สำหรับคนที่มีอายุ 40 ปีอัพ(up)
หากเอ่ยถึง "ลิเก" แน่นอนว่าถ้าเป็นสัญลักษณ์ก็ต้องยกให้เขา "พงษ์ศักดิ์ สวนศรี" กับเธอ "วิญญู จันทร์เจ้า"
หากเอ่ยถึงหมอลำ ก็ต้อง "พรศักดิ์ ส่องแสง" ที่ตีคู่มากับ "พิมพา พรศิริ"
ส่วนโขนก็ต้องยกให้เขาคนนี้ "ปกรณ์ พรพิสุทธิ์"
และถ้าเป็นลำตัดเขาคนนั้นคงไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจาก "หวังเต๊ะ"
26 มิถุนายน 2555 อาจจะไม่ใช่วันสำคัญสำหรับใครๆ แต่ในแวดวงการละเล่นพื้นบ้านอย่างลำตัดมันคือวันแห่งการสูญเสียครั้งใหญ่กับการจากไปของคนลำตัดคนสำคัญ "หวังเต๊ะ" หวังดี นิมา ในวัย 87 ปี
ถึงวันนี้แม้คณะลำตัดที่พ่อหวังเต๊ะได้สร้างไว้จะยังคงอยู่แต่กระนั้นก็ต้องเผชิญกับอุปสรรคนานัปการ และจากนี้ไปคือคำบอกเล่าจากภรรยาคู่ชีวิต "แม่ศรีนวล ขำอาจ"
"จุดวิกฤติที่เกิดขึ้นคืองานน้อยลง บางคนคิดว่าเลิกไปแล้ว ถามว่าคณะลำตัดเยอะไหม มันก็เยอะ แต่มันก็มีหายบ้าง มันก็มีเลิกบ้าง ยังเล่นอยู่บ้าง แต่ว่ามันก็คณะไม่ได้แพง จุดวิกฤตตอนนั้นมันก็มีผลกระทบ งานน้อยลง บางที่ก็มีคำถามมาว่าเลิกแล้วหรอ ไม่รับงานแล้วเหรอ เรายังไม่เลิกค่ะเรายังรับอยู่ มันก็มีบางคนที่บอกว่าเลิกแล้ว คณะแตกแล้ว”
บางคนอาจจะคิดว่าพอไม่มีพ่อหวังเต๊ะมันจะไม่สนุกเหมือนเดิม
“ก็คงจะมีบ้างนะ มันก็ต้องมีบ้าง เพราะว่าพ่อไม่อยู่ใช่ไหม เราก็ฝากคงามหวังไว้กับพ่อ พ่อเขาจะทำให้คนสนุกได้คนหัวเราะได้ แต่เดี๋ยวนี้เราก็ทำได้ ตอนนี้คณะยังอยู่ เรียกว่ามีงานเข้ามา บ้างแต่ว่าก็น้อยลง แต่ตอนพ่อเจ็บก็มีแต่ก็อย่างว่านะ มีคนบอกว่าเลิกแล้วอะไรแล้ว จนกระทั่งเขาโทรมาถามว่าเลิกแล้วหรอ เราก็บอกว่ายังไม่เลิกยังรับงาน จนต้องบอกผ่านสื่อว่ายังรับงานยังไม่เลิก ไม่ได้แตกไปไหนคณะยังอยู่ครบ”
ย้อนหลับไปหน่อยว่าแม่มาเล่นลำตัดกับพ่อหวังเต๊ะได้อย่างไร?
