แม้จะมีประสบการณ์งานแสดงมาพอสมควร แต่กับการโดดลงมารับหน้าที่ผู้กำกับภาพยนตร์แบบเต็มตัวเป็นครั้งแรกของนักแสดงสาว “ตั๊ก บงกช คงมาลัย” กับหนังเรื่อง “นางฟ้า” ที่กำลังลงจออยู่ในโรง ต้องถือว่าเป็น “ประสบการณ์” ใหม่ที่ท้าทายมากๆ
วันนี้เราลองไปดูเบื้องหลังฉากกว่าจะกลายเป็น “นางฟ้า” ที่กำลังรอให้คอหนังไปร่วมพิสูจน์ฝีมือของเธออยู่ในโรงตอนนี้มีอะไรที่น่าสนใจซุกซ่อนอยู่บ้าง?
“จะว่าไปจริงๆ ไอเดียแรกของหนังเรื่องนางฟ้า ต้องย้อนไปสมัยก่อน หนังต่างประเทศชอบให้ตั๊กไปแคสบทผู้หญิงกลางคืนอะไรอย่างนี้แทบทุกเรื่อง ตั๊กเลยรู้สึกว่าต่างชาติมักจะมองผู้หญิงไทยที่ทำงานกลางคืนในแง่ลบเพียงด้านเดียว เราก็เลยคิดอยากจะทำหนังที่ให้เกียรติผู้หญิงเหล่านี้ที่สะท้อนให้เห็นแง่มุมชีวิตต่างๆ ที่ชัดเจนมากขึ้น ก็เลยลงตัวที่เรื่องราวของพวกสาวนักเต้น หรือนางโชว์”
“นางฟ้า” บอกเล่าเรื่องราวของ 3 สาวนางโชว์ดาวเด่นสุดเซ็กซี่ประจำร้าน ANGEL BAR ทั้ง 3 สาวเป็นเพื่อนสนิทและยังเป็นที่หลงใหลของบรรดาชายหนุ่มที่เข้ามาดูลีลาการเต้นโชว์ของพวกเธอ ไม่ว่าจะเป็น “เฟิร์น” (บงกช คงมาลัย) สาวใบ้ที่มีลีลาการเต้นโชว์สุดเร่าร้อนสวยงามแบบมัดใจชาย, “มิ้นท์” (จุฬาลักษณ์ จุฬานนท์) สาวสวยที่รักงานศิลปะทุกแขนง ซึ่งแม้จะถูกรัศมีของเฟิร์นบดบังอยู่ แต่มิ้นท์ก็ทั้งรักและดูแลเฟิร์นเหมือนน้องสาว และ “รุ้ง” (รฐา โพธิ์งาม) นางโชว์ลีลาดี มากประสบการณ์ และมีความทะเยอทะยานอยากมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่า
เรื่องราวของ “นางฟ้า” เป็นอย่างไร?
“ก็อย่างที่บอก เป็นเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีอาชีพเป็นนางโชว์ ทำงานกลางคืน คอยให้ความบันเทิงกับคนที่ไปเที่ยวในร้าน เป็นผู้หญิงที่ทุกคนอาจจะมองข้ามไปบ้าง กับเรื่องราวชีวิตในแง่มุมทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มุมที่ต้องทำงานกลางคืน หรือจะมุมของการเป็นแม่ ซึ่งจริงแล้วก็เป็นผู้หญิงที่ทำงานเหมือนคนปกติ เพียงเพราะอาชีพที่ต้องทำ และเมื่อมีลูกวิธีการดูแลจะเป็นอย่างไร จะสะท้อนออกมาให้เห็นแง่ความลึกซึ้งที่เจาะลึกชีวิตเข้าไป”
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนเปิดกล้อง
“เราต้องศึกษาก่อนว่าจะทำนางโชว์ออกมาแบบไหน ให้มันไม่เหมือนกับอันเก่าๆ พี่อ้วน (อ้วน รีเทิร์น) อยากให้มีมุมดราม่า ซึ่งตั๊กว่ามันดูมีคุณค่ากับหนัง ทำให้หนังนางโชว์มันมีหัวใจมากขึ้น จากนั้นตั๊กจึงเริ่มเขียนเป็นโครงเรื่อง เสร็จแล้วให้พี่วิโรจน์ (อ.วิโรจน์ ศรีสิทธ์เสรีอมร) มาร่วมเขียนบทภาพยนตร์ แล้วนำบทมาให้คุณเสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) เขาชอบบทที่เสนอไปเหมือนกันเพราะเป็นอีกมุมนึงที่ไม่ได้มีมานานมากแล้ว เสี่ยบอกว่าสหมงคลฟิล์มเป็นครูชั้นเอกเรื่องการตั้งชื่อหนังอยู่แล้ว เมื่อเสี่ยเห็นว่าเบื้องหน้าของหนังผู้หญิงทุกคนดูเป็นนางฟ้า แต่ด้วยชีวิตเบื้องหลังของนางฟ้าส่วนใหญ่แล้วอาจจะไม่ได้ดูหรูสวยงาม จึงกลายเป็นที่มาของชื่อนางฟ้าค่ะ"
สรุปก็คือเป็นหนังดรามา?
“เป็นหนังชีวิตที่มีครบทุกรสค่ะ ไม่ว่าจะเป็นความสนุกสนานความบันเทิง ด้านของอาชีพคนที่ทำงานเป็นนางโชว์ เบื้องหน้าพวกเธอสวยงาม ยิ้มแย้ม แต่พออยู่หลังเวทีกลับกลายเป็นเรื่องราวชีวิตจริงๆ ของพวกเธอ ซึ่งมีหลากหลายมุม ทั้งมุมซีเรียส มุมที่น่าสนใจ หรือจะมุมที่ดูแล้วอาจจะไม่น่าเห็นใจเลยด้วยซ้ำ มันครบทุกรสจริงๆ เศร้า สนุกสนาน หรือแม้แต่โชว์ที่น่าตื่นตาตื่นใจ”
ทั้งกำกับ เขียนบท เป็นนักแสดง แถมยังดีไซน์เรื่องชุดโชว์อีก ทำหลายตำแหน่งมาก รู้สึกอย่างไร?“สนุกมากค่ะ ตอนเขียนบทก็ร่วมเขียนกับพี่วิโรจน์ และก็มีพี่อ้วนเป็นที่ปรึกษาด้วย เพราะพี่อ้วนจะมีมุมของเขาที่อยากจะให้เป็น ก่อนจะเขียนออกมาได้ต้องมีการทำรีเสิร์ชกลุ่มคนทำงานกลางคืน ไปดูโชว์เต้นมา โชว์ที่เขาลือชื่อกันอยู่ในเมืองไทยมีที่ไหนบ้าง เราก็ไปดูกัน จากนั้นเริ่มแคสติ้งหานักแสดงให้เข้ากับคาแรกเตอร์ที่เราเขียน แล้วต่อด้วยการเวิร์กชอปนักแสดง”
ยากมั้ยกับขั้นตอนการแคสติ้ง
“ต้องบอกว่านักแสดงที่เลือกแต่ละคนไม่จำเป็นต้องเลือกให้ตรงกับคาแรกเตอร์ไปหมดทุกอย่าง แต่เราเลือกคนที่พอจะมีความเหมือน แล้วนะมาปรับให้เข้ากับคาแรกเตอร์ในเรื่องค่ะ อย่างมิ้นท์ รับบทโดย อมยิ้ม จุฬาลักษณ์ ตามคาแรกเตอร์จะเป็นคนที่มีความเป็นผู้หญิงสูงมาก เรียบร้อย กิริยาท่าทาง แล้วตัวน้องอมยิ้มเองก็เป็นคนเรียบร้อยด้วย ด้วยสรีระต่างๆ รูปร่างโอเคเลย เหมาะที่จะเป็นนางโชว์ แต่ก็ต้องฝึกซ้อมทั้งการแสดง และการเต้น เพราะนี่เป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกของน้องเขาเลยค่ะ”
“รุ้ง รับบทโดย หญิง รฐา คาแรกเตอร์เป็นผู้หญิงสวย เต้นเก่ง จะเป็นผู้ออกแบบท่าเต้นให้กับโชว์นางฟ้าแต่ละโชว์ในหนัง บุคลิกไม่ยอมคน ตั๊กเลือกหญิง เพราะเขาเต้นเก่ง และเหมาะสมกับบทนี้มากค่ะ ส่วน เฟิร์น รับบทโดย ตั๊กเอง คาแรกเตอร์เป็นผู้หญิงที่เศร้า เหงา หัวอ่อนเชื่อคนง่าย แล้วก็เป็นใบ้พูดไม่ได้ แต่มีความเก่งด้านการจำท่าเต้นได้อย่างดีค่ะ”
“ชารีฟ รับบทโดย พี่หนึ่ง ชลัฏ สำหรับพี่หนึ่งเราร่วมงานกันมาหลายเรื่องแล้ว จึงเลือกให้พี่หนึ่งมาแคสบทนี้ อยากให้พี่หนึ่งแสดงบทนี้ ที่ต้องเล่นเป็นคน 2 สมัย ที่ดูภายนอกจะขรึม ภายในเป็นคนดุ และน่ากลัว ผู้หญิงเห็นภายนอกจะมองว่าดูดี ในเรื่องนี้พี่หนึ่งสามารถถ่ายทอดออกมาให้ผู้หญิงที่ดูรู้สึกเกลียดเขาได้เลยค่ะ”
“แล้วก็จะมี ตรัย นักดนตรีในวงรับบทโดย น้องจ๊อบ ไตรรงค์ ตามคาแรกเตอร์จะเป็นคนที่มีความผิดปกติ กลัวว่าในอนาคตจะเป็นยังไง กลัวความเปลี่ยนแปลง กลัวทุกอย่าง ซึ่งน้องจ๊อบเขามีพื้นฐานการเล่นดนตรี แต่เขาก็ยังไปเรียนเพิ่มเติมเพื่อที่จะได้ดูเป็นนักดนตรีจริงๆ ด้วยค่ะ”
“เก้า หรือ ไนน์ รับบทโดย น้องโน่ มาเรียวโน่ เป็นเด็กที่เกิดมาจากนางโชว์ มีปมด้อย จึงชอบความรุนแรง ชอบชกมวย รู้สึกไม่ดีกับครอบครัวตัวเอง จึงกลายเป็นปัญหาในการตัดสินใจ ทั้งเรื่องเรียน หรือเรื่องอะไรต่างๆ...สำหรับน้องโน่ จะมีปัญหาด้านภาษาไทยที่ไม่ค่อยชัด แต่น้องมีพื้นฐานการต่อยมวย และการแสดงเป็นเรื่องแรก โน่ถ่ายทอดตัวละครของเก้าออกมาได้ดีมากค่ะ”
ดูเหมือนว่าเรื่องเต้นถือเป็นหัวใจสำคัญ ตรงนี้ได้ใครมาช่วย?
“ตั๊กมีครูเบิร์ด (สุรินทร์ เมทะนี) เป็นผู้ออกแบบท่าเต้น และเป็นครูสอนพวกเราด้วย ครูเบิร์ดเป็นคนเก่งมาก คิวแน่นมากแต่ก็แบ่งเวลามาสอนพวกเรา เพราะเขามีออกแบบท่าเต้นให้กับงานต่างๆ เยอะเต็มไปหมด รายการโทรทัศน์, คอนเสิร์ต, โฆษณา หรือภาพยนตร์ เยอะมากค่ะ”
ตรงนี้ใครมีปัญหาอะไรมั้ย?
“ต้องฝึกรูดเสาให้ได้ค่ะ (หัวเราะ) แอบเมาท์น้องอมยิ้ม เพราะน้องเขาเรียบร้อยมาก ประสบการณ์การรูดเสาจึงดูยากลำบากมาก สำหรับคนที่ฝึกใหม่ เพราะต้องใช้บอดี้เยอะมาก...ส่วนหญิงเขาเป็นนักเต้นอยู่แล้วจึงไม่ยาก เขาชำนาญเรื่องการเต้นอยู่แล้ว”
มีฉากไหนที่เรารู้สึกประทับใจเป็นพิเศษ?
“ตั๊กชอบฉากที่ถ่ายในพัทยาตอนกลางคืนค่ะ ฉากนั้นเฟิร์นนั่งรถออกมาข้างนอกกับชารีฟ แล้วด้วยสองข้างทางที่มันให้ความรู้สึกสับสน วุ่นวาย มันเป็นฉากอารมณ์ที่ต้องการสื่อถึงความรู้สึกของผู้หญิงทำงานกลางคืนด้วยค่ะ ตั๊กชอบบรรยากาศของพัทยา เส้นถนนที่มีผับบาร์ อย่างถ้าเป็นเมืองนอกมาถ่ายจะเน้นไปในทางอารมณ์นักท่องเที่ยว แต่มุมของตั๊กไม่ใช่แบบนั้น”
อะไรที่คนดูจะได้ไปหลังโชว์ของนางฟ้าจบลง?
“แน่นอนคือความบันเทิง แต่อีกมุมนึงคือการสะท้อน เรื่องราวชีวิต ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้ คนที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาชีวิตจะมีทางเลือกและการตัดสินใจแก้ไขปัญหาเหล่านี้ที่เกิดขึ้นอย่างไร ตั๊กเชื่อว่าจะเป็นหนังที่สะท้อนสังคมได้อย่างดีค่ะ ฝากผลงานเรื่องนางฟ้า ไว้ด้วยนะคะ เป็นงานกำกับเรื่องแรกของตั๊ก ตั้งใจทำเต็มที่มาก อยากให้ทุกคนมาดูกันเยอะๆ นะคะ”
สุดท้าย เป็นอย่างไรบ้างกับการเป็นผู้กำกับแบบเต็มตัวครั้งแรก?
“ทั้งตื่นเต้น ทั้งสนุกมากค่ะ มันก็มีเหนื่อยบ้าง เราต้องทำหลายอย่างในเวลาเดียวกัน แต่ตั๊กได้ทีมงานมีฝีมือ รวมถึงพี่วิโรจน์ ทุกคนตั้งใจทำงานเต็มที่มากค่ะ...”