ “On This Winter's Night” ปี 2012 ที่เป็นการนำเพลงคริสต์มาสคลาสสิกมาร้องเล่นใหม่ในสไตล์ถนัดของพวกเขา)
อัลบั้มชุดนี้มี“พอล วอร์ลีย์”(Paul Woriey) เป็นโปรดิวเซอร์ร่วมกับทางวงเหมือนเดิม ซึ่งแทบจะมองตาก็รู้ใจ เพราะหมอนี่เป็นโปรดิวเซอร์ให้กับเลดี้ แอนเทเบลลัมมาตั้งแต่ชุดแรกแล้ว
Golden มีทั้งหมด 12 เพลง เริ่มกันด้วย “Get To Me” แทรคเปิดอัลบั้ม เป็นคันทรีป็อบจังหวะปานกลาง กีตาร์เล่นโน้ตไม่กี่ตัวนำมา แต่ชัดเจนในทางคันทรี ตามด้วยเสียงใสๆติดขึ้นจมูกของฮิลลารี โดยไม่พลาดที่จะมีเสียงร้องประสานขานรับของนักร้องชาย ซึ่งเป็นทางเด่นของวงนี้ที่สามารถผสานเสียงร้องของชายหญิงได้อย่างลงตัวน่าฟัง
ต่ออารมณ์กันกับ “Goodbye Town” ป็อบร็อกรสละเมียด ชาร์ลร้องนำ โดยมีเสียงใสๆของฮิลลารีสอดประสานในบางช่วง จากนั้นเป็น“Nothin' Like The First Time” เน้นอะคูสติกเป็นเสียงนำ ฮิลลารี ร้องในทางเพลงป็อบร่วมสมัยฟังน่ารักไปอีกแบบ ขณะที่เสียงฝ่ายชายของชาร์ลนั้นร้องติดกลิ่นลูกทุ่ง ทั้งคู่ผลัดกันรับส่ง ประสาน ได้อย่างกลมกลืน เนียนมาก
“Downtown” ซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้ม มาในอารมณ์โจ๊ะๆ เป็นคันทรีป็อบฟังติดหู ไม่แปลกที่จะขึ้นไปครองอันดับ 1 ในชาร์ตเพลงคันทรีหลังจากส่งออกมา
ต่อด้วย “Better Off Now (That You're Gone)” เป็นเพลงที่หนักที่สุดในอัลบั้มมาในทางร็อกเร็วๆ โจ๊ะๆ กีตาร์ตีคอร์ดพ่วงเอฟเฟคแตกนิดๆเปิดเพลง ก่อนที่ในช่วงท่อนร้องจะผ่อนน้ำดีกรีลงมาหน่อย เพลงนี้ชาร์ลร้องนำเป็นพระเอก
“It Ain't Pretty” เป็นบัลลาดเพลงช้าๆหวานซึ้ง ฟังละเมียดไพเราะ ฮิลลารีส่งเสียงใสๆไปในทางป็อบมากกว่าคันทรี
“Can't Stand The Rain” บทเพลงเนื้อหาดี พูดถึงยามเรามีทุกข์ยังมีญาติผู้ใหญ่เป็นที่พึ่ง ส่วน“Golden”เป็นอีกหนึ่งเพลงหวานช้าของชุด เน้นซุ่มเสียงอะคูสติก เสียงร้องขึ้นจมูกนิดๆของชาร์ลช่วยเติมรสความเป็นคันทรีได้ดีทีเดียว
“Long Teenage Goodbye” เนื้อหาพูดถึงการอำลาช่วงชีวิตวัยรุ่น จบไฮสคูล แยกย้ายจากกันไป ดนตรีมีความเป็นคันทรีที่เข้มที่สุดในอัลบั้ม ส่วน “All For Love” มาในทางป็อบฟังสบายๆ ขณะที่ “Better Man” มาในทางโฟล์คแทรดดิชั่น เจ๋งไม่เบา
ปิดท้ายกันด้วย “Generation Away” บทเพลงที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับสังคมการเมือง ภาคดนตรีค่อยเพิ่มดีกรีความหนักขึ้น นับเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ทำออกมาได้เท่และฟังติดหูดีทีเดียว
