“สิทธัตถะ เอมเมอรัล” กลายเป็นเรื่องฮอตขึ้นมาทันทีในโลกออนไลน์ ที่ Thailand’s Got Talent จงใจจัดวางเพื่อสร้างกระแส ... เขาเป็นอดีตนักเรียนชั้น ม. 6 ห้อง 9ของวัดสุทธิวราราม จบการศึกษาเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เรียนเก่ง ไม่พูดกับใครจนได้รับฉายาจากเพื่อนๆว่า "ใบ้" ที่มาพร้อมพฤติกรรมแปลกๆ มากมาย ... TGT รู้ทั้งรู้อยู่ว่า “สิทธัตถะ เอมเมอรัล” จะกลายเป็นตัวตลก ถูกตั้งแง่รังเกียจ ไปจนถึงการฆ่าคนทั้งเป็น ก็ยังดำเนินการปล่อยให้เทปนี้ออกอากาศ ... จรรยาบรรณ ความรับผิดชอบของสังคมอยู่ตรงไหน !!
อดีตที่ผ่านมา ... เคยขอโทษและพูดแก้ตัวอ้อมแอ้มว่า “ไม่รู้เห็นกับเรื่องที่เกิดขึ้น” เมื่อครั้งรายการ Thailand’s Got Talent ปล่อยให้โชว์ผู้หญิงระบายสีด้วยนมออกอากาศจนกลายเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เรียกเรตติ้งไปได้ถล่มทลาย กลับมาครั้งนี้นอกจากจะไม่สำนึกแล้วยังดูเหมือนว่าจะหนักกว่าเดิม เมื่อบอสใหญ่แห่งเวิร์คพอยท์ฯ “ปัญญา นิรันดร์กุล” ผู้ผลิตรายการ Thailand’s Got Talent จงใจเขียนบทให้คอมเมนเตเตอร์ พิธีกร ตลอดจนคนดูในห้องส่งแสดงท่าที่รังเกียจหมิ่นหยามผู้เข้าแข่งขันที่มีลักษณะของคนที่ป่วยทางจิตตั้งแต่เทปแรก ทันทีที่ออกอากาศกระแสสังคมก็วิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงความไม่เหมาะสมและความน่ารังเกียจของผู้ผลิตรายการที่ไร้จรรยาบรรณ แต่กระแสในทำนอง “ยิ่งฉาว ยิ่งดัง เรตติ้งยิ่งพุ่ง” แบบนี้นี่แหละที่นายปัญญา แห่งเวิร์คพอยท์ฯโปรดปราน
ละครเรียกเรตติ้งบทใหม่ของปัญญา ณ เวิร์คพอยท์ฯ เกิดขึ้นในชื่อ Thailand’s Got Talent ปีที่สาม เมื่อรายการจงใจเขียนบทให้ชายผู้มีลักษณะบกพร่องทางจิตขึ้นไปแสดงความสามารถด้วยการร้องเพลงบนเวที และเปิดให้คอมเมนเตเตอร์ทั้งสามยำเละ พิธีกรบนเวทีทั้งสองแสดงท่ารังเกียจขยะแขยง และผู้ชมทุกคนในห้องส่งก็ถูกป้อนโปรแกรมให้แสดงท่าทางเย้ยหยัน นาฏกรรมทั้งหมดถูกเผยแพร่ออกอากาศในเทปแรกของรายการชื่อดังที่ออกอากาศมาเป็นปีที่สามแล้ว
ในการ “แสดง” ที่เข้มข้นของรายการ Thailand’s Got Talent ปีที่สาม อยู่ๆ ก็มีชายบุคลิกหลุกหลิกคล้ายคนที่เข้าสังคมไม่เก่งคนหนึ่งขึ้นมาบนเวที เขาแนะนำตัวว่าชื่อ “สิทธัตถะ เอมเมอรัล” อายุ 24 ปี ตอนนี้ว่างงาน ซึ่งตลอดเวลาที่พูดชายคนนี้ไม่มีหางเสียงว่า “ครับ” อีกทั้งยังพูดห้วนๆ จนคอมเมนเตเตอร์เอ่ยถามว่าพูด “ครับ” ไม่เป็นหรือ และนั่นคือปฐมบทของการปูเรื่องไปสู่การเผชิญหน้ากันระหว่างคอมเมนเตเตอร์ พิธีกร และผู้ชมในห้องส่งที่เป็นตัวแทนของ “คนปกติ” ในสังคมที่รู้จักการสื่อสารกับผู้อื่น กับ “เอมเมอรัล” ที่เป็นตัวแทนของคนที่พูดจาห้วนๆ เข้าสังคมไม่เป็น
สิ่งที่รายการพยายามนำเสนอคือความเป็น “ตัวประหลาด” ของเอมเมอรัลโดยหาได้เจาะเข้าไปว่าเขามีความบกพร่องหรือผิดปกติทางจิตหรือไม่ ทั้งๆ ที่ผู้ชมทางบ้านนั่งดูเทปนี้แค่ไม่กี่นาทีก็รู้ว่าเอมเมอรัลมีความผิดปกติบางอย่างในการสื่อสารกับผู้อื่น แต่ทีมงาน คอมเมนเตเตอร์ พิธีกรบนเวที ตลอดจนผู้ชมในห้องส่งที่เห็นเขาและอยู่ใกล้ชิดกับเขามากกว่าคนดูทางบ้านกลับไม่รู้หรือปฏิเสธที่จะรับรู้ว่าเขาไม่ปกติ โดยคำให้การล่าสุดของโปรดิวเซอร์รายการก็ย้ำว่าเอมเมอรัลเป็นคนปกติทุกประการ
