มองเผินๆ อาจดูเป็นเพียงดาราสาวเซ็กซี่ที่คนดูจดจำได้ในรูปร่างซึ่งมีทรวดทรงองค์ร่างเป็นเอกลักษณ์ แต่ “ตั๊ก-บงกช คงมาลัย” มีสิ่งพิเศษยิ่งไปกว่านั้น และผลงานการกำกับภาพยนตร์ครั้งแรกเรื่องแรกของเธอ แม้จะเป็นการกำกับร่วม ก็สะท้อนอะไรออกมาหลายสิ่งอย่าง
มีคนถามผมว่า ดูหนังเรื่อง “นางฟ้า” แล้ว ผมเห็นอะไรในตัวของตั๊ก-บงกช ผมตอบอย่างไม่ลังเลเลยครับว่า มันคือ “สายตา” หรือ “มุมมอง” ที่หญิงสาวคนนี้มีอยู่ในตัวเอง สายตาที่ว่านั้นมันชอนไชเข้าไปในหลืบซอกของสังคม เข้าไปในชีวิตของผู้คนที่ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มตัวละครที่ไม่ค่อยได้รับการยอมรับในสังคม เป็นตัวละครที่ถูกทิ้งร้างไว้ในด้านที่ปรักหักพังของสังคม แต่ตั๊ก-บงกช ก็ได้สะท้อนออกมาให้เห็นผ่านภาพยนตร์ว่า พวกเธอและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นมนุษย์ มีเลือดมีเนื้อ มีความมุ่งมั่น มีความใฝ่ฝัน และที่สำคัญก็คือมีเกียรติมีศักดิ์ศรีในความเป็นคน เช่นเดียวกับมนุษย์มนาหน้าอื่นๆ
อันที่จริง โดยส่วนตัว ผมรู้สึกว่าคุณตั๊ก-บงกช จะทำหนังที่มัน “ง่ายๆ” แบบประเภทขายอะไรที่มันเบาสมองก็น่าจะพอขายได้แล้ว แต่ “นางฟ้า” กลับมุ่งมาในทางหนังซีเรียส ที่พาตัวเองเข้าไปแตะหลายๆ ประเด็นพร้อมกัน และทุกสิ่งเหล่านั้น ต่างก็เป็นสิ่งที่ “มีอยู่จริง” ในสังคมของเรา
จากมุมกล้องที่มองลงมาจากมุมสูงและกว้างในฉากเปิดเรื่อง เหมือนเป็นตัวแทนภาพสายตาของพระเจ้าที่มองลงมายังโลกมนุษย์ หนังพาเราเข้าไปรับรู้เรื่องราวชีวิตของตัวละคร 2-3 คนที่มีความเกี่ยวข้องกันโดยหน้าที่การงาน “เฟิร์น” (ตั๊ก บงกช), “รุ้ง” (ญาญ่า หญิ๋ง) และ “มินต์” (อมยิ้ม-จุฬาลักษณ์) ทั้งสามสาว คือดวงดาวพราวแสงแห่งแองเจิ้ลบาร์กลางเมืองพัทยา ลีลาท่าเต้นของพวกเธอคือจุดดึงดูดบบรรดาแมลงราตรีให้โบยบินเข้ามายังบาร์แห่งนี้ รวมไปถึงผู้ชายหลายคนที่เข้ามาสร้างผลกระทบต่อชีวิตของพวกเธอ
อันที่จริง สิ่งที่หญิงสาวได้พบเจอ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นโศกนาฏกรรมที่เรามักพบเห็นอยู่ได้ทุกเช้าค่ำหรือตามหน้าหนังสือพิมพ์ ชีวิตบนเส้นทางสายนี้ มันก็คล้ายๆ กับที่คุณป้าเจ้าของบาร์ในเรื่องพูดว่า เป็นชีวิตที่อาภัพ มันมีหลายสิ่งที่ต้องเผชิญ นากจากเรื่องผู้ชายที่มักจะเข้ามาเพียงเพื่อหาเศษหาเลยจากพวกเธอแล้ว ความเป็นอนิจจังแห่งสังขารก็ไล่ล่าเธอพวกอยู่อย่างเงียบๆ เพราะงานแบบนี้คุณจะทำไปทั้งชีวิตคงไม่ได้ มันย่อมมีคลื่นลูกใหม่ที่ “สดกว่า” เกิดขึ้นมาแทนที่คุณ หนังใส่ฉากเปิดตัวสาวคาบาเร่ต์คนใหม่เข้ามาด้วยเพื่อบอกกล่าวถึงสัจธรรมข้อนี้
ดังนั้น มันก็จึงไม่แปลก หากพวกเธอคิดจะฝากชีวิตไว้กับผู้ชายสักคนที่เดินเข้ามา ด้วยความหวังว่าจะเป็นหนทางที่พาเธอออกไปจากโลกมืดใบนั้น ดังเช่นกรณีของ “รุ้ง” (ญาญ่า หญิ๋ง) ที่พลันพบสบโอกาสเห็นความก้าวหน้าในชีวิตกับชายหนุ่มเมืองนอก ก็กระโจนออกไป เพราะคิดว่ามันคือหนึ่งในทางที่ไม่ค่อยมีให้เลือกมากนัก
ตั๊ก-บงกช กับการกำกับหนังครั้งแรก ร่วมกับคุณวิโรจน์ ศรีสิทธ์เสรีอมร ในผลลัพธ์ภาพรวม ถือว่าออกมาเหนือความคาดหมายครับ คือดีกว่าที่คิดหวังไว้ ในมุมมองของคนดูหนังไทยมาโดยตลอด ผมคิดว่าหนังไทยส่วนมาก แค่การเล่าเรื่องให้มีต้นสายปลายเหตุก็แทบจะเอาตัวไม่รอดกันแล้ว คือกระโดดไปกระโดดมา ไร้ความต่อเนื่อง แต่กับ “นางฟ้า” ผมคิดว่าหนังไม่มีปัญหาในเรื่องนั้น หนังมีเส้นเรื่องและก็ดำเนินต่อเนื่องเล่าไปอย่างเป็นขั้นเป็นตอน จากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง คือดูแล้วรู้เรื่องและเข้าใจว่าผู้สร้างผู้ทำต้องการจะสื่ออะไร บอกอะไรกับคนดูผู้ชม
หนังมีเนื้อหาหลายส่วนที่ควรพูดถึง ไล่ตั้งแต่ชีวิตอาภัพของนางโชว์ และปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้น ซึ่งหนังได้แสดงให้เห็นว่า ปัญหาทั้งหมดล้วนเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันเป็นลูกโซ่ แม้แต่ลูกที่เติบโตมา ก็เกิดมีปัญหากับผู้ปกครอง เพราะทัศนคติวิธีคิดบางอย่างที่ยังไม่ได้รับการปรับจูน นั่นยังไม่ต้องพูดถึงอคติเกี่ยวกับเรื่องเพศที่หนังใส่เข้ามา สร้างความรู้สึกสะท้อนสะเทือนใจ
เบื้องหลังฉากหน้าเวทีที่สวยหรูงดงาม แฝงไว้ด้วยเรื่องราวความเจ็บปวด หนังมีความมืดหม่นปนไปกับแสงไฟสว่างวอมแวม ในบางมุมมอง แสงไฟวอมแวมที่ส่องต้องร่างกายของพวกเธอยามเต้นรำ มันก็ไม่ต่างอะไรกันกับแสงสีแห่งชีวิตของพวกเธอที่ดูเหมือนจะค้นหา “วันที่แสงสว่างจ้า” ไม่ค่อยเจอ
เหมือนกับหนังหลายๆ เรื่องซึ่งเกี่ยวเนื่องกับอาชีพนางโชว์หรือโลกแห่งแสงสียามค่ำคืน ที่มักจะต้องมีหลากหลายเรื่องราวด้านมืดเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งอาชญากรรม ยาเสพติด ไปจนถึงเซ็กซ์ที่ผิดศีลธรรม ซึ่งเหมือนเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นควบคู่กับชะตากรรมของตัวละคร ในหนังเรื่องนี้ก็นำเสนอสิ่งนั้น แม้ไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็เป็นการจำลองภาพว่า ในโลกใบดังกล่าว หญิงสาวมีโอกาสที่จะต้องพานพบ
พูดกันอย่างถึงที่สุด “นางฟ้า” เป็นหนังที่มีความดีอยู่ในตัวเอง ทั้งโครงสร้างการเล่าเรื่อง และประเด็นเนื้อหาสาระ ความสวยงามเซ็กซี่นั้นก็มีตามแบบฉบับของหนังนางโชว์ ความเข้มข้นก็มีในแบบของหนังชีวิต มันอาจไม่ได้ซับซ้อนซ่อนปมแบบเดียวกับ Chicago แต่ก็ดูหม่นเศร้าในท่ามกลางแสงนีออนสะท้อนใจ มันอาจไม่ได้เริดหรูอลังการงานเต้นเช่นเดียวกับ Burlesque แต่ก็นุ่มนวลยวนเย้าในแบบเบ้าของนางโชว์ คุณตั๊ก-บงกช สอบผ่านในการทำหนังเรื่องแรก และเชื่อได้เลยว่า งานชิ้นต่อๆ ไป คุณตั๊กสามารถทำหนังชิงรางวัลได้อย่างแน่นอน