“จริงๆ แล้วแม่ไม่ได้สนใจเลย แต่แม่ของแม่ประยูรเป็นพี่น้องกับแม่ ก็ไปช่วยเขาทำนาทำอะไร แม่ประยูรเขาอยู่กรุงเทพ ตาเขาชอบลำตัดมาก เขาก็เห็นแม่เป็นคนยิ้มมั้ง ตั้งแต่เด็กหน้าแม่จะยิ้มอยู่อย่างนี้ ตาก็เลยบอกว่า ก็พูดแบบคนบ้านนอกนะ เฮ้ยไอ้หวังเด็กคนนี้มันยิ้มดี ไอ้ศรีนวลนี่ เขาก็เรียกมาดู เขาก็เห็นอะไรอย่างนี้ ก็ไม่คิด แม่ก็อยู่เรียนหนังสือ พอออกจากโรงเรียนแม่ก็ทำนา ไถนา ดำนา ทำอะไรทำหมด แล้วก็อยู่ๆ เขาให้น้องสาวเขามารับแม่ แม่อุ่นเรือน ให้มารับ มารับแม่ก็ไป แม่ก็ไม่รู้ แต่เขาไปขอกับพ่อกับแม่ของแม่แล้ว แม่เขาเป็นคนชอบลำตัดเขาก็ให้ไป พ่อเขาก็เฉยๆ ก็เลยมาอยู่ก็ไปฝึก”
ยากมั้ย?
“ยากนะ ทีแรกเข้ากรุงเทพนี่แม่อยู่ไม่ได้ เราเป็นคนอยู่บ้านอกอยู่ท้องนา อยู่กรุงเทพฯ ปวดหัว เดือนหนึ่งปวดหัวทำอะไรไม่ได้ เขาให้เพลงท่อง ก็ท่องแต่มันจะปวดหัวตลอด ก็กลับบ้าน ที่ตัดสินใจกลับมา ไปนึกถึงว่า นี่เราไปแล้วยังไงเราก็ต้องเอาให้ได้ ถ้าไม่ได้คนก็ดูถูกเราคิดอย่างนั้นก็เลย เอาแล้วนะเอาให้ได้ แล้วก็ไปเจอกับพ่อของพ่อหวังเต๊ะ ก็หัดกันร่วม 10 กว่าคน"
"เขาก็เดินมาดู เขาไม่สบายเขาก็ไปอยู่บ้านลูกสาวเขา แล้วก็เรียก เรียกมาคนเดียวบ้านพ่อหวังที่อยู่กรุงเทพ เขาเรียกมาคนเดียว เขาก็บอกให้ร้องบอกให้รำ เขาก็จะสอนแม่คนเดียว สรุปแล้วแม่ได้ฝึกกับพ่อหวัง เราก็ต้องเอาให้ได้ เราตั้งความหวังเอาไว้ ถ้าเราไม่เป็นเราอายเขานะ เราเข้ามาแล้วมันก็ได้ พ่อแชเต๊ะ ที่ชื่อหวังเต๊ะนั้นก็พ่อเขา ชื่อเขาชื่อหวัง แต่เต๊ะนี่พ่อเขา เขาก็จะบอกวิธีร้อง วิธีรำบอกอยู่ตลอด”
เริ่มเข้ามาอยู่ในขณะบุญช่วย หัดไม่กี่เดือนก็มีโอกาสได้แสดงเลย
“ตอนแรกพอเป็นแล้วไปอยู่กับคณะน้องชายพ่อหวังเต๊ะ คณะบุญช่วยเขาจะเขียนว่าน้องชายหวังเต๊ะ แม่จะเล่นอยู่กับแม่อุ่นเรือน แม่บุญโปร่ง ก็เล่นกัน 3 คนแต่ว่าแม่เป็นน้องสุดเพราะว่าเล่นทีหลังเขา แล้วก็ไปกัน 3 คนก็ตอนนั้นก็ยังสาวๆ รุ่นๆ อายุ 15 ก็เลยแล้วนะพอไปๆ ก็เล่นเลย ฝึกได้ไม่กี่เดือนออกเลย”
มีคนเห็นแวว