จบไปแล้วกับ 12 เพลงจากชุดใหม่ของวง ซึ่งในชุดนี้สมาชิกทั้ง 3 ต่างมีบทบาทในการร่วมแต่งเพลงเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเนื้อเพลงเขียนบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ชีวิต และวิถีของคนหนุ่มสาวร่วมสมัย โดยมีเพลงเกี่ยวกับสังคมการเมืองแซมพ่วงมาในเพลงสุดท้าย นับเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการของวง
สำหรับภาคดนตรีนั้น ชุดนี้ลดดีกรีความเป็นร็อกจากชุดที่แล้ว(Own the Night) มาเป็นคันทรีร่วมสมัยที่ผสมความเป็นป็อบลงไปได้อย่างกลมกลืน กลมกล่อม
ส่วนที่ยังเป็นจุดเด่นของวงก็คือเรื่องของความพิถีพิถัน ใส่ใจในรายละเอียด ทำให้งานเพลงชุดนี้โดยรวมออกมาเป็นงานคุณภาพที่ฟังไพเราะ(เหมือนเดิม) ดนตรีละเมียดละไม มีสีสัน เสียงร้อง เสียงประสานฟังกลมกลืน มีสลับเสียงร้องชายหญิง ทำให้ตัวเพลงมีสีสันความน่าฟังมากขึ้น และ
นับได้ว่า Golden เป็นหนึ่งในผลงานเพลงชุดทองของวงที่เป็นไปตามมาตรฐานสูงที่มีมาทุกชุด สำหรับวง “เลดี้ แอนเทเบลลัม” วงคันทรีป็อบชั้นนำในอันดับต้นๆแห่งยุคสมัย
****************************************
แกะกล่อง
ศิลปิน : Michael Bublé
อัลบั้ม : To Be Loved
อัลบั้มชุดใหม่“ไมเคิล บูเบลย์”กับบทเพลงที่คัดสรรมาแบบจัดเต็มถึง 14 เพลง กับเพลงฮิตอมตะที่นำมาทำใหม่ อาทิ “To Love Somebody”, “Who’s Lovin’ You”, “Something Stupid”, “Have I Told You Lately That I Love You” ร่วมด้วยเพลงใหม่ที่บูเบลย์มีส่วนร่วมในการแต่งเพลง ได้แก่ “It’s Beautiful Day”, “Close Your Eyes”, “After All” และ “I Got It Easy” โดยมีแขกรับเชิญหลายคนมาร่วมแจม To Be Loved เป็นอัลบั้มที่ผสมความใหม่-เก่าได้อย่างน่าฟัง กลมกลืน และกลมกล่อม ไม่ว่าจะเป็นการร้อยต่อเพลงฮิตในอดีตกับบทเพลงใหม่ ขณะที่ซาวนด์เพลงนั้นแม้จะดึงอารมณ์ย้อนยุคกลับไปในสไตล์ถนัดของบูเบลย์ แต่ก็มีความร่วมสมัยอยู่ในที
ศิลปิน : Phoenix
อัลบั้ม : Bankrupt!
หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากชุดที่แล้ว “Wolfgang Amadeus Phoenix”(2009) ที่คว้าไปทั้งเงินด้วยยอดขายเกินล้านก็อปปี้ และกล่องที่คว้ารางวัลแกรมมี่ในสาขาอัลบั้มอัลเทอร์เนทีฟยอดเยี่ยมมาครอง วันนี้ Phoenix กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มใหม่ Bankrupt! ที่มาพร้อมกับดนตรีมากไอเดีย เป็นการผสมซาวนด์ย้อนยุคในยุค 80’s กับซาวนด์ร่วมสมัยแห่งยุค 2000 ได้อย่างกลมกลืนน่าฟัง โดนรวมเป็นงานในแนวอัลเทอร์เนทีฟร็อกซาวนด์ยุโรปที่อุดมไปด้วยเสียงอีเล็คทรอนิก หลายเพลงมีเสียงซินธ์ เสียงคีย์บอร์ด เป็นธีมหลักสร้างสีสันให้ตัวเพลงดูเท่ ล้ำ นับเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มคุณภาพที่น่าสนใจไม่น้อย