เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า หนังแฟรนไชส์สายพันธุ์รถแข่งอย่าง Fast & Furious จะวิ่งต่อไปข้างหน้าอย่างไม่มีหยุดยั้ง ภาคที่ 7 นั้นมีแน่นอน ขณะที่ภาค 8-9 ก็เป็นสิ่งที่ผู้สร้างออกปากไว้แล้วเช่นกัน แม้จะในเชิงมุกตลก แต่ถ้าดูจากมวลสารวัตถุดิบ ตลอดจนความนิยมของคนดูที่ยังเหนียวหนึบอยู่ยิ่งกว่ายางรถเกาะติดผิวถนน การที่หนังตระกูลนี้จะสร้างภาคต่อให้ครบสักหนึ่งโหล ก็คงไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้
พูดจากใจ หลังจากที่ได้ดูภาคหลังสุด อย่าง Fast Five ผมก็คิดไม่ค่อยออกแล้วว่า หนังเรื่องนี้จะพาตัวเองวิ่งต่อไปข้างหน้าอย่างไร เพื่อไม่ให้ “น้อยกว่า” สิ่งที่ทำไว้แล้ว เพราะ Fast Five ทำไว้ในระดับที่เรียกว่ามาตรฐานสูงมาก มันคงเป็นความรู้สึกเดียวกับที่เคยรู้สึกกับ “นางนาก” ของอุ๋ย-นนทรีย์ แล้วไม่คิดว่าจะมีใครมาทำอะไรให้มันเด่นกว่านั้นได้ แต่สุดท้าย ก็มี “พี่มาก...พระโขนง” ที่กลายเป็นหนังพันล้านไปเรียบร้อยแล้ว
ในมุมมองเดียวกัน สำหรับ Fast 6 ต้องไม่ “น้อยกว่า” ภาค 5 เพราะถ้า “ไม่มากกว่า” ก็ต้อง “เท่ากับ” และกับผลลัพธ์ที่ออกมา กลับกลายเป็นว่า ความสนุกสนานไม่ได้ด้อยลงไปเลย มันสุดแท้แต่ว่า ใครจะให้คะแนน “เท่ากับ” หรือ “มากกว่า” ภาค 5 ก็เท่านั้นเอง
อันที่จริง เหตุผลที่ Fast & Furious ภาค 5 ดูโดดเด่นน่าจดจำสำหรับผมและคุณ น่าจะเป็นเพราะว่ามันเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยส่วนหนึ่ง ก็อย่างที่แฟนคลับหนังแฟรนไชส์เรื่องนี้จะเห็นครับว่า ภาคก่อนๆ มา ส่วนมากหนังมักจะไปเน้นเกี่ยวกับการขับเคี่ยวกันในเรื่องของความเร็วความแรงที่ประลองกัน หนังได้ใจพวกคนรักความเร็วไปเต็มๆ แต่พอถึงภาค 5 ดูเหมือนว่ามิติของเรื่องจะเริ่มทแยงมุมฉีกออกไปอย่างชัดเจน หนังไม่ได้เน้นแข่งรถหรือประลองความเร็วอีกต่อไปแล้ว แต่ใช้ความเร็วไปใช้สอยในอีกทาง คือเป็นเครื่องมือในการห้ำหั่นไล่ล่ากันระหว่างตัวดีกับตัวร้ายในเรื่อง
หนังผูกพล็อตได้แน่นและมีความน่าติดตาม ฉากทำลายข้าวของกระจุยกระจายไม่เสียดายข้าวของ หนังก็ทำได้สะใจ ขณะที่ความระห่ำในเกมไล่ล่ากันบนท้องถนน ก็เป็นปัจจัยที่เสริมส่งความสนุกให้กับหนัง ก้าวขึ้นไปอีกขั้นจากที่เคยเป็นเพียงการประลองความเร็วเพื่อเอาชนะ แต่มี “ชีวิต” ทั้งของตัวเองและคนที่รัก เป็นเดิมพัน