เป็นธรรมเนียมของรายการ Got Talent ที่จะปล่อยให้โชว์ที่ยอดเยี่ยมกับโชว์ที่ย่ำแย่ออกอากาศสลับกันซึ่งเกิดขึ้นกับรายการนี้ของทุกประเทศที่ซื้อลิขสิทธิ์ไปผลิต ซึ่งทุกครั้งที่เกิดโชว์ห่วยๆ บนเวที คอมเมนเตเตอร์จะสวมบทนักวิพากษ์ฝีปากร้ายวิพากษ์วิจารณ์และแสดงท่าทางดูถูกผู้แสดงให้คนดูรับรู้ได้ ทั้งหมดคือการแสดงและเป็นเหมือนคัมภีร์ที่ Got Talent ทั่วโลกต้องรับไปปฏิบัติ
แต่สิ่งที่ทำให้คนในสังคมไทยรับไม่ได้ก็คือการแสดงท่าทางดูถูกหมิ่นหยามผู้ที่มีอาการบกพร่องทางจิตเสมือนว่าเขาไม่ใช่มนุษย์เหมือนคนที่กำลังหัวเราะ เหมือนผลักมนุษย์คนหนึ่งออกไปเป็นตัวตลกท่ามกลางฝูงชนที่นั่งดู พฤติกรรมเช่นนี้สำหรับสังคมไทยแค่เพียงเป็นคนทั่วไปเราก็รับไม่ได้แล้ว แต่นี่เป็นคนที่มีความบกพร่องทางจิตและการเข้าสังคม เรื่องนี้จึงกลายเป็นการเขียนบทให้ทุกคนในรายการแสดงท่าทางเยาะเย้ยและดูถูกผู้มีความบกพร่องทางจิตอย่างเปิดเผย แบบนี้ไม่มีทางที่ใครจะรับได้
เมื่อเทปรายการนี้แพร่ออกไป ผู้ที่ได้รับชมก็รุมประณามรายการ Thailand’s Got Talent เละยิ่งกว่าที่คอมเมนเตเตอร์ทำกับเอมเมอรัลหลายเท่า คอมเมนเตเตอร์อย่าง “เบนซ์ พรชิตา ณ สงขลา” ถูกด่าเละถึงเรื่องกิริยาท่าทางที่เธอแสดงออก หลายคนที่เคยเป็นแฟนละครของเธอประกาศว่ารับไม่ได้แล้วจะไม่ติดตามผลงานของเธออีกต่อไป ส่วน “โจ จิรายุ วรรธนะสิน” หรือ “โจ นูโว” ที่ Walk Out เดินหนีไปขณะที่เอมเมอรัลยังทำการแสดงก็ถูกด่าว่าไม่ให้เกียรติผู้แข่งขันในฐานะมนุษย์ รวมไปถึงพิธีกรบนเวทีอย่าง “น้าเน็ก เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา” กับพิธีกรที่เพิ่งเข้ามาเสริม “ตุ๊กกี้ สุดารัตน์ บุตรพรม” ที่ทำท่ารังเกียจตอนที่เอมเมอรัลเดินเข้ามาที่หลังเวทีจนเหมือนว่าเขาไม่ใช่มนุษย์ ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ที่ผู้ชมทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นการร่วมกันผลิตรายการที่น่ารังเกียจขึ้นมาประดับวงการโทรทัศน์อีกรายการหนึ่ง
และเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา เมื่อมีโชว์ที่รายการวางไว้ให้เป็นโชว์ห่วย รายการก็นำโชว์ที่พวกเขามั่นใจว่าเป็นโชว์เจ๋งมาประกบ และนั่นก็เป็นที่มาของโชว์ร้องเพลงเล่นกีตาร์เพื่อพี่น้องในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของ “ สมชาย นิลศรี” ที่เรียกน้ำตาผู้ชมในห้องส่งและคอมเมนเตเตอร์ ซึ่งช่อง 3 ก็รับลูกด้วยการให้นักเล่าข่าว “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” เชิญมาออกรายการเรื่องเด่นเย็นนี้ทั้งๆ ที่เรื่องของเอมเมอรัลนั้นโดดเด่นจนเป็นทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ แต่พี่ยุทธของน้องไบรท์กลับปิดปากเงียบไม่พูดถึงแม้แต่คำเดียว เพราะต้นสังกัดยังประดิษฐ์คำแก้ตัวสวยหรูไม่เสร็จ
“เอมเมอรัล” คือใคร?
หลังจากที่เทปของเอมเมอรัลถูกเผยแพร่ออกไป คนที่ไม่ได้ติดตามชมรายการในวันนั้นหลายคนก็ได้รับชมจากโซเชียลเน็ตเวิร์ก และหลังจากนั้นไม่นานก็มีคนที่รู้จักเอมเมอรัลค่อยๆ ออกมาพูดถึงเขาผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์
คนแรกใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า “Chill Lomona Nate” อ้างว่าเรียนห้องเดียวกับเอมเมอรัล ที่โรงเรียนวัดสุทธิวราราม ห้อง 9 ซึ่งจบเมื่อปี ค.ศ. 2007 เขาบอกว่าเอมเมอรัลเป็นคนที่เรียนเก่งมากแต่เข้าสังคมไม่เก่ง ไม่ค่อยพูดกับใคร แต่มักจะนั่งพูดอะไรคนเดียว ด้วยความที่ไม่พูดอะไรกับใครทำให้ได้รับฉายาจากเพื่อนๆ ว่า “ใบ้”
อีกรายใช้ชื่อในเฟซบุ๊กว่า “Ban Bin” บอกว่าเคยเป็นอาจารย์สอนเอมเมอรัล รับรู้ความเป็นไปของเขามาโดยตลอด แม้กระทั่งเรื่องที่บ้าน โดยบอกว่าเอมเมอรัลมีแม่ที่พูดและบ่นตลอดเวลาจนทำให้เขากลายเป็นเด็กที่ปิดปากเงียบไม่สุงสิงกับใคร มาโรงเรียนก็ไม่มีเพื่อน และด้วยบุคลิกที่แปลกจากคนอื่นทำให้มีแต่คนที่แกล้งเขาและคิดว่าเขาเป็นตัวตลก ช่วงก่อนจบมัธยมปีที่ 6 เอมเมอรัลมีพฤติกรรมที่แปลกขึ้นเรื่อยๆ เช่น ไปแอบซ่อนอยู่ในห้องน้ำที่โรงเรียน , เอาทรายใส่ในกระเป๋านักเรียนมาโรงเรียน อาจารย์คนนี้เคยแนะนำให้คุณแม่และเอมเมอรัลไปพบจิตแพทย์ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองจนมาเห็นเอมเมอรัลอีกทีตอนที่ไปยืนร้องเพลงอยู่บนเวทีรายการ Thailand’s Got Talent ซึ่งตัวเขาและคนที่รู้จักเอมเมอรัลตกใจมากเพราะรู้ดีว่าคนอย่างเอมเมอรัลไม่มีทางที่จะประกวดอะไรลักษณะนี้ได้ การที่เขาขึ้นไปยืนอยู่บนเวทีนั้นจึงเปรียบเสมือนการเอาเขาไปฆาตกรรมบนเวที โดยมีเสียงหัวเราะ เสียงโห่ฮา และอาการดูถูกดูแคลนเป็นอาวุธที่ทำร้ายเอมเมอรัล
ถึงตอนนี้(พฤหัสบดีที่ 6 มิถุนายน) “ปัญญา” และเวิร์คพอยท์ฯ ยังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ ทั้งๆ ที่กระแสต่อต้านคัดค้านรุนแรงมาก เครือข่ายครอบครัวรวมตัวกันยื่นหนังสือถึง กสทช. (กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) ให้ถอดรายการนี้ออกจากผัง กสทช. ก็ออกมารับลูกว่าช่อง 3 มีลักษณะที่แปลกประหลาดเพราะที่ผ่านมาก็เคยเซ็นเซอร์ละครตัวเอง แต่เรื่องละเอียดอ่อนเช่นนี้กลับปล่อยให้ออกอากาศได้ ปีที่แล้ว กรณี "วาดรูปด้วยนม" เวิร์คพอยท์ฯและช่อง 3 ถูกปรับเป็นเงิน 500,000 บาท แต่เม็ดเงินที่หลั่งไหลเข้ากระเป๋าพวกเขามหาศาลกว่านั้นหลายเท่า แค่ครึ่งล้านถือว่าจิ๊บๆ งานนี้ยิ่งฉาวยิ่งดัง “ปัญญา ณ เวิร์คพอยท์ฯ” กับทีมเขียนบทเตรียมตัวเขียนบทเรื่องต่อไปให้ฉาวสุดๆ กันได้เลย
.............................................................
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 192 วันที่ 8-14 มิถุนายน 2556