“ก็มีแม่ทองเลื่อนที่อยู่ประจำคณะพ่อหวังเต๊ะ ก็เล่นกับแม่ประยูรพ่อหวังเต๊ะ แล้วก็มีเด็กสาวอีกคนหนึ่งชื่อเล่นว่าม้วย ขาวๆ เขาแต่งตัวเก่ง แม่แต่งตัวไม่เป็นก็ไปกับเขาก็ไปอย่างนั้น อุ่นเรือนเขาก็จะพาไป เป็นน้องแม่ทองเลื่อน ก็ไปเจอที่บ้านเขาก็เรียกให้มาไหว้ แม่ทองเลื่อนเขาก็พูดแบบชาวบ้านที่เขาพูดกัน ไอ้หวัง ไอ้ยูร มึงนี่โง่จัง เขาก็ถามว่าทำไม อีเด็กคนนี้มันหน้าสวย ชี้มาที่แม่นะ แม่ก็ไม่รู้ว่าสวยไม่สวย ไม่สนใจ เขาก็ว่าอีเด็กคนนี้มันสวยมึงทำไมไม่เอาไป ก็ตั้งแต่นั้นมาก็เอาแม่เข้ามาอยู่ในนี้ แม่ก็จะเล่น แม่ประยูร พ่อหวัง แล้วก็แม่ทองเลื่อน จะเล่น 3 คนเมื่อสมัยนั้นเมื่อก่อนที่แม่จะมาเล่น ตั้งแต่นั้นมาไม่ได้ไปไหน”
“ก็เริ่มรักตอนที่เราหาเงินได้ ได้ช่วยพ่อแม่ ได้ช่วยพี่น้อง เราไม่ใช่คนสวยเราช่วยตรงนี้เราก็เอาแล้ว เราต้องรักตรงนี้ เราก็คิดอย่างนี้มันค่อยๆซึมๆไปนะ ก็ถือว่าการที่ช่วยเหลือพ่อแม่ได้ ที่มีทุกอย่างทุกวันนี้ก็คือความรัก”
พ่อหวังเต๊ะเป็นคนอย่างไร เห็นว่าเจ้าชู้พอสมควร?
“(หัวเราะ) เขาดีนะ แม่แต่งงานกับป๋า แม่ประยูร ชง ขอให้กัน แม่เป็นคนไม่ได้เที่ยว เวลาเขาชวนไปเที่ยวกัน แม่ก็ไม่ไป เราคนบ้านนอก บ้านนอกเขาก็จะไม่ไปไหนกันนะ กรุงทพฯจะไปไหน ตอนนั้นแม่ใหญ่ไม่สบายเขาตัดหมด แล้วพอมาแม่ประยูรก็เป็นมะเร็งปากมดลูก ก็ตัดออกเหมือนกัน ถ้าหากว่าป๋าไปที่อื่นเขาก็กลัวว่าจะลำบาก เขาก็เลยขอแม่ให้กับป๋า เขาเป็นคนที่ใจดี ไม่ว่าใครจะเดือดร้อน เขาเป็นคนเจ้าชู้นะผู้ชายน่ะ เจ้าชู้อย่าว่าไม่เจ้าชู้ แต่ว่ามันก็อยู่ที่เรานะ เขาดูแลดี เขาโอบอ้อมอารีนะ เรื่องเจ้าชู้ทุกลายแน่นอน ไอ้ความเจ้าชู้นี่แหละเขากลัวว่าไปที่อื่นแล้วลูกเขาลำบาก แต่งกับแม่ลูกเต้าก็สบายแม่ก็ดูแลลูก นี่ก็อยู่ด้วยกันหมด เขานับถือกันอเขาให้เกียรติ ถ้าไม่มีปัญญาเลี้ยงเขาก็มีไม่ได้ เราต้องมีปัญญาเลี้ยงเขาด้วย 40 ปี แม่ไม่เคยไปไหน"
”เมื่อก่อนเป็นป่า แม่อยู่พุทธมณฑลสาย 4 คลองทวีวัฒนา เมื่อก่อนไม่เจริญเป็นป่าเป็นนาเป็นคลอง แม่มาอยู่ตั้งแต่อายุ 15 มาอยู่กับพ่อหวังเต๊ะตลอด แต่งงานกับตอนอายุ 21 ตั้งแต่ปี 2516”
คนรู้จักศรีนวลได้ก็เพราะพ่อหวังเต๊ะ?
“พอไปงานไปกลับมา เราจะบอกเขาตลอดว่าเราไปงานนี้นะเดี๋ยวกลับมานะ เขาจะถามว่ากลับกี่โมงถึง เราจะบอกเขานะว่าประมาณนี้ๆ เขาจะรอ ไม่หลับ จะรอจนกว่าแม่จะกลับมา พอกลับมาคำแรกที่ถาม สนุกไหมวันนี้เล่นสนุกไหม คนชอบไหม เล่นหยาบหรือเปล่า พ่อจะถามอย่างนี้ เราก็บอกว่าคนชอบนะเจ้าภาพก็ชอบ ต้องรายงานหมดทุกวัน ทุกคืน ต้องรายงาน"
"มีคำหนึ่งที่ท่านบอก นวลเปลี่ยนสิ เปลี่ยนคณะ เพราะว่าฉันไม่ได้ไป แม่ก็บอกว่าฉันไม่เปลี่ยนฉันจะใช้ชื่อนี้ต่อไป ฉันขอใช้ในนามป๋าถึงป๋าไม่อยู่ก็จะใช้ในนามป๋า เขาก็ถามว่าทำไม ก็มันมีกินทุกวันนี้มีทุกอย่าง จากที่ฉันไม่มีอะไรเลยเพราะลำตัด ก็เพราะชื่อหวังเต๊ะ เขาให้แม่เปลี่ยนนะในเมื่อไม่มีเขาก็เปลี่ยนไปซิ แม่ก็บอกว่าขอใช้นะ ท่านก็ตามใจ เวลาแม่ไปงาน เขาถามว่าที่ใช้ชื่อเพราะอะไร คนก็จะปรบมือให้ ก็บอกที่คนรู้จักชื่อศรีนวลได้ก็เพราะหวังเต๊ะ”
26 มิถุนายน วันแห่งความทรงจำ
“วันที่ 26 มิถุนายน พ่อเขาเหนื่อยมามาก อยู่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มา 11 เดือน มันอยู่จนลมสุดท้าย มันไม่คิดอะไรตรงนั้น แม่ดูตลอดไม่ได้ไปไหน มีงานแม่ก็ไปแต่ว่าวันที่เขาไม่ไหว แม่ไม่รับงานเลยแม่ไม่ไป เราไม่รู้ว่าพ่อจะหลับตอนไหน ถ้าถามว่าทำไมไม่ไป ให้ตังค์นะให้เยอะด้วย 3 ปีที่ตัวพ่อไม่ได้รับงานเลย แม่ยังรับแต่ว่าเขาไปอยู่โรงพยาบาล แม่ไม่รับเลย 2 เดือนหลัง แม่กลัวเขาไปแล้วเราไม่ได้อยู่ ถ้าเขาไปเราจะทำยังไงพ่อสั่งไว้ว่าห้ามจัดงาน"
" จริงๆ รูปเขาก็ไม่ให้แขวนนะ พ่อจะบอกไว้เลยว่าถ้าฉันตายไม่ต้องเอามาแขวนนะ บางทีเด็กนักเรียนมา แม่ฝากเด็กรุ่นหลังนะบอกว่า อะไรก็รับนะ แต่ขอให้หันมาฟังเพลงพื้นบ้านกันนิดหนึ่ง ฝึกร้องไว้หรือว่าอยากเรียนรู้นิดหน่อย"
เผย "แก้ว เบญจา บารมีย์" ภรรยาคนที่ 6 ของเจ้าสัวบุญชัย คือหนึ่งในผู้มีพระคุณ
"แม่ไม่เคยบอกใครนะ เบญจา บารมีย์ เป็นคนดูแลค่าใช้จ่ายมาตลอด...ตอนนั้นเราทำคอนเสิร์ตอนุรักษ์เพลงเก่า จัดคอนเสิร์ตที่พารากอน เขาก็ติดต่อกับแม่ตลอด วันนั้นพ่อนอนป่วยเขาก็มาพอดี เขาแวะมาเยี่ยม เขาส่งไปรามา รัตนาธิเบศ ตอนแรกเขาบอกว่า ห้องไม่ได้ เราก็ปรึกษาเขาว่าเนี่ยะเกิดเหตการณ์นี้ ห้องเต็ม โรงพยาบาลไม่รับ ชั่วโมงเดียว เขาก็ส่งรถมารับแล้วพูดกับแม่ว่าไม่ต้องคิดอะไรทั้งสิ้น เดี๋ยวเขาจะดูแล ซึ่งมันเป็นความผูกพัน แต่ที่เราไม่อยากบอกเพราะว่าเขาห้ามมาตลอด ไม่ให้พูดด้วยซ้ำว่าเขาเป็นคนช่วย เขาแต่งเพลงให้พ่อด้วยนะ ด้วยความผูกพันนะ ตอนอยู่โรงพยาบาลเขาจะไปดูตลอด เราพยายามกล่อมให้เขายอมสัมภาษณ์กับสื่อหลายๆ เล่มแต่เขาก็ไม่”
ทำใจคนชอบลำตัดน้อยลง
“มันก็คิดว่าคงไปบ้าง มันน้อยลงแต่คนก็ยังถามถึงอยู่ตลอด รุ่นเก่าๆ เขาจะถาม บางที่เด็กๆ ผู้ใหญ่เขาอาจจะให้ดูแล้วคงจะมีบ้าง บางคนไม่รู้เลยลำตัดเล่นยังไง เรื่องความยากง่าย มันบอกยากนะ มันยากทุกอย่าง ร้องไม่ใช่ว่าฉันร้องได้แล้วก็ร้องเลย ต้องร้องให้ถูกต้อง ทำนองลำตัดมันไม่ได้มีทำนองเดียว มี 7 ทำนอง แต่โดยมากจะใช้น้อยลง เมื่อก่อนใช้ทั้งหมด คือเขาไม่ได้ฝึกมา บางคนได้ทำนองเดียวด้วยซ้ำ อย่านึกว่าลำตัดง่าย บางคนได้ทำนองเดียวนะ บางคนเขาฝึกก็ได้หลายทำนอง”
"ลำตัดไม่ใช่การด้นสดอย่างเดียว เราต้องเขียนเนื้อไว้ แล้วมันจะออกไปได้หน่อยหนึ่ง ถ้าด้นสดทั้งคืนไม่ได้ เหตุการณ์เฉพาะหน้าเราก็ค่อยแก้กัน การด้นเนี่ยมันด้นได้ แต่ถ้าพลาดไปคำเดียว ตอนต้นมาดีเลย แล้วตอนหลังพลาดไปคำเดียวมันล่มเลย พ่อหวังจะบอกเลย เขียนยังไม่ได้ดี แล้วเรื่องมันจะดีตรงไหน เขียนตอนแรกเราเรียบเรียงนะ บางทีก็ยังใช้ไม่ได้ต้องปรับตรงนั้นนิดตรงนี้หน่อย เราต้องมาเกลา ไม่ใช่ว่าเขียนปุ๊ปแล้วใช้ได้เลย”
ลำตัดก็ต้องหวังเต๊ะ
“ลำตัด คนก็จะนึกถึงหวังเต๊ะ ลำตัดๆ แต่เดี๋ยวนี้มันจะมีสายต่างๆ นานา แต่มันจะมีคนละแบบ เดี๋ยวนี้จะมีคนตั้งตัวเองว่าเป็นลำตัดอย่างนี้มันผิด พ่อหวังเต๊ะคือลำตัดแท้ๆ เขียนเอง ปัจจุบันเขาจำเพลงของแม่ไปเล่น ไปเปลี่ยนแปลงกัน ทำนองไม่เพราะ พ่อเขาจะเล่นแบบไม่มีคำหยาบโลน แต่ที่เล่นกันปัจจุบันเขาจะเอาคำเหล่านี้มาใส่ลงไปด้วย พ่อเขาเป็นคนอย่างนี้นะหยาบไม่ได้ เขาเอาขำ มันต้องมีบ้างแต่ว่าเราต้องฉลาดเล่น ฉลาดร้อง”
ไม่หยาบแต่แค่ทะลึ่งนิดๆ
“คำพูดป๋าเขาจะเล่นๆ จะมีคำเดียวเลิกเลย เหมือนกับพลาด พอเขาเล่นใกล้จะเลิกเขาจะมีคำเดียวปล่อยออกมาแล้วก็ขอโทษ แล้วก็เลิกเลย เหมือนกับพลาดไปไม่ทันคิด มันมีคำสองแง่สามง่าม แต่ว่าต้องฉลาดร้องนิดหนึ่ง คนดูคิด ไม่ใช่ร้องมาแล้วคนดูไม่ต้องคิดเลย แล้วก็ท่าลามกจะไม่มี ป๋าจะดุมาก”
เป็นศาสตร์และศิลป์ที่มีแบบแผน
“มันมีทำนองนะ ทำนองเพราะ ทำนองโศฏ ทำนองกลาง ทำนองกระพือ ทำนองลาว ทำนองมอญ ทำนองแขก มันมีโศกสูง โศกต่ำ อีก เดี๋ยวนี้เขาจะใช้สองทำนอง ทำนองกลางกับทำนองกระพือ ส่วนทำนองอื่นไม่ค่อยได้ใช้ ทำนอง โศกเขาจะใช้ในงานเกิดแก่ เจ็บตาย สมัยก่อนที่เขาเล่นจะออก 12 ภาษา มีออกลาว ออกแขก ออกเจ๊ก ก็มีป๋าคนเดียวที่เล่นได้ ตอนนี้ก็มีเด็กที่มาเรียนกับแม่ ก็เอาไปเล่นด้วยอายุ 11 เองมาตั้งแต่ 9 ขวบ”
พร้อมฝากถึงคนรุ่นหลัง
“ก็ฝากนะคะ คนแสดงพร้อมจะแสดงให้ดู คนดูเป็นกำลังใจที่ดี เสียงปรบมือ เสียงหัวเราะ เห็นหน้ายิ้มเราปลื้มใจ คณะพ่อเราเล่นแบบอนุรักษ์ หน้าพระที่นั่งพ่อเขาก็เลยไปเล่น เล่นหลายครั้ง ซึ่งเป็นความภูมิใจพ่อแม่ มันเป็นความประทับใจที่ดีมากๆ ได้เล่น 30 นาที หลังจากที่จบแล้ว สมเด็จพระเทพฯ ท่านขอต่ออีก 20 นาที แล้วเราก็เล่นไปเราก็ไม่กล้า กลัว ด้นกันไปมา แล้วมาตอนจบท่านก็ว่า เสียใจด้วยนะไม่ได้เอาซองมา โหปลื้มใจ ท่านเดินมาแล้วมาหยุดที่หน้าแม่กับแม่ขวัญจิต เสียใจด้วยนะไม่ได้เอาซองมา แม่ก็ปลื้มมาก"
"แม่ปลื้มใจมากคือที่กำแพงเพชรวันนั้น เขาเปิดพิพิธภัณฑ์กำแพงเพชร เขาให้แม่ไปอยู่ที่ใต้บันได พระเทพฯ ท่านลงมาแล้วก็พักแล้วก็ต้องไปเลย แล้วให้แม่ไปยืนตรงใต้บันได พ่อ แม่ขวัญจิตร แม่ ก็ยืนอยู่ตรงนั้น สมเด็จพระเทพฯ ท่านเสด็จลงมาปุ๊บเลี้ยวเข้ามาหาเรา ใต้บันได ทุกคนตกใจหมด รับสั่งว่าเก่งนะ เล่นมา 2 ชั่วโมง ประทับใจตรงนี้ ท่านน่ารักมาก สองคนกับแม่ขวัญจิตรสะกิดกันยิกๆ ท่านก็ว่าอยู่ไม่ได้นะต้องไปงานต่อ พอทำความเคารพเสร็จ พ่อก็ว่าทำไมแกไม่พูด เราก็พูด อะไร แกทำไมไม่พูดเอง ใครจะพูดอะไรออก แต่จริงๆ แล้วท่านอยากให้พูดแบบเป็นกันเองมากกว่า แต่เราไม่กล้า”
"ที่อยากอนุรักษ์ลำตัดให้คงอยู่ เพราะกลัวว่าวันหนึ่งมันจะหายไป ก็บอกป๋าแล้วว่าเราจะทำจนกว่าชีวิตจะหมดลม”
"ตอนนี้มีสอนค่ะ...ที่ชุมชนท่าไม้ แต่ยังไม่ได้รับของที่อื่น ถ้าใครสนใจอยากเรียน มาที่บ้านเลยได้เลย ยินดีสอนให้ ไม่ต้องไปเสียอะไรด้วย เสียแค่ค่ารถมาที่บ้าน ส่วนใครจะติดต่องานหรือว่าอยากเรียนก็ได้ ที่เบอร์ 084-3577108 , 081-8748615, 080-5565678 รับสอน ใครจะเรียนใครสนใจมาได้เลย"