หนึ่งองค์ประกอบที่ถือเป็นสีสันของเรื่องราว นอกจากความหลากหลายของรถเร็วและแรง คือตัวละคร โดยเฉพาะในกลุ่มแก๊งตัวหลัก หนังมีตัวละครที่พร้อมจะสร้างมิติได้ครบครัน ไล่ตั้งแต่ตัวละครที่มาพร้อมกับความขบขันกวนประสาท, ตัวละครที่กล้าแลก กล้าได้กล้าเสีย, ตัวละครที่เคร่งขรึมสุขุมคัมภีรภาพ หรือหากฉากไหนช่วงใด หนังจะเล่นกับความรักโรแมนติก หนังก็มีตัวละครแบบนั้นไว้รองรับ
ครับ, ผมคิดว่า หนังที่สามารถผสมผสานองค์ประกอบทั้งหมดให้อยู่ในจุดที่ลงตัวได้ขนาดนี้ ผู้กำกับต้อง “มือนิ่ง” ใช้ได้ ใน Fast 6 มันมีหลากรสหลายอารมณ์อยู่ในนั้น ทั้งแอ็กชั่นชนิดมันระห่ำ ความฮาความขำที่ทำให้หนังไม่ดูแข็งกระด้าง ไปจนถึงเรื่องรักที่ไม่ฟูมฟายแต่สัมผัสได้ถึงหัวใจที่มากมายด้วยรักและพร้อมอุทิศตัวเองเพื่อรักนั้น การตัดต่อนั้นเป๊ะมากครับ เขารู้ว่าจะต้องใส่อะไรตรงจุดไหน ถ้าเห็นหนังกำลังนิ่ง ก็เติมแอ็กชั่นเข้ามา ถ้าหนังกำลังดูเครียด อารมณ์ขันก็ถูกนำมาใช้
ไม่มีข้อเสียสายในแนวทางของตัวเอง คงต้องบอกเช่นนั้น เพราะสิ่งที่ผมมักจะพูดเสมอ ก็คือว่า ถ้าคุณทำหนังตลก แล้วทำให้คนดูตลกขำขันได้ หรือคุณทำหนังผีแล้วทำให้คนดูกลัวได้ นั่นคือความสำเร็จ และสำหรับหนังระห่ำๆ อย่าง Fast 6 ที่เดินมาในทางของแอ็กชั่น ก็ไม่มีอะไรตกหล่นเสียหาย และเหนืออื่นใด ความแอ็กชั่นของหนังนั้นมีหลายก๊อกจริงๆ ครับ คือเราคิดว่ามัน “เพียงพอ” แล้ว แต่ผู้กำกับก็ยัง “ได้อีก ได้อีก” คือเหมือนจะจบแต่ไม่จบ และเล่นกับฉากแอ็กชั่นได้ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยหรือมีท่าทีหมดพลัง
หนังมีไดอะล็อกหรือบทพูดเท่ๆ น่าคิดเยอะพอสมควรครับ สำหรับใครที่อาจจะอยากได้มุมมองความคิด เรื่องมิตรภาพ เรื่องครอบครัว เรื่องทีม หรือความมุ่งมั่นทุ่มเทเพื่อคนที่ตนรัก สิ่งเหล่านี้พาให้หนังก้าวพ้นไปจากความเป็นแอ็กชั่นทำลายข้าวของวินาศสันตะโรเพียงอย่างเดียว หนังมีสาระเท่าที่จะมีได้
และถ้าจะมีอะไรที่น่ากดไลค์ให้ในท้ายที่สุด ก็คงเป็นคำพูดของใครสักคนในตอนท้ายที่กล่าวคำขอบคุณต่อพระเจ้าในหลายสิ่งหลายอย่าง รวมทั้งขอบคุณรถซิ่งรถแข่ง เพราะถ้าไม่มีสิ่งนี้แล้ว นอกจากพวกเขาจะไม่มีชีวิตอย่างที่มีอยู่ คนดูหนังอย่างเราๆ ก็อาจไม่ได้มีโอกาสดูหนังสนุกๆ มันๆ เช่นนี้ จริงไหม?
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศhttp://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |